นางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (www.plus.co.th)

ข้อมูลจากพอร์ตลูกค้าในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า กลุ่มลูกค้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยุคปัจจุบัน มีดีมานด์ในการเช่าคอนโดในสัดส่วนที่มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมที่มีแนวโน้มต้องการหาซื้อโครงการคอนโดมิเนียมเป็นสินทรัพย์ของตัวเอง เทรนด์เริ่มเปลี่ยนเป็นการเช่ามากขึ้น เพราะสะดวกและโยกย้ายง่ายเมื่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำงาน ที่อยู่ ยิ่งในปัจจุบันมีสถานการณ์โควิด-19 อาจทำให้คนตระหนักถึงความไม่แน่นอนและรู้สึกไม่มั่นคงในรายได้ ดีมานด์การเช่าจึงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นแทน ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ที่มีการเก็บรายงานผู้เข้าชมเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ทั่วประเทศ ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2564 เกี่ยวกับเทรนด์การเช่าอสังหาริมทรัพย์สำหรับอยู่อาศัย ที่พบว่าความสนใจในการ “เช่า” มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดเข้าชมประกาศที่อยู่อาศัยให้เช่า ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 31% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2563 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ สวนทางกับความสนใจ “ซื้อ” ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเพียง 7% เท่านั้น ทั้งเมื่อพิจารณาแนวโน้มของประกาศที่อยู่อาศัยให้เช่าบนเว็บไซต์ ในช่วงม.ค.-ก.พ. 64 พบว่าเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่ลุกลามในไทย

สำหรับนักลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แน่นอนว่าการศึกษากลุ่มลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเลือกลงทุนซื้อโครงการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและสร้างโอกาสในการได้ลูกค้า โดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีทั้งในรูปแบบการลงทุนระยะสั้นอย่างการขายต่อ และการลงทุนระยะยาวอย่างการปล่อยเช่า ซึ่งการที่เทรนด์ลูกค้าในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่นิยมเช่ามากกว่าซื้อ ในส่วนของนักลงทุนเองก็ควรต้องมีการปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้อง เพื่อโอกาสการสร้างรายได้ โดยในการลงทุนในสถานการณ์จริง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นได้ทั้งการปล่อยเช่าในระยะแรก และขายต่อเมื่อโครงการนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นก็ได้

สำหรับนักลงทุนปล่อยเช่า ก็ได้อานิสงส์จากเทรนด์นี้ไปโดยตรง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าในช่วงนี้อาจยังไม่สดใสนัก เนื่องจากสถานการณ์ไม่ปกติจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนมีข้อจำกัดด้านการใช้จ่ายมากขึ้น กำลังเช่าและความต้องการจากลูกค้าต่างชาติก็ลดลง ในตลาดมีการลดค่าเช่า มีการแข่งขันด้านราคา ดังนั้นนักลงทุนอาจพิจารณาปรับตัวในหลายปัจจัย เช่น ด้านราคา อาจปรับราคาให้สามารถแข่งขันในตลาดได้เพื่อให้มีกระแสเงินสดเข้ามาก่อนในช่วงเวลานี้ ด้านสินค้า ทำให้ห้องเราน่าสนใจ สวยงามดึงดูดกว่าห้องทั่วไปในตลาด เช่นการตกแต่งต่อเติมห้อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเสริมเพิ่มเติมให้มากกว่าที่อื่น และสำหรับนักลงทุนที่มีปัญหาด้านการเงิน เช่น ความสามารถในการผ่อนชำระค่าห้องลดลง ก็อาจปรึกษาธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อให้เราเพื่ออธิบายสถานการณ์ความจำเป็น และขอความช่วยเหลือหรือผ่อนผันค่างวดลงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เป็นต้น

ในส่วนของนักลงทุนขายต่อ การที่เทรนด์ลูกค้าในยุคปัจจุบันนิยมเช่ามากกว่าซื้อ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะหมดโอกาสในการขายคอนโด อาจลองมาศึกษาพฤติกรรม Insight ของลูกค้าว่าเหตุใดจึงอยากเช่ามากกว่าซื้อ ซึ่งส่วนหนึ่งเราพบว่า ผู้ที่นิยมการเช่าเพราะไม่ต้องการมีภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดังนั้นหากสามารถทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เกิดความรู้สึกว่าซื้อแล้วจะคุ้มค่า ก็อาจจูงใจให้กลับมาซื้อได้ เช่น การมีโปรโมชั่นลดภาระค่าใช้จ่ายเช่นค่าเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ ค่าประกัน หรือแม้กระทั่งค่าส่วนกลาง ที่อาจมีข้อเสนอพิเศษฟรีค่าส่วนกลางปีแรก เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความน่าสนใจเพื่อโอกาสในการขายได้ โดยตกแต่งฟังก์ชั่นห้องให้ตอบโจทย์ความต้องการยุค next normal คือให้สามารถทำกิจกรรมภายในห้องได้หลากหลาย เช่น มีสิ่งอำนวยความสะดวกและมุมทำงาน ออกกำลังกาย ทำอาหาร แต่งห้องให้สวยงามเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย หรือปรับกลยุทธ์โดยหาผู้เช่ารอเวลาระหว่างที่ยังขายไม่ได้

อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ในธุรกิจซื้อ-ขาย-เช่า กว่า 25 ปีของพลัสฯ มองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ แม้มีช่วงขาขึ้น-ขาลง แต่โดยภาพรวมนั้นมีความเป็นวัฏจักรที่สุดท้ายจะค่อยๆ กลับมาเติบโตและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ด้วยลักษณะของสินทรัพย์ที่ยึดโยงกับที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด และนับวันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต ดังนั้นขอเป็นกำลังใจให้นักลงทุนพยายามปรับตัว ประคองสถานการณ์ให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป หาโอกาส เชื่อว่าไม่นานเกินรอ ตลาดซื้อ-ขาย-เช่าจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งค่ะ