สิงห์ปืนไว! สิงห์ เอสเตท กระโดดสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า คว้าสิทธิ์ซื้อหุ้น 30% ในโรงงานผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Co-generation power plant) ขนาดใหญ่ 3 แห่ง
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทาง บมจ. สิงห์ เอสเตท (S) บริษัทผู้พัฒนาและลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เพิ่งประกาศแผนกลยุทธ์ธุรกิจประจำปี 2564 ถึงการปั้นหน่วยธุรกิจที่ 4 เพื่อเติมเต็ม 3 ธุรกิจปัจจุบัน อันประกอบไปด้วย ธุรกิจอสังหาเพื่อการพาณิชย์ ทั้งพื้นที่ค้าปลีก และพื้นที่สำนักงานให้เช่า ธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรม และธุรกิจโครงการที่พักอาศัย ให้แกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งก็คือการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจให้บริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจให้บริการด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ ทั้งในประเทศ และระดับโลก คล้อยหลังไปไม่ถึง 1 เดือนดูเหมือนว่าสิงห์ เอสเตท จะไม่ได้วางบทบาทของตัวเองเพียงแค่ผู้เล่นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่เป็นการวางตัวเองให้เป็นผู้ท้าชิงรายเดียวที่พร้อมช่วงชิงบัลลังก์จากผู้นำตลาดได้ในแบบสายฟ้าแลบเลยทีเดียว! โดยวันนี้ บมจ. สิงห์ เอสเตท (S) บริษัทผู้พัฒนาและลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย ประกาศว่า บริษัทได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการเข้าซื้อหุ้นสามัญ 30% ในโรงงานผลิตไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Co-generation power plant) ขนาดใหญ่ จำนวน 3 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวมกัน 400 เมกะวัตต์ โดยเป็นสิทธิ์ซื้อที่ราคาพาร์ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,392 ล้านบาท ที่สำคัญคือ เกือบ 70% ของกระแสไฟฟ้าที่ทั้ง 3 โรงไฟฟ้านี้จะผลิตได้รวมกันนั้น ขายได้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว นับว่าเป็นการการันตีถึงรายได้ที่จะเข้ามาต่อเนื่องในอนาคตได้เป็นอย่างดี
สำหรับแห่งแรกนั้น เป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานความร้อนร่วม ของบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จังหวัดอ่างทอง โดยดำเนินการผลิตอยู่แล้ว ด้วยกำลังการผลิตอยู่ที่ 123 เมกะวัตต์
ส่วนแห่งที่สองและสาม เป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 1 จำกัด และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (ราชบุรี) 2 จำกัด เป็นเจ้าของใบอนุญาต ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ มีกำหนดเปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2566 โดยจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่โรงงานละ 140 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งสามแห่งจะเริ่มขึ้นเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของบมจ. สิงห์ เอสเตท ซึ่งมีกำหนดจัดการประชุมสามัญประจำปีในวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564
นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการ บมจ. สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า “เราได้สิทธิ์ซื้อหุ้นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเงื่อนไขที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะทำให้สิงห์ เอสเตท ก้าวไปสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผลิตกระแสไฟฟ้า และให้บริการด้านวิศวกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการเดินหน้าขยายธุรกิจของเราให้ใหญ่ขึ้นสามเท่า เป็นบริษัทที่มีรายได้ 20,000 ล้านบาทต่อปี ภายในระยะเวลาสามปี”
เมื่อเร็วๆ นี้สิงห์ เอสเตท ได้ประกาศว่า ปี 2564 จะเป็นปีที่สำคัญในการก้าวเข้าสู่เฟสต่อไปของการพัฒนาธุรกิจของสิงห์ เอสเตท โดยการเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ที่จะมาส่งเสริมซึ่งกันและกันกับ 3 กลุ่มธุรกิจที่เป็นแกนหลักแต่เดิม ซึ่งประกอบไปด้วย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจโครงการที่พักอาศัย และธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรม
“เราต้องการสร้างธุรกิจนี้ให้ยิ่งใหญ่ อย่างมั่นคง และมีผลตอบแทนที่แน่นอนสม่ำเสมอ พร้อมๆ กับการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโต โดยที่เราจะใช้ประโยชน์จากการผนึกกำลังกันของ 4 กลุ่มธุรกิจของสิงห์ เอสเตท มาเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน” นายจุตินันท์กล่าว
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า “ใบอนุญาตโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีขนาดกำลังการผลิตระดับนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะหามาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นเราจึงรู้สึกยินดีมากเป็นพิเศษที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าที่สำคัญถึง 3 แห่ง ในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก ซึ่งจะทำให้เรามีฐานธุรกิจที่มั่นคงในอุตสาหกรรมผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทันที โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์”