8 เหตุผล ที่ทำไมคอนโดพร้อมอยู่จากศุภาลัย จึงเหมาะกับการใช้ชีวิตในยุค Social Distancing แบบสุดๆ
“เบื่อ….เหงา ….เฉา ….อึดอัด ….ไม่ไหวแล้วครับ/ค่ะ”
นี่คงเป็นเสียงจากหัวใจใครหลายๆคน ที่ร่ำร้องออกมาในช่วงเวลานี้ ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเราต้องช่วยกัน อยู่บ้าน/หยุดเชื้อ/เพื่อชาติ ร่วมใจกันทำให้ “ประเทศไทยต้องชนะครับ” ตามคำพูดปลุกใจของท่านนายกรัฐมนตรี
เป็นที่รู้กันดีว่าในยุคแห่งการแพร่ระบาดของ COVID-19 แบบนี้ ทุกคนในประเทศและทั่วโลกต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องกักกันตัวเองในที่อยู่ของใครของมัน เกือบทั้ง 24 ชม เรียกได้ว่า Work-Live-Play-Learn-Eat ในที่เดียวกันเลย (ช่วงนี้ลูกสาวผมต้องเรียน online ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรียนจากโรงเรียน หรือเรียนพิเศษอื่นๆ) ซึ่งใครที่มีบ้านอยู่แนวราบ หรือมีคอนโดห้องใหญ่ๆแบบ Penthouse ห้องใหญ่ๆแบบ 100 ตารางเมตร ++ พร้อมระเบียงกว้างๆก็ดูจะช่วยลดทอนความอึดอัดได้บ้าง
แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเลือกชีวิตแบบนั้นได้ ด้วยหลากหลายปัจจัย…
ทำให้ ศุภาลัย (SUPALAI) หนึ่งในบริษัทมหาชนขนาดยักษ์ใหญ่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย เสนอตัวนำคอนโดพร้อมอยู่ของตัวเองมาให้ผู้ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัย ต้องการขยับขยายเปลี่ยนแปลงจากการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างจะอึดอัดในห้วงเวลานี้ ได้พิจารณาเลือกซื้อ
8 เหตุผลหลักเด่นๆ ที่ผมเห็นได้ชัดจากคอนโดของศุภาลัย มีดังต่อไปนี้
1.ขนาดห้องพักที่กว้างกว่า ห้องในคอนโดฯ อื่นๆ
คอนโดสร้างเสร็จใหม่กว่าครึ่งนึงล้วนแล้วแต่เป็นคอนโดที่มีห้องขนาดสตูดิโอ – 1 ห้องนอน ขนาดเล็กประมาณ 25 – 35 ตรม.กันแทบทั้งนั้น ซึ่งมันก็ยากที่จะดำรงชีวิตแบบนี้ได้ติดต่อกันหลายๆวัน แต่ของศุภาลัย ด้วยราคาที่ขายในระดับเดียวกันหรือต่ำกว่าในทำเลเดียวกัน จะได้ห้องใหญ่กว่าคือ ห้อง Studio ขนาด 30-34 ตร.ม. /ห้อง 1 bedroom ขนาด 38-49 ตร.ม. /ห้อง 2 bedroom ขนาด 60-85 ตร.ม. กันเลยทีเดียว
ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่หลายๆคนที่ศึกษาด้านคอนโดมิเนียม รับรู้ได้เหมือนๆกันครับ ว่าถ้าเรามองไปที่ตลาดคอนโดในกรุงเทพ หากเรานึกถึงคอนโดสร้างเสร็จใหม่ห้องใหญ่ๆ และมักจะมีราคาขายที่ถูกกว่าชาวบ้าน ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นแหล่งชุมชน ไปซื้อหาของกินสะดวก ไม่ต้องกลัวว่าจะกลับไปไม่ทัน Curfew ก็เห็นจะมีแค่คอนโดจากค่ายศุภาลัยเท่านั้น ที่ดูจะเหมาะกับสภาพการณ์ที่คนมองหา Space และมองราคาที่สามารถจ่ายได้เป็นหลัก มากกว่าความสะดวกสบายรูปแบบอื่นๆเช่นติดรถไฟฟ้าใจกลางเมือง แต่ไม่มี Space ที่มากพอ
2.Layout ของห้องพัก ที่ให้เราแบ่งสัดส่วนการใช้งานได้ดีกว่า
เน้นการแบ่งห้องต่างๆ อย่างเป็นสัดเป็นส่วน มีระเบียงและหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี
ดูจากข้างบนจะเห็นว่า เค้าออกแบบแปลนห้องมาเน้นระเบียงเยอะและใหญ่กว่าคนอื่นจริงๆครับ ในช่วงที่ชีวิตต้องอยู่ในที่พักเกือบท้งวันแบบนี้ มีระเบียงเยอะนี่ช่วยได้มากจริงๆ อย่างคอนโดที่ผมเก็บตัวอยู่ตอนนี้ก็ซื้อต้นไม้มาปลูกเยอะเลย
3. การออกแบบตัวอาคาร เพื่อหลบทิศทางแดดและรับลมธรรมชาติ ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี
อย่างที่ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัตนาธิเบศร์ มีการออกแบบรูปทรงของอาคารหรือการเลือกใช้วัสดุ ให้ความสำคัญกับระบบหมุนเวียนอากาศทิศทางแสงแดดและลม โดยการจัดวางผังอาคารเป็นรูปตัวแอล (L) การวางผังอาคารตาม ทิศเหนือ-ใต้ หลีกเลี่ยงพื้นที่สัมผัสแดด (ความร้อน) โดยตรงจากทางทิศตะวันตกให้เหลือน้อยที่สุด ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงหน้าร้อน และคนส่วนใหญ่ต้อง WFH ทำให้ค่าไฟแต่ละบ้านพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนั้นการที่ได้อยู่คอนโดที่มีอากาศภายในห้องถ่ายเทสะดวก รวมถึงมีแสงธรรมชาติส่องผ่านได้ถึงทุกมุมของห้อง ก็มีส่วนช่วยในการประหยัดค่าไฟได้มากทีเดียว เพราะลมจะพัดเข้าห้องตลอดเวลา ไม่ต้องเปิดแอร์ทั้งวัน
4. ส่วนกลางมีความเป็น open space หรือ semi space
ด้วยการดีไซน์แบบ เพื่อให้ลมเข้า เช่น การทำ semi lobby แบ่งโซน outdoor และ indoor หรือพื้นที่สวนดาดฟ้า เพื่อใช้ออกกำลังกาย และยังมี pocket garden แทรกเข้ามาในชั้นพักอาศัย
ผมเชื่อว่าคนที่อยู่คอนโดจะทราบดีครับ ว่าส่วนกลางที่เปิดโล่งนั้นสามารถลดความรู้สึกอึดอัดได้มาก อย่างเช่น การกลับเข้าคอนโดโดยเดินผ่าน outdoor lobby / การเดินออกจากห้องไปที่ pocket garden ในชั้น ตลอดจนการขึ้นไปออกกำลังกาย พักผ่อนดูวิวสวยๆมุมสูงที่สวนชั้นดาดฟ้า มันเติมเต็มความรู้สึกผ่อนคลายในการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ได้ดีทีเดียว
5. ครัวใหญ่ ถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ใช้งานได้จริง
ในช่วงของการเก็บตัวจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ เชื่อได้เลยว่ากิจกรรมหลักยามว่างของใครหลายๆคนคือต้องเข้าห้องครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารแบบจริงจัง หรือการอัพโหลด VDO คลิปและแชร์ลง TikTok การที่ได้อยู่คอนโดที่มีครัวขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว้างเพียงพอให้จัดวางอุปกรณ์ทำอาหาร รวมถึง set up พร็อพต่างๆก็ดูจะถูกใจคนชอบทำครัว รัก Social Media มากกว่าการอยู่ในห้องที่มีครัวขนาดเล็ก
ซึ่งครัวที่อยู่ในโครงการของศุภาลัยนั้นจะเน้นเป็นครัวที่สามารถใช้ทำอาหารได้จริงๆ ไม่ต้องกลัวจะมีกลิ่นฟุ้งไปทั่วห้อง เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งติดกับระเบียงหลังห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน จึงทำให้กลิ่นอาหารไม่เข้าไปถึงส่วนของห้องนอน และส่วนครัวยังมีความกว้าง มีพื้นที่เหลือเยอะหลังจากการวางท็อปครัวและตู้เย็นแล้วก็ยังสามารถเดินเข้า-ออก ผ่านไปทางระเบียงได้อย่างสะดวก
ส่วนครัวของโครงการอื่นมักจะอยู่ด้านหน้าห้อง และแชร์พื้นที่ร่วมกันหลายๆโซน
*แต่ก่อนศุภาลัยใช้คำว่ายุงน้อยกว่า เป็นคำโฆษณาหลัก เดี๋ยวนี้จะเปลี่ยนเป็นครัวใหญ่กว่า !!! แล้วหรือครับเนี่ย
6. ที่จอดรถ ที่เพียงพอเป็นสิ่งที่ต้องการ
ยุค Social Distancing แบบนี้ นอกจากเก็บตัวอยู่บ้านแล้ว พวกเรายังหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะและหันมาขับรถส่วนตัวกันมากขึ้น ที่จอดรถในคอนโดจึงมีความสำคัญขึ้นกว่าเดิม ซึ่งที่ศุภาลัยมีให้มากกว่าคอนโดอื่นๆ ด้วยสัดส่วนมากถึง 50-80% ของจำนวนยูนิต (ยังไม่รวมซ้อนคัน) ส่วนคอนโดในระดับราคาเดียวกันมักจะให้ที่จอดมาที่ 40% ของจำนวนยูนิต ถ้าเทียบกับประมาณ 800 ยูนิต ส่วนต่าง 10% นี่คือ 80 ช่องจอดเลยนะครับ
จากประสบการณ์จริง การขับรถกลับที่พักแล้วต้องมาวนหาช่องจอด ทีละชั้นจนครบทุกชั้น เพื่อพบกับความจริงที่ว่า เราต้องเอารถสุดที่รักของเราไปจอดซ้อนคันขวางรถคันอื่นที่กลับบ้านมาก่อน มันเจ็บปวดเหลือเกิน
7. พื้นที่สีเขียวแบบจัดเต็ม
ในโครงการของศุภาลัย มักถูกออกแบบให้มีพื้นที่เปิดโล่ง และพื้นที่สีเขียวในโครงการรวม 2 ไร่ขึ้นไป
ยกตัวอย่างที่โครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า รัตนาธิเบศร์ : สวนลอยฟ้าที่ชั้นบนอาคาร รวมทั้งมี Pocket Garden กระจายอยู่ในทุกๆ 2 ชั้นของที่พักอาศัย เพื่อเพิ่มพื้นที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และมุมพักผ่อนให้กับผู้อาศัย
พื้นที่สีเขียวถ้าดูแลรักษาดีๆ ได้กรรมการนิติที่รักต้นไม้สักนิดนะครับ จะเพิ่มมูลค่าของคอนโดในระยะยาวได้ดีมากๆ เพราะความสวยของสวน ความร่มรื่นของต้นไม้จะช่วยซ่อนร่องรอยความเก่าของอาคารที่เสื่อมไปตามกาลเวลาได้ดีมากๆ
8. ราคาที่คุ้มสุด ถ้าเทียบกันแบบต่อตารางเมตร
เหตุผลที่ศุภาลัยทำราคาได้ถูกกว่าเมื่อเทียบกับคอนโดอื่นๆในขนาดตารางเมตรเท่ากัน นั่นคือการที่ทางบริษัทมีนวัตกรรมการก่อสร้างและการจัดซื้อที่เป็นระบบมากๆ อย่างเช่น ซื้อเยอะกว่าคนอื่นย่อมได้ราคาดีกว่า / ซื้อที่แปลงใหญ่ๆได้ราคาดีกว่า / แถมยังมีต้นทุนทางการเงินที่น้อยกว่าบริษัทอื่นๆในตลาดอีกต่างหาก
อย่างคอนโดที่เปิดล่าสุดที่ทำเลใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางอ้อ คือราคาดีมากๆๆๆ ถูกกว่าคอนโดเปิดใหม่หรือคอนโดที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆในทำเลเดียวกันแบบเกิน 50% เหตุผลเพราะศุภาลัยซื้อที่ดินตาบอดแปลงใหญ่มากในราคาพิเศษสุดๆ แล้วค่อยมาซื้อที่เปิดทางเชื่อมกับถนนหลัก เลยทำราคาต้นทุนได้ต่ำมากๆ
เดิมทีคอนโดศุภาลัยมักจะถูกมองว่าไม่เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชอบความคล่องตัวในการเดินทาง และอยู่แค่ตัวคนเดียว แต่ช่วงเวลานี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากจริงๆในยุค Social Distancing
โดยเฉพาะการปรับปรุงการดีไซน์ให้โฉบเฉี่ยวทันสมัยมากขึ้น เพิ่มความสวยงามของส่วนกลางที่เคยถูกละเลยในยุคก่อนๆ เพิ่มขนาดหน้าต่างไม่ให้ใครมาแซวว่ายุงน้อยกว่าได้อีกต่อไป เพิ่ม spec ให้ห้องพักอาศัย อย่างคอนโดที่เปิดใหม่แถวท่าพระ “Supalai Lite ท่าพระ วงเวียนใหญ่” ถึงขนาดให้แอร์ฝังฝ้ามาเลย ในระดับราคาเริ่ม 2.1 ล้านบาทตอนนี้ เป็นที่เดียวที่ให้เลยนะครับ
ซึ่งตอนนี้ศุภาลัยมีคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 13 โครงการใน กทม.
– ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีพระนั่งเกล้า – เจ้าพระยา เริ่ม 1.49 ล้าน
– ศุภาลัย เวอเรนด้า รัตนาธิเบศร์ เริ่ม 1.55 ล้าน
– ศุภาลัย วิสต้า @ ห้าแยกปากเกร็ด เริ่ม 1.69 ล้าน
– ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น เริ่ม 1.89 ล้าน
– ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท แจ้งวัฒนะ เริ่ม 1.79 ล้าน
– ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีแคราย เริ่ม 1.95 ล้าน
– ศุภาลัย เวอเรนด้า พระราม 9 เริ่ม 2.31 ล้าน
– ศุภาลัย ลอฟท์ แจ้งวัฒนะ เริ่ม 2.39 ล้าน
– ศุภาลัย วิสต้า แยกติวานนท์ เริ่ม 2.99 ล้าน
– ศุภาลัย ลอฟท์ @ สถานีตลาดพลู เริ่ม 2. 47 ล้าน
– ศุภาลัย เวลลิงตัน เริ่ม 4.99 ล้าน
– ศุภาลัย เวลลิงตัน 2 เริ่ม 2.86 ล้าน
– ศุภาลัย เอลีท @ สุรวงศ์ เริ่ม 5.69 ล้าน