The Monument Sanampao by Condoman

A monument to taste. Only the finest materials. Only the finest design. A highly respected location deserves the finest materials and a design to match. The Monument Sanampao  แสนสิริได้ซื้อที่ดินริมถนนพหลโยธิน ติดโรงพยาบาลพญาไท2 ใกล้รถไฟฟ้า bts สถานีสนามเป้า ที่ดินมีขนาดค่อนข้างเล็กประมาณ 1 ไร่ มาพัฒนาคอนโดมิเนียมที่มียูนิตเพียง 86 ยูนิต กับความสูง 24 ชั้น  10983245_1607355459504501_5827944281034998547_n
คอนโดนี้แสนสิริตั้งใจทำออกมาให้มีความปรานีต พิถีพิถันในการออกแบบ โดยได้มอบหมายให้ db studio ที่เคยสร้างชื่อจากโครงการ Via Botani เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ และ DWP รับผิดชอบในด้าน interior design สำนักออกแบบภายใน DWP นี้ได้ฝากผลงานกับแสนสิริไว้หลายแห่ง เช่น Quattro / siri@ / HQ และล่าสุดThe XXXiX ซึ่งทั้ง db studio และ DWP ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ ผลงานที่ออกมายังเต็มเปี่ยมไปด้วย รสนิยม เช่นเคย
คุณ เศรษฐา ทวีสิน ceo แสนสิริ ได้เข้าร่วมในการคัดสรรวัสดุต่างๆที่จะนำมาใช้ในโครงการ ด้วยตัวเอง มั่นใจได้ถึงรสนิยม ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนสุดๆ ระดับexclusive วินาทีแรกที่สัมผัส ก็รู้สึกได้ถึงการใส่ใจในรายละเอียด แนวรั้วหินสีขาว กั้นขวางถนนพหลโยธินที่แสนวุ่นวายกับพื้นที่อยู่อาศัยภายในโครงการ พื้นที่drop off เชื่อมต่อกับโถง lobby เชื่อมต่อกับสวนนั่งเล่นแบบoutdoor เพดานที่สูงแบบdouble volume ตามมาตรฐานคอนโดระดับนี้ โดดเด่นดึงดูดสายตาด้วยแผงหินแกรนิต white river ที่ทีมงานลงทุนไปคัดลายถึงต่างประเทศ(ขอภัยจำประเทศไม่ได้) มาประกอบกันเป็นรูปกากบาท สวนนั่งเล่นแบบoutdoor มีโครงเหล็กปลูกไม้เลื้อยทำเป็นร่มเงาให้กับพื้นที่ ทุกอย่างลงตัวครับนี่เป็นชั้น 1 ของโครงการคอนโดมิเนียมที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นที่นึงเลยอ่ะ 11092097_1607355682837812_1101393089326301715_n11206956_1607355022837878_7147705951875126775_n11182318_1607355926171121_2922864053804786028_n แปลนชั้น1 เป็นแบบนี้ครับ ด้านซ้ายที่เป็นทิศใต้ เป็นโซนสวนพักผ่อน outdoor แสนสิริเลือกด้านนี้เพราะด้านอื่นติดถนน ติดโรงพยาบาล ติดอาคารจอดรถของมอลล์ เชื่อมต่อพื้นที่กันได้ลงตัวครับ 11133782_1607355892837791_1655012845757409721_n ชั้น 2 – 8 เป็นที่จอดรถทั้งหมด ตัวเลขที่แสนสิริให้มาคือเกิน 100% ได้ที่จอดรถ 1 คันต่อ 1 ห้อง แบบไม่fixed ยกเว้นห้อง PHที่ได้ 2 คัน ชั้น 9 เป็นชั้น facility ที่ประกอบไปด้วย Social lounge , Library , Tea room , Private massage room , Theater room , wine cellar และ multi purpose room รวมๆกันเค้าเรียกว่า The monument club (ผมติดใจในห้องนวดส่วนตัวครับ เค้าว่า แสนสิริมีบริการนัดหมาย หมอนวดมานวดให้ถึงที่ได้เลย ขนาดนั้น) ที่ชั้น 9 นี้ ก็เป็นเพดานแบบdouble volume ดูอลังการ มีการเลือกใช้วัสดุที่เลอค่ามาก แปลนชั้น 9 เป็นแบบนี้ครับ มีบ่อน้ำเพิ่มมิติให้พื้นที่หลากหลายด้วย กระจกบานสูงไร้เฟรม double height เปิดรับวิวรอบทิศแล้ว ผู้ออกแบบยังวางแปลนโดยเน้นให้ลมธรรมชาติวิ่งเข้าหาทุกพื้นที่ของชั้นนี้ได้เพื่อการถ่ายเทอากาศ
11205992_1607355109504536_2639368656091252194_n
หลายสิ่งอย่างที่ประทับใจครับ พื้นไม้สักแท้ปูแบบตระกร้าสาน (ตอนแรกเห็นใน twitter ของแสนสิริดูเชยมาก แต่พอมาเห็นของจริงสวยครับ ดูแพงงงง) เป็นพื้นของ tea room กับ library 10392352_1607355292837851_1572859716183412853_n11203249_1607355249504522_1171801000542649675_n กระจกบานสูงไร้เฟรม ดูดีจริงๆครับ เปิดรับวิวโล่งๆของทิศตะวันออก ที่เด่นมากๆคือ แชนเดอเลียร์รูปร่างแปลกๆ สวยครับไม่เคยเห็นมาก่อน เข้าใจว่าต้องสั่งผลิตแบบมีชิ้นเดียว ให้แสนสิริเท่านั้น 11210502_1607367329503314_2357237975813625106_n จุดเด่นอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ โซฟาแบบพิเศษใช้หินมาผสม ดูดีมากครับ รู้สึกว่าหนังที่นำมาผลิตจะเป็นแบรนด์เนมระดับโลก นำเข้ามาจากยุโรป แบรนด์ Pelle frau 11052010_1607355969504450_4953914593860595416_n ห้อง theater แสนสิริจัดทีวี 84 นิ้ว แบรนด์ Bang and olafsen แสนสิริมีตัวอย่างชุด home theater ให้ดูด้วยครับ Top floor  facility  ชั้น 22-23-24 ของที่นี่เป็น พื้นที่ส่วนกลาง   ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากสำหรับคอนโดแสนสิริ ที่มักจะสงวนชั้นบนไว้เพิ่ม value ให้ห้องพักชั้นสูงมากกว่า (ส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาดใหญ่ถึงใหญ่มาก) แต่ที่นี่จัดเต็มเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ชั้น 22 เป็นสวน(แบ่งพื้นที่ 25% มาจากห้อง  penthouse) ชั้น 23 เป็นสระว่ายน้ำแบบ  infinity edge ชั้น 24 เป็นห้องฟิทเนส พื้นยื่น ลอยเหนือสระ จุดขายของ the monument อีกหนึ่งอย่าง ทั้งสระและฟิตเนสหันวิวหลักไปทางทิศใต้ชมวิวเมืองครับ สวยแน่นอน 10660382_1607355546171159_7309875462566531416_n10922841_1607355352837845_2469846715200337755_n19212_1607354676171246_3513912768308292188_n สระน้ำปูด้วยหินสีฟ้ามีสายแร่โลหะอยู่ในเนื้อหิน ทำให้มีประกายวิ้งๆ ตอนโดนแสง ดูดีมากมายครับ  11203151_1607355949504452_5250271905952980655_n ห้องฟิทเนสเหนือสระ มาพร้อมผนังกระจกบานสูง แสนสิริเลือกใช้พื้นไวนิลล์ที่มี texture คล้ายผิวผ้าที่ถักทอด้วยด้ายเส้นใหญ่มาปูพื้นครับ ทำความสะอาดง่าย คงทน และไม่อับชื้น 11193212_1607355782837802_2773821242459449762_n11051929_1607355189504528_3893473800410286069_n วัสดุจริง 11200602_1607355172837863_4683377380298324813_n สรุปคือ facility ที่นี่มีการออกแบบอย่างใส่ใจในรายละเอียด และจัดเต็มให้จริงๆ 11182366_1607355399504507_4636795767572529557_n exterior ที่โดดเด่นของ the monument คือแนว fin หินแกรนิตสีดำที่วิ่งยาวตั้งแต่ชั้น 2 มาถึงชั้น 8 และยังใช้หินชนิดนี้ต่อเนื่องถึงเสานอกอาคารของชั้น 9 คำนวนดูแล้วเป็นหินสูงประมาณ 30 เมตรเลยนะครับ อลังการแน่นอน ไม่ใช่ปูนทาสีเหมือนคอนโดทั่วไป
11204904_1607309096175804_6635720252857822627_n
โถง corridor ของโครงการเป็นกระเบื้องที่ดูสวยมี detail กว่าโครงการอื่นๆของแสนสิริ ที่สำคัญคือติด wallpaper นะครับไม่ใช่ผนังฉาบปูนทาสี 
combination เป็นแบบนี้ครับ
11204964_1607355606171153_7418759631621530709_n
corridor ที่นี่มีช่องแสงที่หน้าลิฟท์ และมีปล่อง void กลางตึกวิ่งยาวตั้งแต่ชั้น  10 จนถึงชั้น 23 เพิ่มความหรูหรา และช่วยในการหมุนเวียนอากาศ
การออกแบบเป็น single corridor ไม่มีห้องตรงข้ามและ แบ่งห้องเป็น2 ด้านเพิ่มความเป็นส่วนตัว ห้องพักเริ่มตั้งแต่ชั้น 10-22 (ชั้น 22 เป็น PH) 1551750_1607356002837780_8340472937261582920_n digital doorlock samsung รุ่นล่าสุดเป็นมือจับแบบดันเข้า เปิดเข้าห้องจะพบความสูงโปร่งจากเพดาน 2.9 เมตร  พื้นเอนจิเนียร์ 14 มิล ปูแบบเก๋ๆ 11218496_1607355862837794_810714601635354412_n ระบบ home automation ควบคุมการเปิดปิดไฟ เปิดปิดแอร์ รวมทั้งรองรับการควบคุมเปิดปิดผ้าม่าน(ต้องติดเพิ่มเอง) video doorphone  ในห้องให้ชุดครัว ที่มีตู้เย็นซ่อนในตู้ หน้าบานเป็นกระจก ที่พิเศษคือมีการปิดผิวด้านในของตู้เก็บของไม่ใช่แค่ทาสีขาวแบบตู้ทั่วไป  เตาไฟฟ้ายี่ห้อ Kuppersbusch ให้ตู้เสื้อผ้า sansiri design ดูแบบ posh posh ทางแสนสิริบอกว่าผู้ออกแบบใช้ style วัสดุหน้าบานจาก milan  ประเทศอิตาลี ห้องน้ำมาพร้อมกับ โถสุขภัณฑ์อัตโนมัติรุ่นล่าสุด นำเข้าจากญี่ปุ่น มีแผงควบคุมแบบไร้สาย พร้อมทำความสะอาดในตัว (ยี่ห้อ toto รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน central embassy) ผมชอบมากครับมี sensor พอเดินเข้าไปใกล้แล้วฝายกเปิดเอง มีปุ่มกดให้ฝารองยกขึ้นลงได้อำนวยความสะดวกให้คุณผู้ชายไม่ต้องใช้มือยกเองตอนปลดทุกข์ 1409276045 บานหน้าต่างแบบ lock อัตโนมัติตอนเปิด(เหมือนกับที่ญี่ปุ่นที่ต้องกดปลุ่มปลดล็อกถึงจะปิดได้) มาพร้อมกระจก insulated 11188367_1607355519504495_4665339622768311420_n ประตูเลือกใช้บานวัสดุสวยดีครับ ทั้งบานหลักและบานภายใน ที่สำคัญมือจับนำเข้าจากญี่ปุ่น ให้สัมผัสนุ่มละมุน เหมือนจะมี soft close ของคันโยกด้วยครับ 11159527_1607355136171200_3549807612210184804_n ราวกันตกกระจกใส มีหน้าต่างที่ระเบียงอีกชั้นในห้องฝั่งหันหน้าออกถนน กระจกออกระเบียงเป็นบานเฟี้ยม เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวห้อง ห้องมีขนาดเริ่มต้น 46 ตรม วิวโล่งทุกด้านครับ ยิ่งทิศตะวันตกบอกเลยว่าวิวโล่งตลอดชาติ ด้านทิศเหนือที่ติดตึกโรงพยาบาลไม่มีห้องทางนั้น(มีหน้าต่างเล็กๆของห้องมุมเท่านั้น) ที่นี่ผมประทับใจในการออกแบบมากครับ เรียกได้ว่าเพื่อมาชดเชยกับทำเลที่ไม่ได้ดีนักเมื่อเทียบกับราคาที่แสนสิริขาย (ราคาเริ่ม 236k)  ถ้าใครมองหาคอนโดหรู อยู่แบบ hi class ในเส้นพหลโยธิน ที่นี่ตอบโจทย์ครับ ข้อเสียเท่าที่นึกออก
  • ทำเลด้อยไปซักนิด
  • ที่ดินมีขนาดเล็ก
  • ติดโรงพยาบาล
  • เพดาน 2.9 เมื่อเทียบกับราคาขายผมว่าเตี้ยไป
  • ราคาแพงมากกกกกก อย่างน่าตกใจ
  • คอนโดไม่สูงมากและอยู่ติดกับตึกโรงพยาบาล ทำออกมา exposure จะไม่กระแทกตาเท่าที่ควร
ถ้าสนใจนะครับ ตอนนี้แสนสิริเปิดอาคาร สิริภิญโญชั้น 17 จัดเป็น the monument exhibition โดยต้องนัดหมายก่อนเท่านั้นไม่รับ walk in  ติดต่อเซลล์คู่ใจได้เลยครับ คำเตือน ถ้าจะไปดูระวังเคลิ้มนะครับ แสนสิริจัดสถานที่ได้อารมณ์สุดๆ ขอคารวะทีมงานครับ 10402417_1607294526177261_6369326685610438857_n
 

Park 24, The New Phase II, by Condoman

หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเปิดตัว 2 ตึกแรก หลังจากที่รอคอยจน EmQuartier เปิดห้างขายของ สร้างกระแส talk of the town มาซักพัก รอจนได้รับ eiaเรียบร้อย วันนี้ Park24 พร้อมแล้วที่จะเปิดขาย อีก3แท่งที่เหลือ (ซึ่งแยกออกมาเป็นนิติบุคคลเฟส2 โดย2ตึกแรกเป็น เฟส1) รายละเอียดเป็นอย่างนี้ครับบบบบบ เฟสที่ 2 ประกอบไปด้วยคอนโด3 ตึก (tower 4 tower 5 tower 6) ความสูง 29 / 51 / 44  ชั้น  มีขนาดพื้นที่ 7 ไร่ 55 ตรว จำนวนยูนิตเบื้องต้น(ก่อนคอมบายน์) 1,240 ยูนิต  โดยตึกแรกของเฟส2 ที่จะทำการขายก่อนคือ tower 5 ที่สูงที่สุด (51 ชั้น) park24model คุณธงชัย บุศราพันธ์ ผู้บริหารใหญ่ของ park24  เคยถามผมเล่นๆว่า ผมชอบตึกไหนที่สุดใน 5 ตึก ผมนั่งจ้องโมเดลมูลค่า 7 หลัก ที่สูงท่วมหัว ดูอลังการฝุดๆ แล้วก็ตอบเค้าไปว่า ชอบทุกตึกเลยครับน่าซื้อไปหมด แผล่บๆๆๆๆ  ไม่ใช่ละ ผมตอบเค้าไปว่าผมชอบ tower 5 ที่สุดครับ เพราะว่า   เป็นตึกที่สูงเด่นที่สุดที่วางตัวตึกขนานกับแนวยาวของที่ดิน ขนานถนนซอย // ตำแหน่งการวางตัวของตึกมันลงตัว อยู่ที่กึ่งกลางของเฟส 2  // วิว highlight ของที่นี่คือวิว ทะเลสาบสวนเบญจกิติ ตึกนี้คือตึกที่สูงที่สุดที่หันด้านนี้เต็มๆ แปลว่าห้องส่วนใหญ่ก็หันด้านนี้ และสระว่ายน้ำ 40 เมตรที่ชั้น 50 ก็ take วิวนี้แบบจัดเต็มๆกระแทกตา  ชั้นล่างๆก็ยังได้วิวสวนใหญ่เปิดโล่ง    แต่ช้าก่อน ………….. ตึกนี้มีห้องที่ถือว่าบล็อกวิวเยอะพอสมควรนะครับ ดูตามภาพนี้จะเห็นได้ชัด park24master+viewpark24planblock จะเห็นได้ว่าในชั้นไม่สูงห้องจะโดนบล็อกวิวหลายห้อง ที่ดีหน่อยคือห้องทิศตะวันตกที่ตึก ออกัสตัน ห่างออกไปพอสมควรและได้วิวสวนโครงการสวยๆด้วย แต่ถ้าเป็นชั้นที่สูงปรี๊ดซัก 38 ขึ้นไปก็จะพ้นทุกตึกแถวๆนั้นเรื่องบล็อกวิวจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ซอย24นี้ผมว่าซื้อสูงไปเลยปลอดภัยกว่าเพราะตึกแน่นซะเหลือเกิน และคงตามมาอีกเพียบ หรือไม่ก็ซื้อชั้นล่างๆใกล้สวนไปเลย แต่ในความบล็อกวิวก็ยังพอค้นพบความสวยงามได้ จากภาพจะเห็นว่าถ้าเล็งดีๆจะมีทั้งสระน้ำของ bright24 มีสนามเทนนิสของ grand sethiwan  ประมาณนั้น Floor plan ของ tower5 นี้ ถ้าสังเกตจะพบความแตกต่างจากเฟสที่1 นั่นคือ ทางโครงการได้เพิ่มอ่างอาบน้ำขึ้นมาในห้องขนาดใหญ่ซึ่งในเฟสแรก ไม่มีอ่างอาบน้ำเลยแม้กระทั่งห้อง duplex และยังมีการบังคับ combined ห้องมาให้แล้วในบางชั้น ซึ่งมันก็คือห้อง 2 bed นี่แหละครับ ห้อง 2bed combined ในชั้นที่ทางโครงการจัดให้จะพิเศษกว่าการซื้อห้อง 1 bed 2 ห้องมา combined เองตรงที่ ห้องเหล่านี้จะมีอ่างน้ำ bath tub มาให้ครับและยังได้โฉนดแยก 2 ใบด้วยน้า พิเศษจริงๆ ห้อง combined พิเศษนี้จะอยู่ในชั้น 2 -4 ชั้นเตี้ยเน้นวิวสวนแบบเต็มๆตา  กับชั้น 33-35 โซนเกือบสูงไว้ดูวิวทะเลสาบ สูงพ้นตึกหน้าของออกัสตันแล้ว  park24unitplan2bedcombinepark24plan2-3 park24plan4park24model+garden ภาพนี้จะเห็นได้ว่านอกจากสวนชั้น1สวยๆแล้ว ชั้นประมาณ6ขึ้นไปห้องด้านนี้ จะเห็นสวนบนโพเดียมของ Tower 6 ที่ว่ากันว่าเป็นตึกที่แพงที่สุด ด้วยครับ ซึ่งสวนบนโพเดียมนี้มี sculpture สวยๆมาวางด้วย ทาง park24 เน้นสวนนี้มากว่าต้องออกมาสวยสมราคา park24plan33-35 ส่วนชั้นอื่นถ้าซื้อ2ห้องจัด combined เองไม่ได้อ่างอาบน้ำนะครับบบบบบบบ เฟส2นี้ ยังพิเศษที่ห้อง 1 bed เพิ่มก๊อกน้ำเล็กๆให้ในห้องจัดหนัก หลังจากที่เฟส1โดนcomment มากมายว่าไม่ค่อยสะดวก park24unitplan1bed ห้อง 1 bed แบบ typical 28 ตรม ที่สูงที่สุดงวดนี้อยู่ที่ชั้น 38 ครับ ต่างจากเฟส1 ที่สูงที่สุดที่ชั้น 42(ซึ่งผมซื้อไปคราวก่อนสะใจกันไป5555) ชั้นที่สูงขึ้นมากกว่านี้ห้อง 1 bed 28 ตรม จะหายไปกลายเป็นห้องใหญ่ถึงใหญ่มากแทน โดยชั้นบนๆเป็นชั้น duplex เหมือนเดิม น่าอยู่มากกกก น่าอิจฉาคนที่มีวาสนาได้อยู่มากกกก park24plan38 Tower5 ยังมี 1 bed ฝั่งลิฟท์ 2 ห้องเหมือนเดิม นี้มีทั้ง เล็กกว่า (ห้อง01) และ ใหญ่กว่า(ห้อง12)  ห้อง1bed แบบ typical ในเฟส1 ห้องแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมนักเพราะนอกจากจะติดลิฟท์ ติดห้องขยะ วิวยังจะบล็อกกว่าด้วย แต่tower 5 นี้ 2 ห้องแบบนี้ในชั้นสูงซัก 38 ขึ้นไป กลายเป็นห้อง1 bed ที่วิวน่าจะโล่งตลอดชาติสูงพ้นกลุ่มตึกทิศตะวันออกฝั่งซอย 24 แล้ว ผมแอบชอบห้อง 01 ชั้น 47 ครับคือเป็นห้องหน้ากว้าง กระจกเยอะ และสูงมากกกกกกกกกกก เป็นห้อง 32 ตรมที่สูงที่สุดห้องนึงในย่าน mid sukhumvit เลยก็ว่าได้ ที่ไม่เลือกชั้น48 เพราะอยู่ใต้ห้องน้ำชั้น 49 พอดี กลัวปัญหาที่ตามมาในอนาคต park24plan1bed01 ไม่พูดถึงคงไม่ได้นะครับ Tower5 ยังมีห้อง type ใหม่เป็น 1 bed ขนาด 40.5-40.8 ตรม ที่มีหน้าต่าง 2 ทิศ (แต่ไม่ค่อยโดนใจผมเท่าไหร่นะ คล้ายๆกับบิดหน้าต่างอีกบานไป 90 องศามากกว่า ไม่ได้เพิ่มหน้าต่างเข้ามา) เป็นทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ต้องการแค่ 1 bed แต่อยากได้ห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย แถมมีอ่างอาบน้ำด้วยนะครับ park24plan1bed02 ซึ่งห้องขนาดนี้เป็นการยุบห้อง 2bedห้องมุม ลงนั่นเอง และพื้นที่ที่หายไปก็ไปเพิ่มให้ห้อง 2 bed ที่ติดกันแทน ทำให้เกิด 2 bed ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าของเฟส1 และมีพื้นที่ใช้สอยลงตัวมากขึ้น มีอ่างอาบน้ำเช่นกัลลลล park24plan2bed03 ห้องตัวอย่างทำออกมาได้สวยมาก เฟอร์ที่ให้ก็ดูดีครับ ผมชอบการตกแต่ 2 bed combined มาก ลงตัวจริงๆสวยดูแพง กระจกกระจก อ้อ!! วอลล์เปเปอร์เลือกได้นะครับ พื้นไม้สีจะเข้มกว่าเดิม ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทำให้วัยรุ่นอย่างผมไม่ค่อนโดนเท่าไหร่ ที่ต้องพูดถึงคือ ทางโครงการมีการปรับลด fin ภายนอกอาคารให้น้อยลงและ ห่างขึ้น ทำให้มองจากภายในไปภายนอกแล้ว รู้สึกโปร่งสบายขึ้น ผมเข้าไปยืนดูตั้นนาน ไม่มีความอึดอัดแม้แต่น้อย มีแต่ความรู้สึกว่า ดูมี gimmick มีลูกเล่น มีอะไรเพิ่มเติมจาก หน้าต่างโล่งๆธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ park24-T-º¦-3park24-T-º¦-¦--F-º4park24-T-º¦-2park24-T-º¦-park24-T-º¦¦--F-ºG¬¦8++T¦10978704_1570171196556261_6684784254448958714_npark24info ** เฟส2 นี้ park24 ให้แบบจัดเต็มนะครับฟอร์พร้อม วอลล์เปเปอร์พร้อม ม่านพร้อม (ถ้าไม่เอา discount เงินสดไป 4แสนบาท ราคาเริ่มต้นที่ 4.9ล้านบาท (หลังหักส่วนลด) แต่ถ้าไม่เอา interior ก็ถือว่าเริ่ม 4.4ล้านก็ว่าได้ คำนวนแล้วตก 171k ต่อตรมแบบไม่เอาเฟอร์ กับ 190k พร้อมเฟอร์  ราคาขึ้นมาจากเฟสแรกพอสมควรตามแผนการที่ park24 วางไว้ ราคานี้ กับทำเลนี้ เวลานี้กับ EM district  ผมว่าสมเหตุสมผลไม่แพงแต่ก็ไม่ถูก ก็คิดดูราคาคอนโดทำเลพรีเมี่ยมแบบนี้เปิดตัวกันเท่าไหร่หล่ะตั้งแต่ต้นปี เอาล่าสุดศาลาแดงวันนี่ก็มีหลายห้องเกิน 350k  แอชตันจุฬานี่ก็มีหลายห้องเกิน 200K  HYDE11 ก็มีหลายห้องเกิน 200 K  (Qchidlomที่ผมซื้อไม่นานมานี้ก็ 180 K ละ) เรื่องทำเลผมจะไม่พูดมาก พูดมาเยอะตั้งแต่เฟส1 ถึงผมจะไม่พูดที่นี่ก็เป็น สุขุมวิท 24 อ่ะ รู้กันอยู่แล้ว …..นอกจากนี้ข่าวดีสุดๆคือ ตอนนี้ทางการไฟฟ้าได้ทำการก่อสร้างนำสายไฟฟ้าลงดินแล้วนะครับ ทั้งซอย24 จะไมมีสายต่างๆมารกตาเกะกะใจอีกต่อไป (แต่มีการปรับการจราจรเป็น 1 way ช่วงก่อสร้างนี้นะครับ ศึกษาเส้นทางกันด้วยยยย *** การเปิดตัวคือ วันที่ 6 พฤษภานี้จะจัดใหญ่ที่ Emquartier เปิดตัวโครงการและให้ลูกค้าที่จะเหมา floor จองก่อน discount 10%  พร้อมให้ลูกค้าที่จะจอง 4 ยูนิตขึ้นไปมาวางเงินรับบัตรคิว วันที่ 15 พฤษภา เปิดจองสำหรับลูกค้า 4 ห้องขึ้นไป discount 8% วันที่ 17 พฤษภา เปิดจองลูกค้าทั่วไปมีส่วนลด 5 %   ยังมีโปรโมชั่นอื่น จากบริษัทในเครือคือ เข้า วานานาวาฟรี 1 ปี 4 ใบ หรือจะเลือกเป็น intercon หัวหินโรงแรมที่ดีที่สุดในใจผม 4 คืน  และของอื่นอีก สอบถามได้ที่น้องเซลล์นะครับ ปล.งานนี้มั่นใจได้ว่า pretty จัดเต็มเช่นเดิมไม่ให้เสียชื่ออดีต ceo โนเบิล ถ้าจะให้ดีไปทำเรื่องขอยืม น้องโนเบิล brand ambassador คนนั้นมาช่วยก็จะดีมากนะครับบบบบบบบ ปล2.ของแถมหรือโปรโมชั่นอาจเปลี่ยนแปลงได้ สอบถามเพิ่มเติมจากน้องเซลล์เองน้า  

SALADAENG ONE… THE ONE THAT MATTERS

ในช่วงชีวิตของเรา ย่อมต้องมีโอกาสได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่เรายังคงจดจำภาพเวลาดีๆที่มีอยู่กับเค้าเสมอ…หากเปรียบ Saladaeng One ให้มีชีวิต เค้าก็จะเป็นคนพิเศษเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เราใส่ใจ และจะต้องหวนนึกถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม” นี่คือคำกล่าวของบุคคลผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์โครงการที่ทาง SC Asset หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างมาตรฐานที่แท้จริงให้กับกลุ่มตลาดคอนโดระดับ Ultra Luxury ในเมืองไทยให้ได้ หลังจากที่เคยทำมาได้แล้วกับกลุ่มตลาดบ้านเดี่ยวอย่างแบรนด์ Granada และ Grand Bangkok Boulevard…..ครับ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงที่ได้รับเชิญให้เข้าไปสัมผัสถึง Luxury living experience ในแบบฉบับของ SC Asset ที่ Sale Gallery ของโครงการที่ยังไงก็น่าจะติดโผ 1 ใน 5 ของโครงการคอนโดระดับ Ultra Luxury ที่กำลังจะ Line up เปิดตัวในปีนี้อย่าง Saladaeng One ครับ IMG_7424 ตลอดช่วงระยะเวลาเพียงแค่ข้ามปีภายใต้การนำทีมของ CEO คลื่นลูกใหม่อย่างคุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ทาง SC Asset ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางในการพัฒนาองค์กรและผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์ในด้านการลงทุน ที่พร้อมจะรุกเข้าไปยังตลาด เซกเมนต์ระดับราคาใหม่ๆ ที่บริษัทยังไม่เคยเข้าไป…และนั้นคือที่มาของการทำโครงการที่มี Brand Hierarchy เหนือกว่าทุกแบรนด์คอนโดที่เคยทำมาในอดีตอย่าง Saladaeng One ครับ (เหนือกว่าในที่นี้ไม่ได้เจาะจงเฉพาะแค่ราคาที่เหนือกว่า กับทำเลที่ดีกว่านะครับ แต่ทางทีมผู้สร้างบอกว่าคนที่อยู่ที่นี่จะได้สัมผัสถึงประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบ Hi end ของจริงครับ) IMG_7432 IMG_7434 ….แน่นอนครับว่า definition ของคำว่า luxury มันช่างแตกต่างกันยิ่งนักในความคิดของแต่ละคนหรือแต่ละ developer ครับ…concept ของ luxury สำหรับบางเจ้าอาจจะเป็นการยัดเอา furniture brand name ระดับ world class เข้าไปในห้อง มี private lift หรืออาจจะเป็นในแง่ของการ design ตึกที่เน้นวัสดุที่มีราคาแพง มีที่จอดรถ supercars เทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดจน extraordinary service ในแบบที่คุณไม่อาจหาได้ใน คอนโดระดับปกติทั่วไป >>> แต่ concept ของ luxury แบบนี้คุณจะไม่สามารถพบเจอได้เลยที่นี่ครับ!!!! ตลอดเวลา 4 ชั่วโมงกว่าๆที่ผมได้นั่งเก็บรายละเอียดของโครงการ Saladaeng One ทำให้ผมได้เห็นว่านิยามของ luxury ที่นี่ คือการหลอมรวมที่สุดของความปราณีต ในด้าน practical living function ผสานกับมนต์เสน่ห์ของ timeless design ที่น่าจะจับใจเหล่า millionaire ผู้พิศมัยในความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่น้อยครับ!! ส่วนตัวผมคิดว่ามันก็ เหมือนกับนาฬิกาที่มาจาก Swiss น่ะครับ ที่มักจะมีราคาแพงกว่านาฬิกาจากประเทศอื่นๆเป็น 100 ๆเท่า ทั้งๆที่มันก็บอกเวลาได้เหมือนกัน..และสาเหตุที่มันมีราคาแพงแต่คนก็ยังนิยมซื้อกัน นั่นก็เพราะนาฬิกา Swiss นั้น ไม่ได้ทำหน้าที่แค่บอกเวลาครับ แต่มันถูกสร้างสรรค์ในแบบ tailored made สวยงามมีศิลปะ จากช่างท้องถิ่นที่ละเอียดอ่อน มีความเป็น timeless มีเสน่ห์ในแบบที่ยากจะประเมินมูลค่า จนกลายเป็นของสะสมที่จะทวีมูลค่าขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านพ้นไปครับ งานศิลปะภาพพิมพิ์ที่ทำออกมาเป็น serie เพื่อสื่อถึงความเป็น The special one และความปราณีตในการออกแบบ IMG_7437IMG_7438 IMG_7439 IMG_7440 IMG_7441 IMG_7442 ทางทีมผู้ออกแบบ Saladaeng One ให้ความสำคัญกับ Space Planning มากเป็นพิเศษครับ ซึ่งเป็นการจัดวางพื้นที่ในแบบ inside out ที่มีแนวคิดหลักคือคนส่วนใหญ่แล้วใช้ชีวิตอยู่คอนโดในแบบ indoor mode มากกว่า outdoor mode แต่ที่ Saladaeng One จะเน้นการออกแบบที่เชื่อมโยงทุกมิติของการอยู่ indoor และ outdoor เข้าไว้ด้วยกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องก้าวออกไปข้างนอกเลยแม้แต่นิดเดียว!!!! ดังนั้นคุณจะเห็น in-room function ประเภท ห้องนั่งเล่นที่มีหน้ากว้างมากๆถึง 7.85 เมตร ใน Mode หลักของ 2 ห้องนอน/ Horizontal Facade Element ที่ทำหน้าที่เป็นชายคากันแดดและฝน/ indirect lighting ที่ระเบียง /bay window ทำมุมพิเศษในห้องนอนที่ให้คุณสามารถไปนั่งบนขอบหน้าต่างมองวิวได้/ หรือกระจก Full Height สูง 3 เมตรที่สามารถเลื่อนเปิดได้ 2 ทางซ้ายขวา (บางยูนิต) เป็นต้น IMG_7588IMG_7464IMG_7463 Design ตึกที่ไม่ได้ตามกระแส ในขณะที่ developer หลายๆเจ้าเริ่มที่จะเดินตามรอยเจ้าพ่อ skyscraper อย่างสิงค์โปร์ ในด้านการออก แบบอาคารสูงที่เน้นเส้นสายแนวตั้ง แต่โครงการ Saladaeng One กลับเลือกที่จะใช้สถาปัตยกรรมในแนวทาง Modern Contemporary ที่คง concept Timeless beauty in stillness เมื่อมองดูแล้วก็จะเห็นถึงความสง่างาม หรูหรา อยู่เหนือกาลเวลา ด้วย Podium ที่เป็นหินอ่อนสีขาวและดำมา interlock กัน…เลือกใช้ facade treatment ด้วย Horizontal slab เปรียบเสมือนชั้นหินที่เรียงตัวสลับ หนาบาง ก่อขึ้นไปเป็นชั้นๆ (วัสดุเป็น aluminium composite ลายหินอ่อนครับ) ซึ่งเมื่อนำมาผสานกับกระจกแผ่นใหญ่ของแต่ละห้องแล้ว ทำให้เมื่อแสงแดดตกกระทบลงบนอาคาร ก็จะเกิด reflection ของแสงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาครับ…(แต่ผมว่าข้อด้อยที่ทำให้หลายๆคนอาจจะเก็บไปนึกก็คือ model ที่ตั้งอยู่มันดูไม่สวย ไม่ช่วยสร้างจินตนาการเลยครับ เทียบกับภาพ perspective ที่มี detail ละเอียดกว่าเยอะไม่ได้เลยครับ เห็นว่ากำลังจะเปลี่ยนอันใหม่มาใช้ตอนเปิดตัวจริงครับ) DSC_2767 DSC_2768 DSC_2769 IMG_7427 IMG_7428 Detailed Luxury อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นครับ ว่าความเป็น luxury ที่นี่จะเน้นในส่วนของความละเอียดอ่อนในการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ และการจัดวาง space planning ที่เรียกได้ว่าถูก customized ขึ้นเพื่อสร้างimmersive experience ให้คนที่อยู่อาศัยได้รู้สึกถึงการเชื่อมต่อกันระหว่าง indoor mode และ outdoor mode (ที่ห้องกว่าครึ่งตึกเห็นวิวสวนลุมแบบเต็มๆ) ได้อย่างลงตัวไม่ว่าคุณจะอยู่ ณ จุดไหนในห้อง หรือแม้กระทั่งหน้าห้องครับ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง Double Atrium เปิดโล่งตั้งแต่ชั้น 6 -24 รูปแบบของ single loaded corridor ที่โครงการ Saladaeng One จะแตกต่างจากโครงการอื่นครับ กล่าวคือ ปล่อง void ที่เป็น Atrium นั้นจะไม่ได้เป็นวงกลมกลางตึก และมี core lift อยู่ตรงกลางครับ ในทางกลับกันจะเป็น double atrium มีทางเดินคล้ายๆกับรูปตัว S มี Core Lift อยู่ที่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นมุมที่โดนแดดเยอะที่สุดของตึก โดยที่ห้องที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือตั้งแต่ชั้น 6 -24 จะต้องเดินข้ามทางเดินระหว่าง Atrium เพื่อเข้าห้องตัวเอง ทำให้เป็น single loaded corridor ที่มี privacy ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ในเรื่อง Natural Ventilation ที่นี่ใจดีให้หน้าต่างระบายอากาศมากถึง 4 จุดต่อ 1 ชั้น..แหม่ช่างเหมาะกับสภาพอากาศในกทม.จริงๆครับ (ปล. เป็น double atrium ตั้งแต่ชัน 6 – 19 โดยชั้น 20 – 24 เป็น single atrium และชั้น 25 – 33 ไม่มี atrium ตามระยะ set back ของตัวตึก) DSC_2835 นอกจากนี้ทางเข้าประตูยังทำเป็นหลีบหลบเข้าไปไม่ให้เห็นวงกบประตูยื่นมาให้เกะกะสายตาด้วยครับ IMG_7443 จะเห็นว่า space ก่อนเข้าห้องที่ลึกมากจริงๆครับ เดินเข้าไปหลบแบบที่คนมองไม่เห็นได้ IMG_7531 ห้อง Living room หน้ากว้างถึง 7.85 เมตร ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนจนถึง Penthouse ที่นี่ก็ล้วนแต่มีจุดเด่นในเรื่องความกว้างของห้องครับ หากเป็นห้อง 1 นอนขนาด 55 ตารางเมตรก็จะกว้าง 8.10 เมตร ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นถึงห้องนอน ยิ่งรวมกับกระจก Full height แล้วมันก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับอยู่ในห้องที่มีขนาดใหญ่กว่า 55 ตารางเมตรจริงๆครับ IMG_7585IMG_7458 ห้อง 2 ห้องนอนของที่นี่จะมี hi light ก็คือมีหน้ากว้างของห้องนั่งเล่นถึง 7.85 เมตร และมีกระจก Full height สูง 3 เมตร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่แนวทิศตะวันออก take view สวนลุมฯยาวตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ยันห้องนอนทั้ง 2 ห้องไปเลยครับ…สำหรับห้องตัวอย่าง จะเป็นห้อง สองนอนแบบ 2A-1 ที่มีแค่ 4 ห้องเท่านั้นตั้งแต่ชั้น 21-24 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งพื้นที่ระเบียงห้องนั่งเล่นก็ยังกว้างถึง 6.4 เมตรครับ DSC_2836IMG_7452  Lighting system ที่นี่จะค่อนข้างเน้นระบบ lighting นะครับ โดยเท่าที่สังเกตดูจะเป็นระบบ lighting ที่ผสมกันระหว่าง indirect lighting และไฟดาวน์ไลท์ ที่มีระบบ dimmer ควบคุม scheme ของ lighting ได้ 4 ระดับ พร้อม remote ของ Schneider ครับ (มี indirect light บางจุดที่ไม่ได้แถมมากับตัวห้องนะครับ เอาไว้ไปถามกับพนักงาน ขายเพื่อความชัวร์จะดีกว่าครับ ^^) IMG_7449 ไฟดาวน์ไลท์ปรับองศาหันเข้าหัวเตียง IMG_7505 ระเบียงที่ไม่มีโคมไฟที่เพดานหรือผนัง แต่เป็น indirect light ที่ใต้ราวกระจก IMG_7466 Extra Fully Fitted  Saladaeng One ขายแบบเป็น fully fitted ครับ โดยไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์ที่ลอยตัว เช่น โต๊ะ เตียง เก้าอี้ โซฟา ชั้นวาง TV ผนังเป็นฉาบเรียบสีขาวเฉยๆ ฯลฯ แต่สิ่งที่ได้นั้นผมว่าก็ค่อนข้างเหนือกว่า fully fitted ที่อื่นนะครับ เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้เป็น build in แบบเก็บของได้เยอะมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บของ เก็บรองเท้าหน้าห้อง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง อุปกรณ์ครัวครบเซ็ต เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า ห้องน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำตามแบบห้องตัวอย่างเป๊ะ ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน Type 2A-1 ขนาด 116.55 ตารางเมตร IMG_7529 ประตูทางเข้า เปิดเข้าไปมีตู้เก็บรองเท้าและสารพัดสิ่ง พร้อมที่แขวนร่ม ใหญ่และเนี้ยบมากครับ DSC_2780 IMG_7444 IMG_7445 IMG_7446 ห้องนั่งเล่น IMG_7452 IMG_7456 มีการคุม theme สีของห้องได้ดี เน้น earthtone ใช้วัสดุไม้สลับกับวงกบประตูที่เป็นอลูมิเนียมอบสีน้ำตาล IMG_7469 IMG_7471 Grill air design แบบ seamless และทำสีให้กลมกลืนไปกับฝ้า IMG_7460IMG_7597 ห้องครัว IMG_7475 ตู้เย็นของ Siemens IMG_7482IMG_7484 เครื่องซักผ้าพร้อมเครื่องอบผ้า อันนี้ก็ให้นะ IMG_7602IMG_7601 เตาอบ 2 ระบบของ Siemens IMG_7477 Sink ของ Teka IMG_7476 ตู้เป็น soft close หมดนะครับ และชิดเพดาน IMG_7478 เตา induction และที่ดูดควันของ Kuppersbusch แบรนด์ระดับโลกจากเยอรมัน IMG_7479IMG_7577 ห้องน้ำ โถสุขภัณฑ์ของ TOTO แบบ wall hang ง่ายต่อการทำความสะอาด IMG_7487IMG_7488 สำหรับห้อง Master bathroom จะเป็นแบบ automatic washlet ครับ IMG_7516 IMG_7518IMG_7528 กระจกกั้นห้องอาบน้ำนี่เค้าไม่ได้ใช้แบบสำเร็จรูปนะครับ คุม theme น้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกับวงกบประตูครับ ระบบน้ำร้อนใช้ boiler ครับ โดยเครื่องจะซ่อนอยู่บนฝ้า ฝักบัว Grohe พร้อม rain shower ระบบ thermostat ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างคงที่ IMG_7522อ่างอาบน้ำ (น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้ Jacuzzi) ทำที่นั่งตรงขอบมาให้ด้วยครับ IMG_7524 drain ระบายน้ำในห้องอาบน้ำเป็นแบบเซาะร่องครับ DSC_2806 DSC_2807 ห้องนอน ให้รางผ้าม่าน พร้อม drop ฝ้าให้ครับ แต่ไม่ได้ให้ผ้าม่านนะ IMG_7495 ห้องนอนวางเตียง 6 ฟุตได้ทุกห้อง และยังมีที่เหลือเฟือจริงๆ IMG_7504 อันนี้สำคัญครับ ขอบบัวที่นี่เป็นแบบฝังเข้าในผนังครับ ดังนั้นคนที่ซื้อเฟอร์ฯลอยตัวมาจะไม่มีปัญหาเลยครับในการดันเฟอร์ให้เข้าไปชิดกับขอบกำแพง DSC_2816 DSC_2817 ขอบหน้าต่างห้องนอนทำมุมพิเศษให้นั่งได้ เหมือนกับลอยดูวิวในอากาศ มีชายคา aluminum composite ลายหินอ่อนเป็น facade รอบตึก IMG_7544 Sprinkler เป็นแบบ pop up ซึ่งก็เป็นมาตรฐานของคอนโด ultra luxury ที่ต้องมีนะ ไม่งั้นมองไปเห็นท่อแล้วเสียสายตา >< IMG_7562 แอร์ของห้องสองนอนจะเป็นแบบ VRV Inverter ครับ ใช้ condensing unit เดียว ควบคุมอุณหภูมิได้ดีกว่าและประหยัดไฟกว่าครับ IMG_7467 IMG_7468 ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน Type 1A-1 ขนาด 55.49 ตารางเมตร IMG_7530IMG_7585 IMG_7590 IMG_7591IMG_7593 IMG_7594 ชุดครัวก็ยังคงเป็นรูปตัว U เช่นกัน IMG_7578 ตู้ซ่อนทั้งเครื่องซัก/อบผ้า และตู้เย็น build in IMG_7533 IMG_7535 IMG_7536 IMG_7575 ประตูห้องนอนสูง 2.70 เมตร เกือบจรดฝ้า IMG_7573 มี switch ควบคุมไฟที่หัวเตียงด้วยนะ ไม่ต้องเดินไปปิดที่หน้าประตู IMG_7543IMG_7547 IMG_7554 สรุปเลยละกัน ผมว่ามีหลายคนนะครับ โดยเฉพาะคนที่มีอายุระดับ 40+ ขึ้นไป ที่ค่อนขอดว่า Saladaeng One นั้นไม่ใช่ศาลาแดง เพราะทำเลศาลาแดงที่แท้จริงนั้นต้องอยู่ฝั่งถนนสีลม ไม่ใช่ถนนพระรามสี่!!! มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาเหล่านั้นจะคิดแบบนั้น เพราะว่าคอนโดรุ่นเก่าๆ ยุคบุกเบิก มักจะอยู่ในซอยศาลาแดงฝั่งที่ค่อนไปทางสีลม หรือสาทร ไม่ว่าจะเป็น Silom Grand Terrace/ Silom Terrace/ Silom Condominium/ The Royal Saladaeng/ Saladaeng Residences หรือ The Legend Saladaeng…แต่ในความเป็นจริงแล้ว ที่มั่นของโครงการ Saladaeng One ที่แหละ ที่ผมมองว่ามันคือทำเลที่ดีที่สุดของถนนศาลาแดงครับ เนื่องจากวิวส่วนใหญ่ของโครงการนั้นเปิดรับสวนลุมพินีในแบบเต็มๆ แถมการเข้าออกนั้นก็อยู่ใกล้ถนนใหญ่พระรามสี่ที่สุด โดยที่ยังคงสามารถเลือกใช้เส้นทางทั้งจากสาทร และสีลมได้ เช่นเดียวกับทุกๆโครงการในซอยศาลาแดง สามารถเดินได้จากสถานีรถไฟฟ้า MRT ได้ถึง 2 สถานี คือลุมพินี และสีลม (interchange กับ BTS ศาลาแดง) แต่ช่างเหอะ เพราะจะมีสักกี่คนกันที่อยู่โครงการนี้แล้วใช้การเดินทางหลักโดยรถไฟฟ้า!!! ที่จอดรถก็ยังจัดมาให้ถึง 191 คันจากจำนวนยูนิตทั้งหมด 187 ยูนิต (185 + 2 Pool Villas) SALADAENG-ONE-MAP สิ่งที่น่าคิดก็คือทำเลนี้ถือเป็นทำเลที่ intersect กัน ของ 3 ทำเล CBD ทั้ง central lumpini, Silom, Sathorn ที่ไม่ว่าจะมี research ครั้งไหนออกมา ก็ยังคงเป็นทำเลที่ฮอตติดอันดับตลอดกาลทั้งตลาดขายและตลาดเช่า ที่สำคัญก็คือคอนโดที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มองเห็นสวนลุมพินีมักจะขายได้ราคาที่แพงกว่าปกติทั่วไปครับ ดูอย่าง 185 ราชดำริ, Nimit หลังสวน, The Sukhothai Residences หรือแม้กระทั่ง Ashton Chula Silom ที่แอบเนียนมากับเค้าด้วย ในแง่ของวิว นอกเหนือจากวิวฝั่งสวนลุมฯที่คงไม่ต้องบรรยายถึงสรรพคุณ ก็ยังมีวิวที่ผมว่าสวยเช่นกันสำหรับชั้นสูงๆ นั่นก็คือฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่จะได้เสพย์วิวสวนสวยๆของสถานฑูตเยอรมัน และยาวไปถึงคลองบางกระเจ้าครับ (ชั้น 6-15 มีห้อง size เล็กสุดขนาด 49 ตรม.ด้วยนะจ๊ะ) และหากใครชื่นชอบในหมู่ตึก skyscarper แถวสีลม-สาทร และอยากได้ห้องที่ราคาเริ่มต้นต่อตรม.ถูกลงมาหน่อยแต่อยู่ใน lifestyle เดียวกัน ก็คงต้องเลือกไปทางทิศตะวันตก IMG_7623 IMG_7631 IMG_7635 ในบรรดา 185 ยูนิต มียูนิตที่เป็น 1 นอนขนาด 49 -57 ตรม. ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ (131 ห้อง) เน้นกลุ่ม Young Millionaire ที่รักสันโดด 555….รูปแบบของห้องที่นี่ดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่ก็มีห้องหลาย type ที่เป็น rare items มีเพียงไม่กี่ห้องในตึกครับ ไม่ว่าจะเป็น Duplex Penthouse ยูนิตเดียวที่ชั้น 32-33 และ Simplex Penthouse ทั้ง Floor ที่ชั้น 29 โดยเป็นชั้นเดียวที่มีความสูงถึง 3.20 เมตร หรือถ้าใครที่ชอบความแตกต่าง และมีเงินเหลือเฟือที่นี่ก็มี Pool Villa ที่เป็นตึกแยกออกมา 3 ชั้น จำนวน 2 ยูนิต…นับว่าเป็น Pool Villa บ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด ที่อยู่ในทำเลที่เป็น real inner CBD อย่างแท้จริงหาใดเปรียบ!!! มีอะไรที่เป็นข้อด้อยบ้าง? ที่ผมเห็นชัดเจนคือในเรื่อง landscape ครับ…ตอนนี้ก็แอบหวังว่าทางทีมงาน SC Asset กำลังพยายามที่จะพัฒนาในส่วนของ landscape อยู่ครับ จริงอยู่ที่ด้วยเนื้อที่เพียงแค่ไร่กว่าๆนั้น อาจจะไม่สามารถสร้างสรรค์ landscape ในแบบอลังการงานสร้างได้ แต่ถ้าดูใน space แล้วก็พบว่ามีหลายจุดทีเดียวครับ ที่ทางโครงการน่าจะทำออกมาได้สวย (ถ้าจะทำนะ) ยกตัวอย่างเช่น landscaped sky terrace ที่กระจายอยู่ที่ชั้น 16,21 และ 25 หรือบริเวณส่วนของ outdoor lobby เรื่อยไปจนถึงบริเวณทางเดินที่เชื่อมระหว่าง Tower และ Pool Villa ส่วนที่เหลือก็จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ fringe benefits ที่ให้มาแล้วก็จะดูคุ้มค่ากว่านี้หน่อย แต่ถ้าไม่ให้ก้ไม่เป็นไรซื้อเองได้ ไม่ว่าจะเป็น digital door lock/ ระบบ home automation/ อ่างอาบน้ำแบบ Jacuzzi/ ระบบผ้าม่านไฟฟ้า และก็น่าจะให้หินอ่อนสีขาวมาประดับผนังห้องมากกว่านี้น่ะครับ >< แล้วใครเล่าที่คู่ควรที่จะซื้อที่นี่? สำหรับคอนโดใน segment ultra luxury นั้น ไม่ว่าราคาจะแพงขนาดไหนก้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกลุ่มคนที่เงินพอซื้อครับ อยู่ที่ว่า Saladaeng One จะเนรมิตรผลงาน และสื่อสารออกมาได้จับใจกลุ่มคนเหล่านี้ได้หรือเปล่าแค่นั้นเองครับ… ณ วันที่ผมเขียนบทความนี้ ผมก็ยังไม่ได้มีโอกาสเห็นชิ้นงานโฆษณาครับ ว่าเป็นแนวทางอย่างไร แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้จาก sale gallery และคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาของทีมงาน ในการบอกเล่าถึงวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจจะให้ Saladaeng One เป็นโครงการที่จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนกรอบความคิดของกลุ่มผู้บริโภคในตลาด ultra luxury ขึ้นในเมืองไทยให้ได้….ก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งครับว่าทาง Saladaeng One มาถูกทางแล้วครับ…ส่วนตัวแล้ว ผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับกลุ่มนักซื้อคอนโดที่ชอบซื้อเฉพาะโครงการ Hi end หลายคนครับ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีนิสัยเดียวกันครับ คือชอบสะสมของเป็น collection ครับ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน แต่ถ้าชอบ และเห็นว่าดีจริงก็จะซื้อโดยไม่คำนึงถึงราคา เชื่อไหมครับ บางคนซื้อทีเป็น 10 ห้องใน 1 โครงการ และโอนเก็บเอาไว้โดยที่ไม่แม้แต่จะปล่อยเช่าครับเหมือนกับการสะสมรถ supercars หรืองานศิลปะอะไรแบบนั้น ซึ่งผมก็คิดว่า Saladaeng One ก็น่าจะเป็นหนึ่งในของสะสม ที่หากนักสะสมเหล่านั้นไม่ได้ซื้อไว้ ก็จะเหมือนกับขาดอะไรไปบางอย่าง ครับ…ก็เค้าถึงตั้งสโลแกนว่า The one that matters ไงล่ะคุณ… ปล. เท่าที่ทราบมาหลังจากเปิด soft launch บางส่วนไป (75 ยูนิต) เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Saladaeng One ขายได้แล้ว 42 ยูนิต มูลค่าขาย 850 ล้านบาท โดยจะเปิดขายเป็นทางการ พ.ค.58 ครับ…ตอนนี้หากใครอยากได้ก็ต้องแจ้งความจำนงค์มา แล้วก็นัดมาดูห้องเป็น by appointment นะครับ ใครดูแล้วสนใจก็เตรียมเงินตามนี้นะครับ จอง 150,000 – 300,000 บาท ทำสัญญา 500,000 – 1,000,000 บาท แล้วก็ผ่อนดาวน์  30 เดือน (จ่ายรวมจอง +สัญญา+ดาวน์ก็ประมาณ 20% จากราคาขายครับ)   Factsheet Project Name: Saladaeng One Developer: SC Asset Corporation Plc. Location: Saladaeng Soi 1, Rama IV, Bangkok Land Area: 1-3-95.5 Rai (Approximately 3,182 sq.m.) Station: 450 Metres from MRT Lumpini; 800 Metres from MRT Silom Interchange Buildings: 2 Buildings (Tower and Pool Villa) Tower: 33 Stories and 3 Basements, Total 185 units Pool Villas: 3 Stories, Total 2 units Parking: 191 Elevator: 3 Passenger Elevators and 1 Service Elevator Facility: Swimming Pool, Sauna, Steam, Fully-equipped gym, Business lounge, Landscaped sky terrace Type of units: 1 Bedroom 50-57 sq.m. 2 Bedroom 106 – 122 sq.m. 2 Bedroom Duplex 106 – 122 sq.m. 3 Bedroom 216 sq.m. 4 Bedroom Penthouse 420 sq.m. Floor to ceiling: 3 metres Average Started Prices/ Sq.m.: 285K Common Fee: 90 baht/sq.m./month Sinking Fund: 900 Baht/sq.m. Completion: 2018 Official website: http://www.saladaeng-one.com