Tag: Condo Review
The Lofts Asoke (เดอะ ลอฟท์ อโศก) …. คอนโดแห่งปี 2015
หลังจาก Raimon Land ได้ทุ่มเงินซื้อที่ดินแปลงสวยบนถนนอโศกใกล้ mrt เพชรบุรี มาตั้งแต่เดือน 5 ใช้เวลาออกแบบพัฒนาประมาณ 6 เดือน The Lofts Asoke คอนโด 45 ชั้น เพดาน 3.2 – 5.7 เมตร กระจกเต็มความสูงพื้นถึงพื้น แห่งเดียวบนถนนอโศกแท้ๆ ก็ได้เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
Eco:id สำนักออกแบบสัญชาติสิงคโปร์ เจ้าของผลงานสุดอลัง Saladaeng Residence “The zero defect condominium” ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารใหญ่ไรมอน แลนด์ คนบ้านเดียวกัน ให้เป็นทีมที่ปรึกษาในการออกแบบ และ Eco:id ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทำคอนโดออกมาได้สวยทั้งหน้าตาและแปลนตึก
สวยจนผมขอมอบให้เป็น the best condo of 2015 คู่กันกับ Siamese 31 กันเลยทีเดียว
“ดังนั้นบทความที่ผมเขียนต่อไป นี้ จะเต็มเปี่ยมไปด้วย passion อยากได้อยากครอบครอง ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ ถ้าจะชอบมากกกก จนออกนอกหน้าไปซักนิดแต่ รับรองว่าข้อมูลทุกอย่างที่ลงในบทความเป็นความจริง”
พูดถึงทำเลกันก่อน
The Lofts Asoke เป็นคอนโดติดถนนอโศกแท้ๆก่อนข้ามคลองแสนแสบ ที่เดิมทีก็หาที่ดินทำโครงการคอนโดใหม่ได้ยากมาก แต่ปีนี้ดันมาที 2 โครงการแถมเปิดตัวใกล้กัน
โครงการอยู่ปลายๆอโศกถ้าวัดจากแยกตัดสุขุมวิท เกือบถึงเชิงสะพานข้ามคลองอยู่แล้ว อยู่ห่างจาก mrt เพชรบุรี สถานี Interchange กับ Airport Link ประมาณ 200 เมตร เดินสบายๆ แต่ต้องขึ้นลงบันไดตรงคอสะพานนิดนึง
สถานีเพชรบุรี นอกจากเป็น Interchange ขนส่งมวลชนระบบรางแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมต่อ เรือสู่ราง มีท่าเรือที่วิ่งบริการไปกลับตามแนวคลองแสนแสบ ที่มีต้นสายอยู่ที่ราชประสงค์ตรงข้าม Isetan Centralworld
ท่าเรือนี้เป็นจุดสำคัญของโครงการ The Lofts Asoke อย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสุดๆสำหรับเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ NIST ที่ค่าเทอมแพงมหาแพง เพียง 1 ป้ายเรือด่วน ก็ถึงท่านานาชาติ ที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียน (แต่การโดยสารเรือคลองแสนแสบไม่เหมาะกับเด็กเล็กนะครับ ขึ้นลงลำบาก)
สภาพแวดล้อมของละแวกคอนโด สะดวกมาก มีร้านค้าร้านอาหารแหล่ง lifestyle ในระยะเดิน คึกคักคนเดินไปมาในวันจันทร์ถึงเสาร์ ทั้งเด็กนักเรียนนักศึกษา พนักงานออฟฟิส
เดินจากโครงการมาไม่กี่ก้าวก็เจอ 7-11

ใช่ครับเพราะอโศกคือถนนแห่งอาคารสำนักงาน และยังมีสถาบันการศึกษาหลักอย่าง มศว ประสานมิตร ที่มีตั้งแต่อนุบาลจนถึงอุดมศึกษา ทั้ง inter และระบบธรรมดา มศว ประสานมิตร อยู่เยื้องๆ The Lofts Asoke เหมาะมากสำหรับผู้ปกครองที่จะซื้อให้ลูกหลาน ไม่ว่าจะเรียน มศว. หรือ NIST ก็ตามที
จุดเสียของทำเลก็มีครับ นั่นคือการเดินทางโดยรถส่วนตัว
อโศก กับ รถติด คือของคู่กัน และตำแหน่งที่ตั้งของ The Lofts ยังกลับรถเพื่อย้อนกลับไปที่แยกอโศกยาก ต้องตัดกระแสรถขึ้นลงสะพาน ไม่น่าจะปลอดภัย และไม่แน่ใจว่าจะผิดกฏจราจรหรือไม่ ผมไม่แน่ใจว่า Singha Complex ซึ่งมีทางเข้าออกที่ฝั่งถนนอโศกด้วย เมื่อเปิดบริการ จะช่วยเรื่องกลับรถเข้าแยกอโศกได้รึเปล่า
แต่สำหรับคนที่มีเป้าหมายการเดินทางทางอื่น ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชบุรีไป นานา เพลินจิต ชิดลม เลี้ยวขวาไปเพชรบุรีช่วงพร้อมพงษ์ ขับตรงทะลุไป รัชดาพระราม 9 สะดวกทุกทาง
ขากลับก็เข้าถนนอโศกไปวนกลับรถหน้า The Esse Asoke ได้ครับ
ผมว่าทำเลดีอ่ะ สมราคาที่ดินวาละล้านต้นๆ แต่สะดวกหรือไม่ มันก็แล้วแต่ปัจเจกบุคคลครับ
พัฒนาการในอนาคต
Singha Complex จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าของแถวนี้ โครงการขนาด9ไร่กว่าประกอบไปด้วยพื้นที่ร้านค้า อาคารสำนักงาน มีประตู mrt ใต้ดินเป็นของตัวเอง ในอนาคตจะเป็นแหล่งดึง traffic คนแถวนี้ โดยสิงห์และบริษัทในเครือทั้งหมดก็ใช้ที่นี่ (ชั้น 32-37 )เป็นฐานบัญชาการใหญ่ด้วย
นอกจากออฟฟิสแล้ว Singha ยังกันที่ดินไว้ 2 ไร่ครึ่ง ฝั่งติดถนนอโศกและติดคลองแสนแสบ เพื่อพัฒนาโครงการ ultimate luxury condominium ไว้ขายในอีกไม่นานด้วย (ข่าวแว่วๆว่าราคาเริ่มต้นเกิน 300K ต่อ ตรม. และใช้สำนักออกแบบระดับโลก)
ไม่พูดถึงคงไม่ได้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพชรบุรี ก็เตรียมจะมา ในเวลาใกล้เคียงกับ โรงพยาบาล RSU ในเครือ ม. รังสิต
บำรุงราษฎร์ใหม่จะอยู่ติดกับตึก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ทำเลนี้พื้นฐานจะเปลี่ยนในอีกไม่กี่ปี
The Lofts Asoke
โครงการคอนโดมิเนียมสูง 45 ชั้น เพดาน typical room สูง 3.2เมตร กระจกบานสูงพื้นถึงท้องพื้นด้านบน จัดหนักมาเกินมาตรฐาน ถ้าเทียบกับคอนโดระดับราคานี้ที่เปิดตัวปีนี้ จะมีความสูงตั้งแต่ 2.6 – 3.0 เมตร
ที่ดิน 1 ไร่ 2 งาน 65.8 ตารางวา จำนวน 211 ยูนิต ที่จอดรถ 100% (มีทั้งระบบ auto parking และ แบบปกติ)
lift 3+1 ตัว เฉลี่ยแล้วแบ่งใช้กันแค่ 70 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัวเท่านั้น (The Esse Asoke 84 ยูนิตต่อ 1 ตัว, Q asoke 120 ยูนิต ต่อ 1 ตัว)
Lobby Triple volume (ถ้าดูตามแปลนมีความสูงตั้งแต่ชั้น 1- ชั้น 5)
double volume fitness (ชั้น 4-5)
working space (ชั้น 2-3)
Sky infinity edge swimming pool ที่ชั้น 31
แปลนชั้นสระ
Sky garden
โซนที่พักอาศัยจะแบ่งเป็น
Loft zone ที่ชั้น 3- 30 เป็นชั้นเพดาน 3.2เมตร มีจำนวนยูนิตต่อชั้นมากสุดที่ 7 ยูนิตเท่านั้น
Sky Loft zone ที่ชั้น 33-45 เป็น ห้องแบบ Sky Loft duplex เพียวๆ
มีชั้นสระและ facility เป็นตัวแบ่งบนล่าง สระน้ำ infinity edge ทิศตะวันออกวิว mid sukhumvit นี่สวยจริงๆ
วิจารณ์แบบแปลน
ที่นี่ออกแบบดีครับ ถอยร่นลึกจากถนนใหญ่ที่ความวุ่นวาย ด้านทิศเหนือที่บล็อกวิวระยะประชิดก็ออกแบบแก้ด้วยการเอา ปล่อง tower ที่จอดรถอัตโนมัติไปไว้ ทำให้ห้องฝั่งนี้ไม่บล็อกวิว
ห้องฝั่งทิศใต้ บล็อกวิวไกลๆระยะประมาณ 50 เมตร มีห้องบล็อกวิวหน้าตรง 2 ห้อง แต่ไรมอนแลนด์เลือกวางเป็นห้องขนาดเล็ก 35 ตรม. ซึ่งราคารวมออกมาแล้วถูกกว่าห้องอื่น มายั่วใจคนซื้อ แถมด้วยจัดหนักกระจกบานใหญ่เต็มผนัง สูง 3.2 เมตร มาชดเชยให้เปิดรับวิวแนวเฉียงได้เต็มๆ
โถงลิฟท์มีหน้าต่างช่องแสงบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติและระบายถ่ายเทอากาศ
ห้อง 2 bed 4 ห้องอยู่ที่มุมทั้ง 4 ของตึก ได้หน้าต่าง 2 ด้านและได้วิวที่ไม่บล็อกเลย อย่างน้อย 1 ด้าน ได้กระจกเข้ามุมต่อเนื่องและมี หน้าต่างระบายอากาศในห้องน้ำ
Sky Loft zone สุดยอดดดด กระจกบานใหญ่เต็มความสูง 5.7 เมตร ผมเชียร์ห้อง 76 ตรม. ครับ ห้อง loft duplex ที่นี่มี void ขนาดใหญ่สะใจ เมื่อเทียบกับพื้นที่ของห้อง ผมว่าไรมอน แลนด์ใจป้ำ จัด void มาให้เยอะ ทั้งๆที่บางเจ้า ให้นิดเดียวหรือไม่มีvoidเลยด้วยซ้ำ ( ยิ่ง void เยอะ ห้องยิ่งโอ่โถง อลังการ แต่พื้นที่ขายจะหายไป)
บางชั้นของ Sky Loft zone (ชั้น 35และ 39) จะเป็นชั้นพิเศษที่มี green area พื้นที่สวนไว้ออกไปดูวิว ชมต้นไม้ นั่งชิลลตามอัถยาศัย
ภาพรวมของวิว
ห้องทิศเหนือติดตึก 253 Asoke ระยะประชิด แต่แก้ไขด้วยการออกแบบทำให้ไม่มีห้องบล็อกวิว ห้องที่พ้นแนวตึกจะได้วิวกลุ่มตึกเส้นเพชรบุรี ถ้าชั้นสูงพ้น ชั้น 31 ขึ้นไป จะเห็นแนวคลองสวยๆ และสระน้ำของ Villa Asoke ชั้นสูงมากก็จะเห็น sky line สวยๆ
ทิศตะวันตก ทิศ highlight วิวเทพสวยสุดๆอยู่แล้ว โรงเรียนวัฒนาและ Nist ในเบื้องหน้าพร้อม skyline ในฉากหลัง วิวโล่งตลอดชาติ
วิวประมาณชั้น 22
วิวประมาณชั้น 8
ทิศตะวันออกหันไปหาย่าน midsukhumvit วิวโล่งสวยถ้าฝั่งตรงข้ามไม่สร้างอาคารสูง
ทิศใต้ติดตึก Sukhumvit living town ไกลออกไป 50 เมตร มองเฉียงพอพ้นสายตาได้ ถ้าชั้นสูงมากเกินชั้น 35 ก็จะพ้นตึกทำให้ได้ city view ที่สุดยอด เห็นทั้ง The Esse Asoke ทั้ง Ashton Asoke
มองเฉียง
ถ้าสูงพอจะเห็นสระน้ำของตึกข้างๆด้วยครับ
ในห้องเป็นพื้นกระเบื้อง 3 styles ให้เลือก มีแบบ Raw , Bold และ Functional ห้องขายแบบ fully fitted มีชุดครัวและตู้เสื้อผ้า ประตูเข้าห้องเป็น digital door lock ทุกยูนิต แอร์ฝังซ่อนในฝ้า
Raw
Bold
Functional
ห้องที่ผมชอบ
ถ้างบไม่อั้นผมซื้อห้อง sky loft duplex อยู่แล้ว rare item แต่ถ้าจะซื้อเพื่อการลงทุน ห้อง 1A ชั้นล่างๆที่ราคาไม่เกิน 180K ก็น่าสน ,ห้อง 2 bed แบบ 2 A วิวเหนือและตะวันตก เป็น 2 bed ที่ผมจะเลือก ชั้นไม่ต้องสูงมากก็ได้
เปรียบเทียบกับคอนโดอื่นใน area
โครงการเปิดขายบางชั้นแล้ว ในรอบลูกค้าเก่า มีบางห้องราคาหลังหักส่วนลดถูกมาก ประมาณ 16x,xxx บาท ต่อ ตรม.เท่านั้น และราคาจะขึ้นไปต่อชั้นประมาณ 2,000 บาท ต่อ ตรม.
เมื่อเทียบราคาชั้น 9 วิวตะวันตกสุดสวยที่ 185K ต่อ ตรม. ราคาถือว่าใกล้เคียงกับ The Esse Asoke ชั้นเดียวกัน ซึ่ง spec ผมว่า The Esse Asoke จะดีกว่านิดๆ แต่ด้อยกว่าเรื่องระยะรถไฟฟ้าและ อัตราส่วนต่างๆ เมื่อพิจารณาถึงราคาขาย Q Asoke ในปัจจุบัน ชั้น 22 ขายที่ประมาณ 180K ถูกกว่าพอสมควรแต่ตึกสร้างเสร็จแล้ว อีกทั้ง spec และ ทำเลที่ด้อยกว่า ยิ่งหน้าตาตึกทำออกมา ไม่สวยเอามากๆในสายตาคนส่วนใหญ่
ผมคงไม่เอาไปเทียบกับ Ashton Asoke condo of the year 2014 ที่ทำเลมีศักดิ์ศรีดีกว่าพอสมควร และคงไม่เทียบกับคอนโดแห่งศตวรรษที่ยูนิตมากกกมหาศาล เช่าที่การรถไฟเข้าออก เพราะทำเลคนละชั้นแม้จะถือว่าเป็น MRT สถานีเดียวกันก็เหอะ
ผมเชียร์ที่นี่นะครับ ชอบมากในรูปแบบ หน้าตาตึก ทำเล หลายสิ่งอย่าง …อนาคตของ area นี้อย่างที่บอกข้างต้น มันจะพัฒนาไปอีกมากชนิดที่เปลี่ยนพื้นฐานกันเลย ตามความเห็นผม ราคาที่เปิดมาขายบอกเลยว่าถูกกว่าที่คิด ยิ่งถ้าได้ห้องไม่เกิน 190K นะ (จริงๆก็ไม่ถูกมากนะครับ แต่คอนโดอื่นๆบางคอนโดเปิดมาแพงมหาศาลจนที่นี่ ดูคุ้มค่าคุ้มราคาไปเลย อย่างเช่น The Line ราชเทวี ราคาเฉลี่ย 265k , Rhythm Rangnam ชั้นสูงๆประมาณ190K )
ราคาค่าเช่า เทียบ Q Asoke ปล่อยเช่าอยู่ 45 ตรม ได้ 35,000 บาทต่อเดือน (777บาท ต่อ ตรม.) ผมประเมินว่าที่ The Lofts น่าจะได้ (800-850 บาท ต่อ ตรม.)
คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง Q2 2016 สร้างเสร็จ Q4 2018 (ถ้า EIA ไม่ติดขัด ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะที่แปลงนี้ไรมอน แลนด์ซื้อพร้อม ใบอนุญาตก่อสร้างอาคารสูงพร้อม eia approved ชื่อ office@asoke)
เงื่อนไขการจองค่อนข้างโหด คือ จอง 1 แสนบาท ทำสัญญา 10% ผ่อนดาวน์ 15% 30เดือน และพิเศษคือสกัดนักเก็งกำไรระยะสั้นด้วย silent period ห้ามเปลี่ยนชื่อในสัญญาซื้อขาย 12 เดือน นับจากวันทำสัญญา
ถ้ารับเงื่อนไขได้ ซื้อเหอะครับ อโศกแท้ๆ ใกล้รถไฟฟ้าอนาคตไกล ราคานี้ spec นี้ หน้าตาตึกแบบนี้
Raimon Life !!!!!!!!!
Eco:id สำนักออกแบบสัญชาติสิงคโปร์ เจ้าของผลงานสุดอลัง Saladaeng Residence “The zero defect condominium” ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารใหญ่ไรมอน แลนด์ คนบ้านเดียวกัน ให้เป็นทีมที่ปรึกษาในการออกแบบ และ Eco:id ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทำคอนโดออกมาได้สวยทั้งหน้าตาและแปลนตึก
สวยจนผมขอมอบให้เป็น the best condo of 2015 คู่กันกับ Siamese 31 กันเลยทีเดียว
“ดังนั้นบทความที่ผมเขียนต่อไป นี้ จะเต็มเปี่ยมไปด้วย passion อยากได้อยากครอบครอง ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ ถ้าจะชอบมากกกก จนออกนอกหน้าไปซักนิดแต่ รับรองว่าข้อมูลทุกอย่างที่ลงในบทความเป็นความจริง”
พูดถึงทำเลกันก่อน
The Lofts Asoke เป็นคอนโดติดถนนอโศกแท้ๆก่อนข้ามคลองแสนแสบ ที่เดิมทีก็หาที่ดินทำโครงการคอนโดใหม่ได้ยากมาก แต่ปีนี้ดันมาที 2 โครงการแถมเปิดตัวใกล้กัน
โครงการอยู่ปลายๆอโศกถ้าวัดจากแยกตัดสุขุมวิท เกือบถึงเชิงสะพานข้ามคลองอยู่แล้ว อยู่ห่างจาก mrt เพชรบุรี สถานี Interchange กับ Airport Link ประมาณ 200 เมตร เดินสบายๆ แต่ต้องขึ้นลงบันไดตรงคอสะพานนิดนึง
สถานีเพชรบุรี นอกจากเป็น Interchange ขนส่งมวลชนระบบรางแล้ว ยังเป็นจุดเชื่อมต่อ เรือสู่ราง มีท่าเรือที่วิ่งบริการไปกลับตามแนวคลองแสนแสบ ที่มีต้นสายอยู่ที่ราชประสงค์ตรงข้าม Isetan Centralworld
ท่าเรือนี้เป็นจุดสำคัญของโครงการ The Lofts Asoke อย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการเดินทางที่สะดวกสุดๆสำหรับเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ NIST ที่ค่าเทอมแพงมหาแพง เพียง 1 ป้ายเรือด่วน ก็ถึงท่านานาชาติ ที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียน (แต่การโดยสารเรือคลองแสนแสบไม่เหมาะกับเด็กเล็กนะครับ ขึ้นลงลำบาก)
สภาพแวดล้อมของละแวกคอนโด สะดวกมาก มีร้านค้าร้านอาหารแหล่ง lifestyle ในระยะเดิน คึกคักคนเดินไปมาในวันจันทร์ถึงเสาร์ ทั้งเด็กนักเรียนนักศึกษา พนักงานออฟฟิส
เดินจากโครงการมาไม่กี่ก้าวก็เจอ 7-11

ใช่ครับเพราะอโศกคือถนนแห่งอาคารสำนักงาน และยังมีสถาบันการศึกษาหลักอย่าง มศว ประสานมิตร ที่มีตั้งแต่อนุบาลจนถึงอุดมศึกษา ทั้ง inter และระบบธรรมดา มศว ประสานมิตร อยู่เยื้องๆ The Lofts Asoke เหมาะมากสำหรับผู้ปกครองที่จะซื้อให้ลูกหลาน ไม่ว่าจะเรียน มศว. หรือ NIST ก็ตามที
จุดเสียของทำเลก็มีครับ นั่นคือการเดินทางโดยรถส่วนตัว
อโศก กับ รถติด คือของคู่กัน และตำแหน่งที่ตั้งของ The Lofts ยังกลับรถเพื่อย้อนกลับไปที่แยกอโศกยาก ต้องตัดกระแสรถขึ้นลงสะพาน ไม่น่าจะปลอดภัย และไม่แน่ใจว่าจะผิดกฏจราจรหรือไม่ ผมไม่แน่ใจว่า Singha Complex ซึ่งมีทางเข้าออกที่ฝั่งถนนอโศกด้วย เมื่อเปิดบริการ จะช่วยเรื่องกลับรถเข้าแยกอโศกได้รึเปล่า
แต่สำหรับคนที่มีเป้าหมายการเดินทางทางอื่น ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชบุรีไป นานา เพลินจิต ชิดลม เลี้ยวขวาไปเพชรบุรีช่วงพร้อมพงษ์ ขับตรงทะลุไป รัชดาพระราม 9 สะดวกทุกทาง
ขากลับก็เข้าถนนอโศกไปวนกลับรถหน้า The Esse Asoke ได้ครับ
ผมว่าทำเลดีอ่ะ สมราคาที่ดินวาละล้านต้นๆ แต่สะดวกหรือไม่ มันก็แล้วแต่ปัจเจกบุคคลครับ
พัฒนาการในอนาคต
Singha Complex จะมาเปลี่ยนโฉมหน้าของแถวนี้ โครงการขนาด9ไร่กว่าประกอบไปด้วยพื้นที่ร้านค้า อาคารสำนักงาน มีประตู mrt ใต้ดินเป็นของตัวเอง ในอนาคตจะเป็นแหล่งดึง traffic คนแถวนี้ โดยสิงห์และบริษัทในเครือทั้งหมดก็ใช้ที่นี่ (ชั้น 32-37 )เป็นฐานบัญชาการใหญ่ด้วย
นอกจากออฟฟิสแล้ว Singha ยังกันที่ดินไว้ 2 ไร่ครึ่ง ฝั่งติดถนนอโศกและติดคลองแสนแสบ เพื่อพัฒนาโครงการ ultimate luxury condominium ไว้ขายในอีกไม่นานด้วย (ข่าวแว่วๆว่าราคาเริ่มต้นเกิน 300K ต่อ ตรม. และใช้สำนักออกแบบระดับโลก)
ไม่พูดถึงคงไม่ได้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพชรบุรี ก็เตรียมจะมา ในเวลาใกล้เคียงกับ โรงพยาบาล RSU ในเครือ ม. รังสิต
บำรุงราษฎร์ใหม่จะอยู่ติดกับตึก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ทำเลนี้พื้นฐานจะเปลี่ยนในอีกไม่กี่ปี
The Lofts Asoke
โครงการคอนโดมิเนียมสูง 45 ชั้น เพดาน typical room สูง 3.2เมตร กระจกบานสูงพื้นถึงท้องพื้นด้านบน จัดหนักมาเกินมาตรฐาน ถ้าเทียบกับคอนโดระดับราคานี้ที่เปิดตัวปีนี้ จะมีความสูงตั้งแต่ 2.6 – 3.0 เมตร
ที่ดิน 1 ไร่ 2 งาน 65.8 ตารางวา จำนวน 211 ยูนิต ที่จอดรถ 100% (มีทั้งระบบ auto parking และ แบบปกติ)
lift 3+1 ตัว เฉลี่ยแล้วแบ่งใช้กันแค่ 70 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัวเท่านั้น (The Esse Asoke 84 ยูนิตต่อ 1 ตัว, Q asoke 120 ยูนิต ต่อ 1 ตัว)
Lobby Triple volume (ถ้าดูตามแปลนมีความสูงตั้งแต่ชั้น 1- ชั้น 5)
double volume fitness (ชั้น 4-5)
working space (ชั้น 2-3)
Sky infinity edge swimming pool ที่ชั้น 31
แปลนชั้นสระ
Sky garden
โซนที่พักอาศัยจะแบ่งเป็น
Loft zone ที่ชั้น 3- 30 เป็นชั้นเพดาน 3.2เมตร มีจำนวนยูนิตต่อชั้นมากสุดที่ 7 ยูนิตเท่านั้น
Sky Loft zone ที่ชั้น 33-45 เป็น ห้องแบบ Sky Loft duplex เพียวๆ
มีชั้นสระและ facility เป็นตัวแบ่งบนล่าง สระน้ำ infinity edge ทิศตะวันออกวิว mid sukhumvit นี่สวยจริงๆ
วิจารณ์แบบแปลน
ที่นี่ออกแบบดีครับ ถอยร่นลึกจากถนนใหญ่ที่ความวุ่นวาย ด้านทิศเหนือที่บล็อกวิวระยะประชิดก็ออกแบบแก้ด้วยการเอา ปล่อง tower ที่จอดรถอัตโนมัติไปไว้ ทำให้ห้องฝั่งนี้ไม่บล็อกวิว
ห้องฝั่งทิศใต้ บล็อกวิวไกลๆระยะประมาณ 50 เมตร มีห้องบล็อกวิวหน้าตรง 2 ห้อง แต่ไรมอนแลนด์เลือกวางเป็นห้องขนาดเล็ก 35 ตรม. ซึ่งราคารวมออกมาแล้วถูกกว่าห้องอื่น มายั่วใจคนซื้อ แถมด้วยจัดหนักกระจกบานใหญ่เต็มผนัง สูง 3.2 เมตร มาชดเชยให้เปิดรับวิวแนวเฉียงได้เต็มๆ
โถงลิฟท์มีหน้าต่างช่องแสงบานใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติและระบายถ่ายเทอากาศ
ห้อง 2 bed 4 ห้องอยู่ที่มุมทั้ง 4 ของตึก ได้หน้าต่าง 2 ด้านและได้วิวที่ไม่บล็อกเลย อย่างน้อย 1 ด้าน ได้กระจกเข้ามุมต่อเนื่องและมี หน้าต่างระบายอากาศในห้องน้ำ
Sky Loft zone สุดยอดดดด กระจกบานใหญ่เต็มความสูง 5.7 เมตร ผมเชียร์ห้อง 76 ตรม. ครับ ห้อง loft duplex ที่นี่มี void ขนาดใหญ่สะใจ เมื่อเทียบกับพื้นที่ของห้อง ผมว่าไรมอน แลนด์ใจป้ำ จัด void มาให้เยอะ ทั้งๆที่บางเจ้า ให้นิดเดียวหรือไม่มีvoidเลยด้วยซ้ำ ( ยิ่ง void เยอะ ห้องยิ่งโอ่โถง อลังการ แต่พื้นที่ขายจะหายไป)
บางชั้นของ Sky Loft zone (ชั้น 35และ 39) จะเป็นชั้นพิเศษที่มี green area พื้นที่สวนไว้ออกไปดูวิว ชมต้นไม้ นั่งชิลลตามอัถยาศัย
ภาพรวมของวิว
ห้องทิศเหนือติดตึก 253 Asoke ระยะประชิด แต่แก้ไขด้วยการออกแบบทำให้ไม่มีห้องบล็อกวิว ห้องที่พ้นแนวตึกจะได้วิวกลุ่มตึกเส้นเพชรบุรี ถ้าชั้นสูงพ้น ชั้น 31 ขึ้นไป จะเห็นแนวคลองสวยๆ และสระน้ำของ Villa Asoke ชั้นสูงมากก็จะเห็น sky line สวยๆ
ทิศตะวันตก ทิศ highlight วิวเทพสวยสุดๆอยู่แล้ว โรงเรียนวัฒนาและ Nist ในเบื้องหน้าพร้อม skyline ในฉากหลัง วิวโล่งตลอดชาติ
วิวประมาณชั้น 22
วิวประมาณชั้น 8
ทิศตะวันออกหันไปหาย่าน midsukhumvit วิวโล่งสวยถ้าฝั่งตรงข้ามไม่สร้างอาคารสูง
ทิศใต้ติดตึก Sukhumvit living town ไกลออกไป 50 เมตร มองเฉียงพอพ้นสายตาได้ ถ้าชั้นสูงมากเกินชั้น 35 ก็จะพ้นตึกทำให้ได้ city view ที่สุดยอด เห็นทั้ง The Esse Asoke ทั้ง Ashton Asoke
มองเฉียง
ถ้าสูงพอจะเห็นสระน้ำของตึกข้างๆด้วยครับ
ในห้องเป็นพื้นกระเบื้อง 3 styles ให้เลือก มีแบบ Raw , Bold และ Functional ห้องขายแบบ fully fitted มีชุดครัวและตู้เสื้อผ้า ประตูเข้าห้องเป็น digital door lock ทุกยูนิต แอร์ฝังซ่อนในฝ้า
Raw
Bold
Functional
ห้องที่ผมชอบ
ถ้างบไม่อั้นผมซื้อห้อง sky loft duplex อยู่แล้ว rare item แต่ถ้าจะซื้อเพื่อการลงทุน ห้อง 1A ชั้นล่างๆที่ราคาไม่เกิน 180K ก็น่าสน ,ห้อง 2 bed แบบ 2 A วิวเหนือและตะวันตก เป็น 2 bed ที่ผมจะเลือก ชั้นไม่ต้องสูงมากก็ได้
เปรียบเทียบกับคอนโดอื่นใน area
โครงการเปิดขายบางชั้นแล้ว ในรอบลูกค้าเก่า มีบางห้องราคาหลังหักส่วนลดถูกมาก ประมาณ 16x,xxx บาท ต่อ ตรม.เท่านั้น และราคาจะขึ้นไปต่อชั้นประมาณ 2,000 บาท ต่อ ตรม.
เมื่อเทียบราคาชั้น 9 วิวตะวันตกสุดสวยที่ 185K ต่อ ตรม. ราคาถือว่าใกล้เคียงกับ The Esse Asoke ชั้นเดียวกัน ซึ่ง spec ผมว่า The Esse Asoke จะดีกว่านิดๆ แต่ด้อยกว่าเรื่องระยะรถไฟฟ้าและ อัตราส่วนต่างๆ เมื่อพิจารณาถึงราคาขาย Q Asoke ในปัจจุบัน ชั้น 22 ขายที่ประมาณ 180K ถูกกว่าพอสมควรแต่ตึกสร้างเสร็จแล้ว อีกทั้ง spec และ ทำเลที่ด้อยกว่า ยิ่งหน้าตาตึกทำออกมา ไม่สวยเอามากๆในสายตาคนส่วนใหญ่
ผมคงไม่เอาไปเทียบกับ Ashton Asoke condo of the year 2014 ที่ทำเลมีศักดิ์ศรีดีกว่าพอสมควร และคงไม่เทียบกับคอนโดแห่งศตวรรษที่ยูนิตมากกกมหาศาล เช่าที่การรถไฟเข้าออก เพราะทำเลคนละชั้นแม้จะถือว่าเป็น MRT สถานีเดียวกันก็เหอะ
ผมเชียร์ที่นี่นะครับ ชอบมากในรูปแบบ หน้าตาตึก ทำเล หลายสิ่งอย่าง …อนาคตของ area นี้อย่างที่บอกข้างต้น มันจะพัฒนาไปอีกมากชนิดที่เปลี่ยนพื้นฐานกันเลย ตามความเห็นผม ราคาที่เปิดมาขายบอกเลยว่าถูกกว่าที่คิด ยิ่งถ้าได้ห้องไม่เกิน 190K นะ (จริงๆก็ไม่ถูกมากนะครับ แต่คอนโดอื่นๆบางคอนโดเปิดมาแพงมหาศาลจนที่นี่ ดูคุ้มค่าคุ้มราคาไปเลย อย่างเช่น The Line ราชเทวี ราคาเฉลี่ย 265k , Rhythm Rangnam ชั้นสูงๆประมาณ190K )
ราคาค่าเช่า เทียบ Q Asoke ปล่อยเช่าอยู่ 45 ตรม ได้ 35,000 บาทต่อเดือน (777บาท ต่อ ตรม.) ผมประเมินว่าที่ The Lofts น่าจะได้ (800-850 บาท ต่อ ตรม.)
คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง Q2 2016 สร้างเสร็จ Q4 2018 (ถ้า EIA ไม่ติดขัด ซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะที่แปลงนี้ไรมอน แลนด์ซื้อพร้อม ใบอนุญาตก่อสร้างอาคารสูงพร้อม eia approved ชื่อ office@asoke)
เงื่อนไขการจองค่อนข้างโหด คือ จอง 1 แสนบาท ทำสัญญา 10% ผ่อนดาวน์ 15% 30เดือน และพิเศษคือสกัดนักเก็งกำไรระยะสั้นด้วย silent period ห้ามเปลี่ยนชื่อในสัญญาซื้อขาย 12 เดือน นับจากวันทำสัญญา
ถ้ารับเงื่อนไขได้ ซื้อเหอะครับ อโศกแท้ๆ ใกล้รถไฟฟ้าอนาคตไกล ราคานี้ spec นี้ หน้าตาตึกแบบนี้
Raimon Life !!!!!!!!!
My LIFE at Pinklao…พาดูเสน่ห์เมืองเก่าย่านปิ่นเกล้า
เมื่อวันอังคารที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปงาน Sneak Preview Life Pinklao ที่ทาง AP จัดร่วมกับ Propholic มีโอกาสได้ฟังคุณมิ่ง (วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อํานวยการสายงานกลยุทธ์การตลาดของ AP) เล่าถึงที่มาที่ไปเบื้องหลังโครงการ ประเด็นที่ผมเห็นว่าน่าสนใจมากคือแนวคิดทางด้านการตลาดที่ AP ตัดสินใจเข้ามาทำโครงการในทำเลปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ AP จะทำคอนโดมิเนียมในทำเลที่ออกมานอกใจกลางเมือง แถมยังตัดสินใจทำในระดับพรีเมียม คือใช้แบรนด์ Life ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งทั้งหมดในบริเวณซึ่งทำคอนโดระดับล่างลงมาหน่อย หลังจากที่ได้ฟังคุณมิ่งเล่า ผมถึงเห็นว่าทาง AP ได้ทำวิจัยตลาดมาอย่างดีมาก มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน ได้แก่คนที่อยู่อาศัยในย่านนี้มานานแบบรุ่นต่อรุ่น ต้องการขยับขยายแต่ก็ไม่อยากย้ายออกจากถิ่นเนื่องจากติดถิ่น และอีกกลุ่มคือคนที่อาศัยอยู่ย่านเยาวราช ซึ่ง AP มองว่าต้องการที่อยู่แถวฝั่งธนบุรี และกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้มีกำลังซื้อสูง อันที่จริงตัวผมเองน่าจะเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการอย่างชัดเจน เนื่องจากอยู่อาศัยในโซนปิ่นเกล้ามาเกือบ 30 ปี ผมอยู่ใกล้โครงการมากในระยะเดินได้ บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้านที่อากงอาม่าซื้อไว้ตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เป็นคนติดถิ่น ผมชอบแถวนี้ และถ้าต้องการขยับขยายก็คงเลือกทำเลปิ่นเกล้าตามที่ AP ทำนายไว้แน่นอน
ดังนั้นวันนี้ผมจะพาไปดูสถานที่สำคัญในย่านปิ่นเกล้า เพื่อให้เห็นมุมมองในเชิง Life Style ในฐานะคนพื้นที่ ว่าทำไมผมถึงยังอยากอยู่ในทำเลนี้ ผมเชื่อว่าปิ่นเกล้าเป็นทำเลที่มีศักยภาพมาก แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาอาจถูกมองข้ามเนื่องจากไม่มีรถไฟฟ้า (แต่ตอนนี้กำลังจะมีแล้ว) มีเสน่ห์ มีความหลากหลายน่าอยู่ที่คนที่ไม่คุ้นเคยกับย่านนี้อาจไม่รู้

แผนที่โครงการ
สวนหลวงพระราม 8

สวนหลวงพระราม 8
สวนหลวงพระราม 8
สวนสาธารณะริมแม่น้ำขนาด 35 ไร่ อยู่เชิงสะพานพระราม 8 ถือเป็นไฮไลท์ของย่านนี้เลยละครับ ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการมาก ถึงจะไม่ได้ใกล้ขนาดเดินได้สะดวก แต่ขับรถมาไม่ได้ลำบากและมีที่จอด ตอนเย็นๆ ผมมักพาแม่มาเดินออกกำลังกาย เพราะอยู่ริมน้ำบรรยากาศดีมาก มีคนมาวิ่งมาเดินเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ถึงกับแน่นแออัด ถ้ามาจากโครงการสามารถเลี้ยวซ้ายทะลุ ซอยจรัญฯ 40 ได้เลย โดยไม่ต้องผ่านถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า จะเป็นระยะทางประมาณ 1.8 กิโลเมตร ข้ามสะพานไปก็เป็นวังบางขุนพรหม และธนาคารแห่งประเทศไทย

บรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวนหลวงพระราม 8

ผู้คนที่อยู่อาศัยแถวนั้นนิยมมาวิ่งออกกำลังกายริมแม่น้ำตอนเย็น
แหล่ง Shopping

ความคืบหน้าการปรับโฉมเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งจะแล้วเสร็จปลายปีนี้
เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เป็นห้างใหญ่สุดในย่านปิ่นเกล้า ตอนนี้อยู่ระหว่างปรับปรุงแปลงโฉม ขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น และเพิ่มพื้นที่จอดรถ ซึ่งมีกำหนดเสร็จภายในสิ้นปีนี้ครับ ห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า อยู่ห่างจากโครงการ Life Pinklao ประมาณ 1.2 กิโลเมตร หรือ 2 ป้ายรถเมล์ครับ
พาต้า ปิ่นเกล้า

พาต้า ปิ่นเกล้า
ห้างสรรพสินค้าในตำนาน เป็นห้างแรกในย่านนี้เลยครับ เปิดตั้งแต่ปี 1982 เป็นห้างที่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ 700 เมตร ผมลองเดินแล้วก็เดินได้ครับ แต่ตอนนี้เดินลำบากนิดหน่อยเพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า ห้างพาต้าไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ แต่ชั้นใต้ดินจะเป็นเทสโก้ โลตัสครับ เดินมาซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนั้นตรงหน้าห้างจะเป็นป้ายรถเมล์ใหญ่มีรถเมล์หลายสายผ่าน และมีท่ารถตู้ไปได้หลากหลายที่

เทสโก้ โลตัส ปิ่นเกล้า
เทสโก้ โลตัส ปิ่นเกล้า (เมอรี่คิงเก่า)
อยู่ก่อนถึงเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เดิมเป็นห้างเมอรี่คิงเก่าสูงประมาณ 5 ชั้น ปรับปรุงเป็นเทสโก้ โลตัส ชั้น 1-2 จะเป็นเทสโก้ โลตัส ซึ่งมีขนาดใหญ่ สินค้ามาก ส่วนชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นพื้นที่เช่า ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร และชั้นบนสุดเป็นสำนักงานหนังสือเดินทาง อยู่ห่างจากโครงการ Life Pinklao 1 กิโลเมตรพอดี
The Sense ปิ่นเกล้า

The Sense ปิ่นเกล้า
เป็น Community Mall เพิ่งเปิดใหม่ อยู่เกือบจะติดเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่นี่จะเน้นพวกร้านอาหารซะเยอะครับ
Major Cineplex ปิ่นเกล้า
อยู่ตรงข้ามเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าพอดี ข้างๆ จะมีตลาดนัดขายเสื้อผ้าสินค้าราคาถูก
Foodland
แถวนี้จะมี Foodland ถึง 2 ที่เลยครับ ที่แรกสาขาจรัญสนิทวงศ์ ถึงจะออกมาไกลหน่อย (2.6 กิโลเมตรจากโครงการ) แต่ผมก็มาซื้อของและทานอาหารที่นี่เป็นประจำ ถ้ามาจากโครงการลงอุโมงค์ตรงอย่างเดียว ช่วงนี้ก่อสร้างรถไฟฟ้ารถจะติดหน่อย ที่จอดรถเยอะดี เปิด 24 ชั่วโมง และมีร้านอาหาร “ถูกและดี” ซึ่งถูกและดีสมชื่อ ส่วนอีกสาขาคือ Foodland ปิ่นเกล้า อยู่ในชั้นใต้ดินอาคารธนาลงกรณ์ ตรงข้ามเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า อยู่ใกล้กว่าแต่ต้องไปกลับรถไกลครับ
ท่ามหาราช
คอมมิวนิตี้มอลล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ บรรยากาศคล้ายๆ Asiatique แต่เล็กกว่า มีร้านอาหารหลากหลาย เพียงแค่ข้ามสะพานปิ่นเกล้ามาแล้วขับวนมาทางธรรมศาสตร์ เข้าถนนมหาราชครับ จะอยู่ทางขวามือครับ
แหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ เช่น ตั้ง ฮั่ว เส็ง ซึ่งตอนนี้ปรับปรุงใหม่แล้ว และ แมคโคร จรัญฯ ครับ
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และย่านเมืองเก่า

ป้อมพระสุเมรุและพิพิธบางลำพู ริมถนนพระอาทิตย์
เพียงแค่ข้ามสะพานปิ่นเกล้ามาจะเป็นเกาะรัตนโกสินทร์ย่านเมืองเก่า มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย, พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์ต่างๆ เยอะมากๆ สมัยที่ผมเรียนมหาวิทยาลัย หัดใช้กล้องถ่ายภาพใหม่ๆ วันไหนไม่มีเรียนก็จะข้ามมาถ่ายรูปเล่นแถวนี้ มีสถานที่สำคัญเช่น วัดพระแก้ว, วัดโพธิ์, สนามหลวง, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, ป้อมพระสุเมรุ, สวนสันติชัยปราการ, ป้อมมหากาฬ, โลหะปราสาท เป็นต้น แหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจก็มี เช่น นิทรรศน์รัตนโกสินทร์, มิวเซียมสยาม และพิพิธบางลำพู ซึ่ง 3 ที่นี้เพิ่งเปิดได้ไม่นาน และยังมีหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน และ The Queen’s Gallery ถ้าวันหยุดไม่รู้จะไปไหนและเบื่อใช้ชีวิตแบบวันหยุดเดินห้างก็ลองเที่ยวแนวนี้ดูครับ
เยาวราช
อ้างอิงจาก AP คนย่านเยาวราชเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มหนึ่งของโครงการ Life Pinklao เพราะอันที่จริงแล้วระยะทางระหว่างปิ่นเกล้าและเยาวราชไม่ได้ไกลอย่างที่คิด ถ้าขับรถเพียงข้ามสะพานปิ่นเกล้ามา และขับตรงมาตามถนนอัษฎางค์เลียบคลองหลอดเรื่อยๆ ถนนเส้นนี้จะตัดกับถนนเจริญกรุง ก็เลี้ยวซ้ายเข้าเจริญกรุง ย่านเยาวราชก็อยู่ไม่ไกลแล้วครับ
แหล่ง Hang Out และของกินมีชื่อ
จากปิ่นเกล้าเพียงแค่ข้ามแม่น้ำมาจะมีถนนข้าวสาร และถนนพระอาทิตย์ มีแหล่ง Hang Out มากมาย ที่โปรดของผมคือ Jazz Happens! บริเวณถนนพระอาทิตย์ ที่นี่จะมีดนตรี Jazz เล่นกันสดๆ เลยครับ นอกจากนั้นตรงบางลำพูยังมีของกินมีชื่อมากมายราคาไม่แพง
ถนนราชพฤกษ์ อาจจะอยู่ออกมาไกลซักหน่อย แต่ขับรถมาง่ายใช้เวลาไม่นานเลยครับ มีร้านอาหารและห้างสรรพสินค้ามากมายทั้งเส้น
โรงพยาบาล
การที่โซนปิ่นเกล้ามีโรงพยาบาลที่เพียบพร้อมทุกระดับ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนแถวนี้อยู่ติดถิ่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ โรงพยาบาลรัฐก็มีศิริราช โรงพยาบาลเอกชนระดับกลางๆ มี รพ.ธนบุรี, รพ.เจ้าพระยา ส่วนโรงบาลระดับหรูก็มีโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์ (SiPH) โรงพยาบาลเฉพาะทางมีโรงพยาบาลตา หู คอ จมูก แม้แต่โรงพยาบาลสัตว์ก็ยังมีหลากหลายที่
สำหรับคนชอบปั่นจักรยาน

บรรยากาศสนามหลวงยามพระอาทิตย์ตกดิน
ถ้าชอบปั่นจักรยานในบรรยากาศเมืองเก่ายามค่ำคืน เพียงแค่นำจักรยานใส่รถยนต์ขับข้ามสะพานพระราม 8 และมาจอดบริเวณถนนศรีอยุธยาข้างๆ สวนอัมพร และเริ่มปั่นจากพระบรมรูปทรงม้ามาตามถนนราชดำเนิน ไปทางเสาชิงช้า วนมาทางกระทรวงกลาโหมและสนามหลวง แล้ววนกลับมาทางถนนราชดำเนิน บริเวณเมืองเก่านี้จะมีเลนจักรยานและตอนกลางคืนมีคนมาปั่นเยอะเหมือนกันครับ วิวสวยบรรยากาศดี สองข้างทางเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
แต่ถ้าไม่อยากปั่นถนนใหญ่สามารถเอาจักรยานขึ้นรถยนต์ไปปั่นที่พุทธมณฑลซึ่งเป็นสวนร่มรื่นกว้างใหญ่มาก เพียงแค่ขึ้นทางลอยฟ้า ถนนบรมราชชนนีวิ่งไปจนสุดสายใช้เวลาไม่นาน

การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินบริเวณแยกบรมราชชนนี
จะเห็นได้ว่าปิ่นเกล้าเป็นย่านเมืองเก่าที่น่าอยู่ มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายถึงแม้สถานที่ส่วนใหญ่ที่ผมกล่าวมานั้นจะไม่อยู่ในระยะเดินได้จากโครงการ Life Pinklao และยอมรับว่าของกินส่วนใหญ่ในระยะเดินได้ไม่ค่อยมีคุณภาพ แต่ผมเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะเปลี่ยนไปเมื่อรถไฟฟ้าและโครงการสร้างเสร็จ จะมีคนอยู่อาศัยในบริเวณนี้มากขึ้นเนื่องจากใกล้สี่แยกใหญ่ด้วย ของกินและ Retail หรือแม้แต่ Community Mall จะพัฒนาตามมาเองตามหลักการที่ว่า ที่ไหนมี Demand ที่นั่นย่อมมี Supply

สถานีรถไฟฟ้ากำลังก่อสร้าง อยู่ห่างจากโครงการ Life Pinklao เพียง 40 เมตร








ท่ามหาราช
คอมมิวนิตี้มอลล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ บรรยากาศคล้ายๆ Asiatique แต่เล็กกว่า มีร้านอาหารหลากหลาย เพียงแค่ข้ามสะพานปิ่นเกล้ามาแล้วขับวนมาทางธรรมศาสตร์ เข้าถนนมหาราชครับ จะอยู่ทางขวามือครับ
แหล่งช็อปปิ้งอื่นๆ เช่น ตั้ง ฮั่ว เส็ง ซึ่งตอนนี้ปรับปรุงใหม่แล้ว และ แมคโคร จรัญฯ ครับ
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และย่านเมืองเก่า




แอชตัน สีลม (Ashton Silom) จากที่ดินพระราชทาน สู่งานศิลปะอันทรงคุณค่า หนึ่งเดียวบนถนนสีลม
“We need houses as we need clothes, architecture stimulates fashion. It’s like hunger and thirst — you need them both.” Karl Lagerfeld….เป็นเวลานานกว่า 14 ปีแล้วครับ ที่ย่าน CBD แห่งแรกของกรุงเทพฯอย่างถนนสีลม ไม่ได้มีคอนโดสูงเกิดขึ้นมาเลย คอนโดสูงตัวล่าสุดที่เกิดขึ้นบนถนนหลักสีลมนั้นก็คือ State Tower ที่ปัจจุบันนั้นก็ถูกนำไปปัดฝุ่น renovate มาขายใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว ถือได้ว่าเป็นย่านที่เส้นขอบฟ้าแทบจะไม่เคยเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เรายังคงเห็นตึกสูงสไตล์ Timeless และสถาปัตยกรรมแนวราบสไตล์ Colonial รวมถึงอาคารพาณิชย์สมัยเก่ากระจายตัวอยู่ทั่วไปบริเวณถนนสีลม และถนนสายรองโดยรอบ… ตรงกันข้ามกันกับในมหานครใหญ่ของโลก ย่าน CBD เป็นย่านที่มีการเปลี่ยนแปลงทาง Landscape และ Architecture ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่แล้วสถาปัตยกรรมแนวราบ มักถูกแทนที่ด้วยอาคารสูงระฟ้า ที่ให้พื้นที่การใช้งานได้หลากหลายกว่า และมีการออกแบบที่อิงตามสมัยนิยม การกว้านซื้อที่ดินเพื่อนำไปพัฒนาต่อของผู้พัฒนาอสังหาฯนั้น ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยในทำเลนั้นๆต้องย้ายถิ่นฐานออก หรือไม่ก็เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตจากแนวราบ มาสู่แนวสูง
สีลมจากที่ดินพระราชทาน สู่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งแรกของกรุงเทพฯ
ถนนสีลมก็เช่นกัน…สีลมเป็นถนนที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ไทย เริ่มต้นมาจากครั้งสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยในเวลานั้นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรสยามตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ที่จะครอบครองซื้อขายที่ดินได้ เขตบางรักและยานนาวาบริเวณถนนสีลม ถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากชาวต่างชาติในการซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านพักอาศัยและทำธุรกิจ เช่น เลี้ยงสัตว์ เกษตรกรรม โรงสีข้าว และบริษัทห้างร้านต่างๆ นอกจากนั้น ที่ดินส่วนใหญ่บนถนนสีลมก็เป็นที่ดินพระราชทานมาจากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินในอดีต ให้กับบรรดาชาวต่างชาติผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน และเหล่าขุนนางชั้นสูง การจัดสรรที่ดินดังกล่าว ทำให้บริเวณสีลมได้กลายสภาพจากไร่นามาเป็น residential area ส่งผลให้พัฒนาการในด้านการคมนาคมขยายตัวมากขึ้น ถนนสีลมกลายเป็นถนนเส้นแรกๆในประวัติศาสตร์การสร้างถนนในกรุงเทพฯ เคียงคู่กับถนนเจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร พระรามสี่ และสีลม…เมื่อมีผู้คนต้องการเข้ามาอยู่บนนถนนสีลมมากขึ้นบรรดาผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณสีลมก็ได้มีการสร้างถนนสายรอง ที่เชื่อมต่อกับถนนสีลม เพื่อจัดสรรที่ดินแบ่งขาย และถวายถนนให้เป็นทางสาธารณะ ได้แก่ ถนนสุรวงศ์ ถนนเดโช ถนนสุรศักดิ์ ถนนประมวญ ถนนสาทร และถนนสี่พระยา
ด้วยการที่ที่ดินส่วนใหญ่บนถนนสีลมนั้น เป็นที่ดินของบรรดาชนชั้นสูง และชาวต่างชาติ ส่งผลให้รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของบ้านเรือนในสมัยนั้น คงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชนชาติค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็น สไตล์โคโลเนียล สไตล์จีน บ้านไม้เรือนไทย บ้านก่ออิฐผสมไม้มีระเบียงโดยรอบ บ้านก่ออิฐถือปูนแบบตะวันตก หรือเรือนขนมปังขิงสไตล์วิคตอเรียนที่เน้นลวดลายการแกะสลักช่องลมอันสวยงาม โดยหากนับจำนวนบ้านบนถนนสีลมที่เป็นของบรรดาขุนนาง และชาวต่างชาติในอดีต ก็จะมีมากถึง 37 หลังใหญ่ได้แก่
ที่มา: haab.catholic.or.th
ถนนสีลมเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน จากการเป็น Residential area ของชนชั้นสูง มาสู่การเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รถรางและแนวคลองถูกแทนที่ด้วยถนนคอนกรีตสมัยใหม่ เชื่อมต่อทั้งถนนเจริญกรุง และถนนโดยรอบ อาคารสำนักงาน และโรงแรมสูงเกินกว่า 10 ชั้น เริ่มเข้ามาแทนที่บ้านเรือนในสมัยก่อน บริษัทชั้นนำต่างชาติ สถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เริ่มทยอยมาเปิดสำนักงานใหญ่ที่นี่ จนสีลมถูกขนานนามมากว่า 30 ปีแล้วว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หรือ “Wallstreet of Thailand” นอกจากนี้ถนนสีลมยังถือว่าเป็นถนนที่น่าเดินที่สุดของกรุงเทพ เนื่องจากเป็นถนนสายแรกที่นำสายไฟฟ้าลงใต้ดินทั้งหมดแทนการใช้เสาไฟฟ้า มีแนวต้นไม้ใหญ่ที่สร้างความร่มรื่นทั้งบนเกาะกลางและฟุตบาท 2 ฝั่งทางยาวตลอดเส้น
สีลม: ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
การมาของรถไฟฟ้า MRT และ BTS ที่เชื่อมต่อเข้าสู่ถนนสีลม บริเวณแยกศาลาแดง ช่องนนทรี และบางรัก ส่งผลมหาศาลต่อแนวทางการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก โรงแรม ที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน ด้วยการที่รถไฟฟ้าไม่ได้วิ่งเข้าถนนสีลมตลอดทั้งเส้น ทำให้การพัฒนาโครงการต่างๆบนถนนสีลมนั้น มีความแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของถนนสีลม โดยที่ในแต่ละบริเวณก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมดั้งเดิม ตั้งแต่อดีตกาลเอาไว้…จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของถนนสีลมที่ได้เล่ามาล้วนแล้วแต่ส่งผลในแง่บวกต่อมูลค่าที่ดินของถนนสีลม ซึ่งมักจะถูกประเมินที่ดินในราคาที่สูงสุดติดอันดับ Top 3 มาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว โดยคาดว่าราคาประเมินใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2559 ถนนสีลมตั้งแต่แยกศาลาแดงถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ แชมป์ในรอบปี 2555 ด้วยราคาตารางวาละ 8.5 แสนบาท จะยังคงรักษาแชมป์เอาไว้ได้ด้วยราคาที่ถูกปรับขึ้นราว 20-30% หรือ 1 ล้านบาทต่อตารางวา
ปัจจุบันถนนสีลมสามารถแบ่งออกเป็น 3 แอเรียหลัก ได้แก่ บริเวณถนนสีลม-พระรามสี่ ช่วงแยกศาลาแดง บริเวณสีลม-สาทร ช่วงแยกสีลม-นราธิวาส และบริเวณสีลม-บางรัก ช่วงเชื่อมต่อกับถนนเจริญกรุง
สีลมบริเวณช่วงสีลม-พระรามสี่ ถือว่าเป็นย่านแห่งสีสัน เป็นแหล่งรวมร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน กิน ดื่ม ช้อปแนวราบ ตลาดกลางคืน ให้ผู้มาเยือนทุกรายได้ตื่นตาตื่นใจไปกับไลฟ์สไตล์ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วง 24 ชั่วโมง ในช่วงเช้าคุณจะได้เห็นวิถีชีวิตของเหล่าคนรักสุขภาพ มาออกกำลังกายบริเวณสวนลุมพินี แผงลอยริมฟุตบาทยามเช้า ที่พร้อมขายกาแฟ อาหารเช้าในชั่วโมงเร่งด่วน และฝูงคนทำงานมากมายที่ล้วนแล้วแต่เดินจากสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง มุ่งตรงสู่อาคารสำนักงานต่างๆที่รายล้อมอยู่บริเวณศาลาแดง คอนแวนต์ จนถึงสุดถนนสีลม ขณะเดียวกันในยามค่ำคืนคุณก็จะได้เห็นสีสันของไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ผ่านทางผับบาร์ชั้นนำ บริเวณสีลมซอยสองจนถึงพัฒน์พงษ์ ถนนสองข้างของสีลม รวมถึงย่านพัฒน์พงษ์ เชื่อมต่อถนนสุรวงศ์จะกลายเป็นช้อปปิ้งสตรีทขนาดใหญ่ ที่ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ให้มาสัมผัสประสบการณ์สุดอเมซิ่งด้วยตาตัวเอง และในบางช่วงเวลาถนนสีลมบริเวณศาลาแดง ก็จะถูกแปลงสภาพเป็นถนนคนเดินในวันอาทิตย์เพื่อเป็นแหล่งพบปะกันของนักช้อปที่ชื่นชอบบรรยากาศของการเดินช้อปปิ้งในแบบไม่มีรถยนต์เข้ามากวนใจ
แนวทางการพัฒนาอสังหาฯในย่านนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปรับปรุงพื้นที่อาคารสำนักงานให้มีความทันสมัยมากขึ้น มีความเป็น Mix used มากขึ้น ตั้งแต่การปรับปรุงอาคารสีบุญเรือง อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ อาคาร CP Tower รวมไปถึงการก่อสร้างห้างค้าปลีก + อาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนโรบินสัน สีลมที่ปิดไปแล้วอย่าง โครงการ Silom Center ของ We Retail ภายใต้การบริหารของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟคฯ
บริเวณศาลาแดงยังเป็นที่นิยมของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากได้รับวิวสวนลุมเต็มๆ และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แต่การพัฒนาโครงการทั้งหมดต้องเข้าไปอยู่ในซอยย่อยอย่างซอยศาลาแดง ซอยคอนแวนท์ และซอยพิพัฒน์ เนื่องจากบนถนนหลักสีลมนั้น ไม่มีพื้นที่เหลือให้พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมได้อีกแล้ว
บริเวณสีลม-สาทร ช่วงแยกสีลม-นราธิวาส ถือว่าเป็นบริเวณที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจแห่งแรกของประเทศ นอกจากจะเป็นที่ตั้งของธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่แล้ว ก็ยังเชื่อมต่อกับถนนสาทร และสุรวงศ์ ที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานระดับโลกหลายแห่งได้แก่ธนาคาร Standard Charter, Bank of China, Royal Bank of Scotland (RBS), Pricewaterhouse Coopers รวมทั้งบริษัทชั้นนำ เช่น CP ALL, Samsung, L’Oreal, Beiersdorf สถานทูต เช่น สถานฑูตสิงคโปร์, สถานฑูตออสเตรเลีย, สถาบันการศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย ทุกอย่างถูกรวมไว้บนทำเลที่ดีที่สุดที่เรียกว่า “ฮวงจุ้ยหัวมังกร” ซึ่งถือเป็นทำเลแห่งการค้าและแหล่งธุรกิจที่ดีที่สุด
บริเวณแยกสีลม-สาทร-นราธิวาส แห่งนี้ถือว่าเป็นบริเวณที่มีการพัฒนาโครงการคอนโดมากที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะไปพัฒนาในบริเวณช่วงถนน สีลม-นราธิวาส หรือไม่ก็ สาทร-นราธิวาส ไม่ใช่บนถนนหลักสีลมเพราะว่าไม่สามารถหาที่ดินได้ โดยอาศัยระยะเดินได้จากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี และความเป็น inner CBD บนสองทำเลทั้งสาทร และสีลมมาเป็นจุดขาย ปัจจุบันโครงการคอนโดที่เปิดขายอยู่ในบริเวณนี้ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการ Hi End ราคาแพง ราคาทำสถิติในแต่ละยุคทั้งสิ้น เช่น The Ritz Carlton Residences ที่โครงการ Mahanakorn โครงการ The Infinity โครงการ ITF Silom Palace โครงการ M Silom นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายโครงการที่ไปสร้างอยู่ในซอยย่อย อย่างสีลมซอย 9 (เชื่อมต่อสาทรซอย 10 และสาทรซอย 12) จึงเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโครงการคอนโดสูงใดๆเกิดขึ้นใหม่บนถนนหลักสีลม
บริเวณสีลม-บางรัก จุดเชื่อมต่อกับถนนเจริญกรุง คงไม่ผิดนักที่จะเรียกบริเวณนี้ว่ายังคงมีความเป็น Residential area และรักษาเอาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความหลากหลายทางวัฒนธรรมไว้ได้มากที่สุดบนถนนสีลม เรายังคงได้เห็นอาคารพาณิชย์สมัยเก่าที่ยังคงมีการค้าขายปกติอยู่ที่ชั้นล่าง โดยที่ชั้นบนยังคงเป็นที่อยู่อาศัย ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านธุรกิจในยุคแรกๆของสีลม เนื่องจากเชื่อมต่อโดยตรงกับถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นถนนสายแรกของกรุงเทพฯ เจ้าของธุรกิจห้างร้านในบริเวณนี้มักจะเป็นคนอินเดีย และคนจีนที่ประกอบอาชีพค้าขายเพชรพลอย เครื่องประดับจิลเวลรี่ เครื่องเงินแกะสลัก และของ Antique สะสมหายากจากทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันร้านค้าเหล่านี้ก็ยังคงไม่ได้ย้ายไปไหน แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปแบบอุตสาหกรรมมากขึ้น ดังที่เราจะได้เห็นทั่วไปจากบริเวณถนนมเหศักดิ์ ถนนเดโช และถนนเจริญกรุง



บริเวณถนนปั้น ยังเป็นที่ตั้งของชุมชนอินเดียเก่าแก่ โดยมี Landmark ที่สำคัญคือ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของทั้งคนไทย และคนอินเดียทั่วกรุงเทพฯ
ในด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ พบว่าเป็นศูนย์รวมของบรรดาร้านอาหารชื่อดังมากมาย ตลาดเก่า ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดกลาง เนื่องจากทำเลนี้มีโรงเรียนชั้นนำของประเทศไทยสองแห่งอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ทำให้มี Developer หลายรายที่มองหาที่ดินแถวนี้เพื่อสร้างคอนโดให้ตอบโจทย์ดีมานท์ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณถนนปั้น ที่มี 2 โครงการคอนโดอย่าง The Room Sathorn Pan และ The Treasure บริเวณซอยสุรศักดิ์อย่าง Noble Revo คอนโดรุ่นแรกๆบนอาคาร Jewelry Trade Center รวมไปถึงคอนโดชื่อดัง ดีไซน์เด่น แท่งแรกบนถนนหลักสีลมอย่าง State Tower
โครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่บริเวณถนนสีลม และถนนสายรองโดยรอบ จะเห็นได้ว่าไม่มีโครงการใดที่ตั้งอยู่บนถนนหลักสีลมเลย ยกเว้น Ashton Silom และ State Tower
ASHTON SILOM ที่สุดแห่งคุณค่าใจกลางมหานคร
ล่าสุด บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาฯ ด้วยการคว้าที่ดินแปลงงาม บนถนนใหญ่สีลม เยื้องกับสีลม ซอย 9 ถัดจากโรงแรม Pullman Silom ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เชื่อมต่อกับ inner CBD ทั้งสาทร และสีลม เพื่อขึ้นคอนโดแบรนด์ Ashton Silom (แอชตัน สีลม)..นับว่าเป็นคอนโดแรกในรอบเกือบ 15 ปีที่ตั้งอยู่บนถนนหลักสีลม มีความสูง 48 ชั้น 428 ยูนิต ประกอบด้วยห้อง 1 นอน ขนาด 31-48 ตรม. และ 2 นอน ขนาด 71 – 86 ตรม.

เพียบพร้อมด้วยส่วนกลางหลากหลายขนาดใหญ่ตามสไตล์คอนโดระดับ High End ได้แก่
ชั้น Ground ประกอบด้วย Lobby Lounge, Garden, Sunken Seating
ชั้น 34 – 35 ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ สระเด็ก จากุซซี่ ฟิตเนส ฟิตเนสส่วนตัว ห้องสตีม ห้องซาวน่า ห้องนวด ห้องสมุด ห้องดูภาพยนตร์ Business Lounge และ Sky Deck
และชั้น 48 ประกอบด้วย Social Club & Wine Bar, Outdoor Lounge with Garden และ Rooftop Deck
ด้วยความสูงของอาคาร ทำให้โครงการ แอชตัน สีลม มีวิวที่สวยๆหลายด้านครับ ไม่ว่าจะเป็นวิวโครงการมหานครทางด้านทิศใต้
หรือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทาง และพลุงานเทศกาลด้านทิศตะวันตก
วิวถนนพระรามสี่ทางด้านทิศเหนือ
หรือวิวแยกศาลาแดงทางด้านทิศตะวันออก
จุดเด่นของโครงการ
SILOM – THE PRESTIGE AREA: ศักยภาพอันทรงคุณค่า…ที่ไม่สิ้นสุดบนถนนสีลม
ผืนดินอันทรงคุณค่าซึ่งเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี ส่งต่อเป็นเอกสิทธิ์พิเศษ เพื่อมอบกับลูกค้าคนสำคัญเฉพาะ โครงการ แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM) ซึ่งถือเป็นอาคารพักอาศัยแห่งเดียวในปัจจุบันที่ตั้งอยู่บนถนนสีลมอย่างแท้จริง (on Silom main road) ในรอบกว่าทศวรรษที่ผ่านมา อาคารแห่งนี้ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่น (Iconic Architecture) ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงเส้นขอบฟ้าใหม่ของถนนสีลมให้มีสีสันมากขึ้น ตั้งอยู่ใจกลางทำเลที่เพิ่มมูลค่าและมีราคาสูงที่สุดในประเทศไทย
ASHTON SILOM – THE ONE & ONLY ON SILOM: ศิลปะอันทรงคุณค่า หนึ่งเดียวบนถนนสีลม
แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM) คอนโดมิเนียมภายใต้ Ashton แบรนด์ระดับสูงสุดของอนันดาฯ ผ่านการสร้างสรรค์ดุจศิลปะอันทรงคุณค่าบนทำเลศักยภาพมากว่า 4 โครงการ และล่าสุด ASHTON SILOM ที่สุดของโครงการที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนสีลม ด้วยนวัตกรรมการดีไซน์ตัวอาคารในรูปแบบ New Sculpture Building เปิดมุมมองใหม่แห่งการพักอาศัยด้วยเพดานที่สูงถึง 3.6 เมตร ให้สัมผัสถึงทัศนียภาพเส้นขอบฟ้าได้แบบเอ็กคลูซีฟ บนทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสีลม
ASHTON SILOM – THE VIBRANT LIFESTYLE: เอกลักษณ์ของความหลากหลายทางวัฒนธรรม
แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM) ตั้งอยู่ท่ามกลางทำเลสีสันของการใช้ชีวิต แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนกรุง อาทิเช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรมห้าดาว, ร้านอาหารตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงร้านอาหารระดับเชฟมิชลิน แหล่งรวมความหลากหลายที่ผสมผสานอย่างเหมาะเจาะของวัฒนธรรมตะวันตก ไทย จีน และอินเดีย ที่คุณจะสัมผัสได้ผ่านบ้านเรือนและตึกเก่าสไตล์ตะวันตก ศาลเจ้าจีนที่สื่อถึงความร่ำรวยด้วยสีแดงทอง เทวะสถานของชาวอินเดียที่น่าหลงใหลและแปลกตา บนวิถีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของมหานคร เช่น Central Silom Complex, Dusit Thani Bangkok Hotel, Mandarin Oriental Hotel, W Hotel, L’Atelier de Joël Robuchon, Nahm (Michelin Restaurant), Cloud47, Maggie Choo, Chef Man, The House Sathorn, KU DE TA, Vertigo, Sirocco, วัดแขก, บ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, Jim Thompson House และอีกมากมาย
สถานที่สำคัญใกล้เคียง บนทำเลแห่งศักยภาพเดินทางสะดวกสบาย
– 350 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี
– แวดล้อมไปด้วยสถานีรถไฟ BTS และ สถานีรถไฟฟ้า MRT ถึง 4 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟฟ้า MRTสีลม สถานีรถไฟฟ้า BTSศาลาแดง, ช่องนนทรี และสุรศักดิ์
– เพียง 3 สถานี สู่ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และเซ็นทรัลเวิร์ล
– โรงพยาบาลชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์, โรงพยาบาล Bangkok Nursing Home (BNH) และ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
– สถานฑูตที่สำคัญ เช่น สถานทูตออสเตรเลีย สถานทูตฝรั่งเศส สถานทูตมาเลเชีย และสถานทูตสิงค์โปร์
– สถาบันทางวัฒนธรรม เช่น Alliance Française, Goethe-Institut Thailand ถนนสาทร ซอย 1
– สถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนเซนต์โยเชฟคอนเวนต์, โรงเรียนอัสสัมชัญ, Shrewsbury International School, และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– โรงแรมห้าดาว อาทิเช่น โรงแรมดุสิตธานี, โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล, โรงแรมแชงกรีล่า, โรงแรมสุโขทัย, โรงแรมบันยันทรี และโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ
– อาคารสำนักงานชั้นนำ อาทิเช่น Empire Tower, Sathorn Square, Bangkok City Tower, Standard Chartered, AIA Sathorn และ สำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น
ASHTON SILOM เปิดอย่างเป็นทางการต้นปี 2559 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Call Center โทร 02 316 2222
ถนนสีลมเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน จากการเป็น Residential area ของชนชั้นสูง มาสู่การเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจตั้งแต่ช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รถรางและแนวคลองถูกแทนที่ด้วยถนนคอนกรีตสมัยใหม่ เชื่อมต่อทั้งถนนเจริญกรุง และถนนโดยรอบ อาคารสำนักงาน และโรงแรมสูงเกินกว่า 10 ชั้น เริ่มเข้ามาแทนที่บ้านเรือนในสมัยก่อน บริษัทชั้นนำต่างชาติ สถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เริ่มทยอยมาเปิดสำนักงานใหญ่ที่นี่ จนสีลมถูกขนานนามมากว่า 30 ปีแล้วว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หรือ “Wallstreet of Thailand” นอกจากนี้ถนนสีลมยังถือว่าเป็นถนนที่น่าเดินที่สุดของกรุงเทพ เนื่องจากเป็นถนนสายแรกที่นำสายไฟฟ้าลงใต้ดินทั้งหมดแทนการใช้เสาไฟฟ้า มีแนวต้นไม้ใหญ่ที่สร้างความร่มรื่นทั้งบนเกาะกลางและฟุตบาท 2 ฝั่งทางยาวตลอดเส้น
สีลม: ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
การมาของรถไฟฟ้า MRT และ BTS ที่เชื่อมต่อเข้าสู่ถนนสีลม บริเวณแยกศาลาแดง ช่องนนทรี และบางรัก ส่งผลมหาศาลต่อแนวทางการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก โรงแรม ที่อยู่อาศัย และอาคารสำนักงาน ด้วยการที่รถไฟฟ้าไม่ได้วิ่งเข้าถนนสีลมตลอดทั้งเส้น ทำให้การพัฒนาโครงการต่างๆบนถนนสีลมนั้น มีความแตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงของถนนสีลม โดยที่ในแต่ละบริเวณก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมดั้งเดิม ตั้งแต่อดีตกาลเอาไว้…จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของถนนสีลมที่ได้เล่ามาล้วนแล้วแต่ส่งผลในแง่บวกต่อมูลค่าที่ดินของถนนสีลม ซึ่งมักจะถูกประเมินที่ดินในราคาที่สูงสุดติดอันดับ Top 3 มาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว โดยคาดว่าราคาประเมินใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นปี 2559 ถนนสีลมตั้งแต่แยกศาลาแดงถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ แชมป์ในรอบปี 2555 ด้วยราคาตารางวาละ 8.5 แสนบาท จะยังคงรักษาแชมป์เอาไว้ได้ด้วยราคาที่ถูกปรับขึ้นราว 20-30% หรือ 1 ล้านบาทต่อตารางวา
ปัจจุบันถนนสีลมสามารถแบ่งออกเป็น 3 แอเรียหลัก ได้แก่ บริเวณถนนสีลม-พระรามสี่ ช่วงแยกศาลาแดง บริเวณสีลม-สาทร ช่วงแยกสีลม-นราธิวาส และบริเวณสีลม-บางรัก ช่วงเชื่อมต่อกับถนนเจริญกรุง
สีลมบริเวณช่วงสีลม-พระรามสี่ ถือว่าเป็นย่านแห่งสีสัน เป็นแหล่งรวมร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน กิน ดื่ม ช้อปแนวราบ ตลาดกลางคืน ให้ผู้มาเยือนทุกรายได้ตื่นตาตื่นใจไปกับไลฟ์สไตล์ที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละช่วง 24 ชั่วโมง ในช่วงเช้าคุณจะได้เห็นวิถีชีวิตของเหล่าคนรักสุขภาพ มาออกกำลังกายบริเวณสวนลุมพินี แผงลอยริมฟุตบาทยามเช้า ที่พร้อมขายกาแฟ อาหารเช้าในชั่วโมงเร่งด่วน และฝูงคนทำงานมากมายที่ล้วนแล้วแต่เดินจากสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง มุ่งตรงสู่อาคารสำนักงานต่างๆที่รายล้อมอยู่บริเวณศาลาแดง คอนแวนต์ จนถึงสุดถนนสีลม ขณะเดียวกันในยามค่ำคืนคุณก็จะได้เห็นสีสันของไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง ผ่านทางผับบาร์ชั้นนำ บริเวณสีลมซอยสองจนถึงพัฒน์พงษ์ ถนนสองข้างของสีลม รวมถึงย่านพัฒน์พงษ์ เชื่อมต่อถนนสุรวงศ์จะกลายเป็นช้อปปิ้งสตรีทขนาดใหญ่ ที่ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ให้มาสัมผัสประสบการณ์สุดอเมซิ่งด้วยตาตัวเอง และในบางช่วงเวลาถนนสีลมบริเวณศาลาแดง ก็จะถูกแปลงสภาพเป็นถนนคนเดินในวันอาทิตย์เพื่อเป็นแหล่งพบปะกันของนักช้อปที่ชื่นชอบบรรยากาศของการเดินช้อปปิ้งในแบบไม่มีรถยนต์เข้ามากวนใจ
แนวทางการพัฒนาอสังหาฯในย่านนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการปรับปรุงพื้นที่อาคารสำนักงานให้มีความทันสมัยมากขึ้น มีความเป็น Mix used มากขึ้น ตั้งแต่การปรับปรุงอาคารสีบุญเรือง อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ อาคาร CP Tower รวมไปถึงการก่อสร้างห้างค้าปลีก + อาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนโรบินสัน สีลมที่ปิดไปแล้วอย่าง โครงการ Silom Center ของ We Retail ภายใต้การบริหารของบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟคฯ
บริเวณศาลาแดงยังเป็นที่นิยมของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เนื่องจากได้รับวิวสวนลุมเต็มๆ และใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า แต่การพัฒนาโครงการทั้งหมดต้องเข้าไปอยู่ในซอยย่อยอย่างซอยศาลาแดง ซอยคอนแวนท์ และซอยพิพัฒน์ เนื่องจากบนถนนหลักสีลมนั้น ไม่มีพื้นที่เหลือให้พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมได้อีกแล้ว
บริเวณสีลม-สาทร ช่วงแยกสีลม-นราธิวาส ถือว่าเป็นบริเวณที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจแห่งแรกของประเทศ นอกจากจะเป็นที่ตั้งของธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่แล้ว ก็ยังเชื่อมต่อกับถนนสาทร และสุรวงศ์ ที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานระดับโลกหลายแห่งได้แก่ธนาคาร Standard Charter, Bank of China, Royal Bank of Scotland (RBS), Pricewaterhouse Coopers รวมทั้งบริษัทชั้นนำ เช่น CP ALL, Samsung, L’Oreal, Beiersdorf สถานทูต เช่น สถานฑูตสิงคโปร์, สถานฑูตออสเตรเลีย, สถาบันการศึกษา และโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย ทุกอย่างถูกรวมไว้บนทำเลที่ดีที่สุดที่เรียกว่า “ฮวงจุ้ยหัวมังกร” ซึ่งถือเป็นทำเลแห่งการค้าและแหล่งธุรกิจที่ดีที่สุด
บริเวณแยกสีลม-สาทร-นราธิวาส แห่งนี้ถือว่าเป็นบริเวณที่มีการพัฒนาโครงการคอนโดมากที่สุดในยุคปัจจุบัน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะไปพัฒนาในบริเวณช่วงถนน สีลม-นราธิวาส หรือไม่ก็ สาทร-นราธิวาส ไม่ใช่บนถนนหลักสีลมเพราะว่าไม่สามารถหาที่ดินได้ โดยอาศัยระยะเดินได้จากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี และความเป็น inner CBD บนสองทำเลทั้งสาทร และสีลมมาเป็นจุดขาย ปัจจุบันโครงการคอนโดที่เปิดขายอยู่ในบริเวณนี้ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการ Hi End ราคาแพง ราคาทำสถิติในแต่ละยุคทั้งสิ้น เช่น The Ritz Carlton Residences ที่โครงการ Mahanakorn โครงการ The Infinity โครงการ ITF Silom Palace โครงการ M Silom นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายโครงการที่ไปสร้างอยู่ในซอยย่อย อย่างสีลมซอย 9 (เชื่อมต่อสาทรซอย 10 และสาทรซอย 12) จึงเรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีโครงการคอนโดสูงใดๆเกิดขึ้นใหม่บนถนนหลักสีลม
บริเวณสีลม-บางรัก จุดเชื่อมต่อกับถนนเจริญกรุง คงไม่ผิดนักที่จะเรียกบริเวณนี้ว่ายังคงมีความเป็น Residential area และรักษาเอาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของความหลากหลายทางวัฒนธรรมไว้ได้มากที่สุดบนถนนสีลม เรายังคงได้เห็นอาคารพาณิชย์สมัยเก่าที่ยังคงมีการค้าขายปกติอยู่ที่ชั้นล่าง โดยที่ชั้นบนยังคงเป็นที่อยู่อาศัย ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านธุรกิจในยุคแรกๆของสีลม เนื่องจากเชื่อมต่อโดยตรงกับถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นถนนสายแรกของกรุงเทพฯ เจ้าของธุรกิจห้างร้านในบริเวณนี้มักจะเป็นคนอินเดีย และคนจีนที่ประกอบอาชีพค้าขายเพชรพลอย เครื่องประดับจิลเวลรี่ เครื่องเงินแกะสลัก และของ Antique สะสมหายากจากทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันร้านค้าเหล่านี้ก็ยังคงไม่ได้ย้ายไปไหน แต่ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปแบบอุตสาหกรรมมากขึ้น ดังที่เราจะได้เห็นทั่วไปจากบริเวณถนนมเหศักดิ์ ถนนเดโช และถนนเจริญกรุง



บริเวณถนนปั้น ยังเป็นที่ตั้งของชุมชนอินเดียเก่าแก่ โดยมี Landmark ที่สำคัญคือ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก) ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของทั้งคนไทย และคนอินเดียทั่วกรุงเทพฯ
ในด้านการพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ พบว่าเป็นศูนย์รวมของบรรดาร้านอาหารชื่อดังมากมาย ตลาดเก่า ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดกลาง เนื่องจากทำเลนี้มีโรงเรียนชั้นนำของประเทศไทยสองแห่งอย่างโรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ทำให้มี Developer หลายรายที่มองหาที่ดินแถวนี้เพื่อสร้างคอนโดให้ตอบโจทย์ดีมานท์ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณถนนปั้น ที่มี 2 โครงการคอนโดอย่าง The Room Sathorn Pan และ The Treasure บริเวณซอยสุรศักดิ์อย่าง Noble Revo คอนโดรุ่นแรกๆบนอาคาร Jewelry Trade Center รวมไปถึงคอนโดชื่อดัง ดีไซน์เด่น แท่งแรกบนถนนหลักสีลมอย่าง State Tower
โครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่บริเวณถนนสีลม และถนนสายรองโดยรอบ จะเห็นได้ว่าไม่มีโครงการใดที่ตั้งอยู่บนถนนหลักสีลมเลย ยกเว้น Ashton Silom และ State Tower
ASHTON SILOM ที่สุดแห่งคุณค่าใจกลางมหานคร
ล่าสุด บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นในวงการอสังหาฯ ด้วยการคว้าที่ดินแปลงงาม บนถนนใหญ่สีลม เยื้องกับสีลม ซอย 9 ถัดจากโรงแรม Pullman Silom ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี เชื่อมต่อกับ inner CBD ทั้งสาทร และสีลม เพื่อขึ้นคอนโดแบรนด์ Ashton Silom (แอชตัน สีลม)..นับว่าเป็นคอนโดแรกในรอบเกือบ 15 ปีที่ตั้งอยู่บนถนนหลักสีลม มีความสูง 48 ชั้น 428 ยูนิต ประกอบด้วยห้อง 1 นอน ขนาด 31-48 ตรม. และ 2 นอน ขนาด 71 – 86 ตรม.

เพียบพร้อมด้วยส่วนกลางหลากหลายขนาดใหญ่ตามสไตล์คอนโดระดับ High End ได้แก่
ชั้น Ground ประกอบด้วย Lobby Lounge, Garden, Sunken Seating
ชั้น 34 – 35 ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ สระเด็ก จากุซซี่ ฟิตเนส ฟิตเนสส่วนตัว ห้องสตีม ห้องซาวน่า ห้องนวด ห้องสมุด ห้องดูภาพยนตร์ Business Lounge และ Sky Deck
และชั้น 48 ประกอบด้วย Social Club & Wine Bar, Outdoor Lounge with Garden และ Rooftop Deck
ด้วยความสูงของอาคาร ทำให้โครงการ แอชตัน สีลม มีวิวที่สวยๆหลายด้านครับ ไม่ว่าจะเป็นวิวโครงการมหานครทางด้านทิศใต้
หรือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทาง และพลุงานเทศกาลด้านทิศตะวันตก
วิวถนนพระรามสี่ทางด้านทิศเหนือ
หรือวิวแยกศาลาแดงทางด้านทิศตะวันออก
จุดเด่นของโครงการ
SILOM – THE PRESTIGE AREA: ศักยภาพอันทรงคุณค่า…ที่ไม่สิ้นสุดบนถนนสีลม
ผืนดินอันทรงคุณค่าซึ่งเป็นมรดกตกทอดอันยาวนานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี ส่งต่อเป็นเอกสิทธิ์พิเศษ เพื่อมอบกับลูกค้าคนสำคัญเฉพาะ โครงการ แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM) ซึ่งถือเป็นอาคารพักอาศัยแห่งเดียวในปัจจุบันที่ตั้งอยู่บนถนนสีลมอย่างแท้จริง (on Silom main road) ในรอบกว่าทศวรรษที่ผ่านมา อาคารแห่งนี้ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่น (Iconic Architecture) ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงเส้นขอบฟ้าใหม่ของถนนสีลมให้มีสีสันมากขึ้น ตั้งอยู่ใจกลางทำเลที่เพิ่มมูลค่าและมีราคาสูงที่สุดในประเทศไทย
ASHTON SILOM – THE ONE & ONLY ON SILOM: ศิลปะอันทรงคุณค่า หนึ่งเดียวบนถนนสีลม
แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM) คอนโดมิเนียมภายใต้ Ashton แบรนด์ระดับสูงสุดของอนันดาฯ ผ่านการสร้างสรรค์ดุจศิลปะอันทรงคุณค่าบนทำเลศักยภาพมากว่า 4 โครงการ และล่าสุด ASHTON SILOM ที่สุดของโครงการที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่บนถนนสีลม ด้วยนวัตกรรมการดีไซน์ตัวอาคารในรูปแบบ New Sculpture Building เปิดมุมมองใหม่แห่งการพักอาศัยด้วยเพดานที่สูงถึง 3.6 เมตร ให้สัมผัสถึงทัศนียภาพเส้นขอบฟ้าได้แบบเอ็กคลูซีฟ บนทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสีลม
ASHTON SILOM – THE VIBRANT LIFESTYLE: เอกลักษณ์ของความหลากหลายทางวัฒนธรรม
แอชตัน สีลม (ASHTON SILOM) ตั้งอยู่ท่ามกลางทำเลสีสันของการใช้ชีวิต แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ของคนกรุง อาทิเช่น ห้างสรรพสินค้า, โรงแรมห้าดาว, ร้านอาหารตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงร้านอาหารระดับเชฟมิชลิน แหล่งรวมความหลากหลายที่ผสมผสานอย่างเหมาะเจาะของวัฒนธรรมตะวันตก ไทย จีน และอินเดีย ที่คุณจะสัมผัสได้ผ่านบ้านเรือนและตึกเก่าสไตล์ตะวันตก ศาลเจ้าจีนที่สื่อถึงความร่ำรวยด้วยสีแดงทอง เทวะสถานของชาวอินเดียที่น่าหลงใหลและแปลกตา บนวิถีชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของมหานคร เช่น Central Silom Complex, Dusit Thani Bangkok Hotel, Mandarin Oriental Hotel, W Hotel, L’Atelier de Joël Robuchon, Nahm (Michelin Restaurant), Cloud47, Maggie Choo, Chef Man, The House Sathorn, KU DE TA, Vertigo, Sirocco, วัดแขก, บ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, Jim Thompson House และอีกมากมาย
สถานที่สำคัญใกล้เคียง บนทำเลแห่งศักยภาพเดินทางสะดวกสบาย
– 350 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้า BTS ช่องนนทรี
– แวดล้อมไปด้วยสถานีรถไฟ BTS และ สถานีรถไฟฟ้า MRT ถึง 4 แห่ง ได้แก่ สถานีรถไฟฟ้า MRTสีลม สถานีรถไฟฟ้า BTSศาลาแดง, ช่องนนทรี และสุรศักดิ์
– เพียง 3 สถานี สู่ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ และเซ็นทรัลเวิร์ล
– โรงพยาบาลชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์, โรงพยาบาล Bangkok Nursing Home (BNH) และ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
– สถานฑูตที่สำคัญ เช่น สถานทูตออสเตรเลีย สถานทูตฝรั่งเศส สถานทูตมาเลเชีย และสถานทูตสิงค์โปร์
– สถาบันทางวัฒนธรรม เช่น Alliance Française, Goethe-Institut Thailand ถนนสาทร ซอย 1
– สถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนเซนต์โยเชฟคอนเวนต์, โรงเรียนอัสสัมชัญ, Shrewsbury International School, และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
– โรงแรมห้าดาว อาทิเช่น โรงแรมดุสิตธานี, โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล, โรงแรมแชงกรีล่า, โรงแรมสุโขทัย, โรงแรมบันยันทรี และโรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ
– อาคารสำนักงานชั้นนำ อาทิเช่น Empire Tower, Sathorn Square, Bangkok City Tower, Standard Chartered, AIA Sathorn และ สำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น
ASHTON SILOM เปิดอย่างเป็นทางการต้นปี 2559 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Call Center โทร 02 316 2222
มอง Ashton Silom ในแบบคอนโดแมน
“ถนนสีลม” ทำเลสุดพรีเมี่ยมสุดคลาสสิก ได้รับการยกย่องว่าเป็นถนนสายเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศ มาช้านานนับเป็นเวลามากกว่า 100 ปี
ย้อนเวลากลับไปสมัยอดีต
ถนนสีลมเป็นถนนสมัยใหม่ที่นำวิศวกรรมของชนชาติตะวันตกมาใช้ในการก่อสร้าง เป็นถนนสายแรกๆของประเทศ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4
ถนนสีลม เป็นที่นิยมอย่างมากของชาวตะวันตกที่มาพักอาศัยในแผ่นดินสยาม มีการขอพระราชทานที่ดินจากในหลวงรัชกาลที่4 มาตั้งสถานที่สำคัญต่างๆมากมาย จนเป็นที่นิยมที่สุดของทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ถนนสีลมในความทรงจำ
ถนนสีลมเป็นถนนสายเศรษฐกิจที่เจริญที่สุดของประเทศ ตั้งแต่ผมจำความได้ ตำนานตึกสูงระฟ้าที่สุดของประเทศไทย เริ่มต้นจากโรงแรมดุสิตธานีที่หัวถนน จนมาถึงส่งไม้ต่อให้อาคารธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ที่ช่วงกลางถนน เป็น landmark ที่ตอกย้ำความจริง เรื่องการเป็นถนนเศรษฐกิจหลักเป็น CBD ของประเทศ
ออฟฟิศต่างๆที่มากมายภายในตึกสูงที่เรียงรายริมสองฝั่งถนนสีลม ด้านในเต็มไปด้วยบุคคลากรสำคัญด้านธุรกิจ ถึงขนาดที่เคยมีคนนิยามการคงอยู่หรือจากไปของผู้มีอำนาจทางการเมืองของไทย ขึ้นอยู่กับคนในถนนสีลม ถ้าขยับเก้าอี้รัฐมนตรีก็ร้อน
ผมจำได้ในปี 40 ม๊อบสีลม ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มนักธุรกิจและชนชั้นกลาง โด่งดังอย่างมากจากรวมตัวประท้วงกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก และผลก็เป็นดังหวัง
ในยุคปัจจุบัน แม้พื้นที่อื่นๆ ถนนอื่นๆ จะมีชื่อเสียงได้รับการยกย่องจนราคาซื้อขายที่ดินแซงหน้าถนนสีลมไปแล้ว แต่สีลมยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกในใจคนไทยและชาวต่างชาติเสมอ
เครดิตภาพ: Shutterstock
CBD ของไทยไม่เคยเปลี่ยนไปที่ไหน ต่อให้มีอีกกี่ new cbd ที่นิยามตัวเองขึ้นมา แต่ยังไงประเทศไทยก็มีแค่ สีลม สาทร เป็น CBD เดียวเสมอ
ที่ดินบนถนนสีลมแท้ ติดถนนใหญ่สีลม หายากมาก สีลมไม่ได้ขึ้นโครงการใหม่ๆมานานมากแล้ว อย่าว่าแต่คอนโดมิเนียมซึ่งแทบไม่มี แม้กระทั่งตึกอาคารสำนักงานต่างๆก็หาซื้อที่ดินเปล่ามาสร้างแทบไม่ได้ ทุกๆคนถอดใจ แต่ อนันดาทำสำเร็จ
ที่ดินแปลงสวยติดถนนสีลมแท้ๆ คุณยายเจ้าของที่วัยแปดสิบกว่าๆ ได้ถูกชะตากับคุณชานนท์ boss ใหญ่อนันดา จนตกลงใจยอมขายที่แปลงมรดกให้ แปลงที่คุณแม่ของคุณยายเจ้าของที่สั่งเสียไว้ก่อนสิ้นใจว่า ต้องใช้ประโยชน์ที่แปลงนี้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น
อภิมหาโปรเจก คอนโดมิเนียมสุดอลังงง ASHTON SILOM จึงเกิดขึ้น
น่าประหลาดใจ ถนนสีลม ได้ชื่อมาจากการที่มีฝรั่งชาติตะวันตกมาตั้งโรงสีข้าวพลังลม (ใช้แรงจากกังหันลม windmill) โรงสีลมนี้โดดเด่นจนชาวสยามเรียกติดปากจนต้องเปลี่ยนจากชื่อ”ถนนขวาง” เป็น”ถนนสีลม”
บังเอิญเหลือเกินที่ windmill คือชื่อหมู่บ้านจัดสรร ธุรกิจแรกเริ่มต้นกำเนิดตำนานอนันดา ดีเวลลอปเมนท์ฯ
การออกแบบอย่างพิถีพิถัน ความกล้าที่จะใส่อะไรที่แปลกใหม่ลงไปในงานออกแบบของสถาปนิก (คุณ POY แห่ง A49) สร้างความทึ่งและประทับใจแก่ทุกคนที่ได้สัมผัส ให้สมกับความ rare และยิ่งใหญ่ของที่ดินแปลงนี้
vertical interlock ห้องเล่นระดับ กระจกเปิด ปิดบรรจบกันที่มุม แปลนห้องแปลนชั้นที่แปลกใหม่ ผสานกับหน้าตาตึกที่ล้ำยุคไปไกล (ผู้สันทัดคอนโดหลายคนยังคาดเดาเพิ่มด้วยว่า แบบตึกมีการปรึกษาซินแสมืออาชีพ เพื่อแก้พลังจากสุสานฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว) คือล้ำสมัยแต่ไม่ละทิ้งอดีต ว่างั้น
ทำเลของ ASHTON SILOM อยู่ที่ถนนสีลมช่วงแยกช่องนนทรี ใกล้กับสถานี BTS ช่องนนทรี ตรงแยกนี้หลายๆคนขนานนามให้เป็น prime intersection ทัดเทียมแยกเพลินจิต
ใกล้ๆกันเป็น Sathorn Square โครงการ mixed used อาคารสำนักงานพร้อมโรงแรม 5 ดาวระดับโลก W Hotel อยู่ใกล้ในระยะเดินสบายๆจาก ASHTON SILOM
เครดิตภาพ: www.sathorn-square.com
ทำเลนี้มีครบ โรงเรียนชื่อดัง ห้าง แหล่ง lifestyle อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลระดับสถาบัน
ตอนนี้ภาพโครงการได้เปิดเผยเป็น public อวดความล้ำให้ทุกคนเห็นเป็นที่เรียบร้อย อดใจรออีกไม่นาน details รายละเอียดต่างๆ แปลนตึก แปลนห้อง ห้องไหนสวย จะถูกถ่ายทอดผ่านบทความเชิงวิเคราะห์ที่ www.propholic.com แน่นอน
“ASHTON SILOM เปิดอย่างเป็นทางการต้นปี 2559 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Call Center โทร 02 316 2222”
ออฟฟิศต่างๆที่มากมายภายในตึกสูงที่เรียงรายริมสองฝั่งถนนสีลม ด้านในเต็มไปด้วยบุคคลากรสำคัญด้านธุรกิจ ถึงขนาดที่เคยมีคนนิยามการคงอยู่หรือจากไปของผู้มีอำนาจทางการเมืองของไทย ขึ้นอยู่กับคนในถนนสีลม ถ้าขยับเก้าอี้รัฐมนตรีก็ร้อน
ผมจำได้ในปี 40 ม๊อบสีลม ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มนักธุรกิจและชนชั้นกลาง โด่งดังอย่างมากจากรวมตัวประท้วงกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก และผลก็เป็นดังหวัง
ในยุคปัจจุบัน แม้พื้นที่อื่นๆ ถนนอื่นๆ จะมีชื่อเสียงได้รับการยกย่องจนราคาซื้อขายที่ดินแซงหน้าถนนสีลมไปแล้ว แต่สีลมยังคงไว้ซึ่งความคลาสสิกในใจคนไทยและชาวต่างชาติเสมอ
เครดิตภาพ: Shutterstock
CBD ของไทยไม่เคยเปลี่ยนไปที่ไหน ต่อให้มีอีกกี่ new cbd ที่นิยามตัวเองขึ้นมา แต่ยังไงประเทศไทยก็มีแค่ สีลม สาทร เป็น CBD เดียวเสมอ
ที่ดินบนถนนสีลมแท้ ติดถนนใหญ่สีลม หายากมาก สีลมไม่ได้ขึ้นโครงการใหม่ๆมานานมากแล้ว อย่าว่าแต่คอนโดมิเนียมซึ่งแทบไม่มี แม้กระทั่งตึกอาคารสำนักงานต่างๆก็หาซื้อที่ดินเปล่ามาสร้างแทบไม่ได้ ทุกๆคนถอดใจ แต่ อนันดาทำสำเร็จ
ที่ดินแปลงสวยติดถนนสีลมแท้ๆ คุณยายเจ้าของที่วัยแปดสิบกว่าๆ ได้ถูกชะตากับคุณชานนท์ boss ใหญ่อนันดา จนตกลงใจยอมขายที่แปลงมรดกให้ แปลงที่คุณแม่ของคุณยายเจ้าของที่สั่งเสียไว้ก่อนสิ้นใจว่า ต้องใช้ประโยชน์ที่แปลงนี้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น
อภิมหาโปรเจก คอนโดมิเนียมสุดอลังงง ASHTON SILOM จึงเกิดขึ้น
น่าประหลาดใจ ถนนสีลม ได้ชื่อมาจากการที่มีฝรั่งชาติตะวันตกมาตั้งโรงสีข้าวพลังลม (ใช้แรงจากกังหันลม windmill) โรงสีลมนี้โดดเด่นจนชาวสยามเรียกติดปากจนต้องเปลี่ยนจากชื่อ”ถนนขวาง” เป็น”ถนนสีลม”
บังเอิญเหลือเกินที่ windmill คือชื่อหมู่บ้านจัดสรร ธุรกิจแรกเริ่มต้นกำเนิดตำนานอนันดา ดีเวลลอปเมนท์ฯ
การออกแบบอย่างพิถีพิถัน ความกล้าที่จะใส่อะไรที่แปลกใหม่ลงไปในงานออกแบบของสถาปนิก (คุณ POY แห่ง A49) สร้างความทึ่งและประทับใจแก่ทุกคนที่ได้สัมผัส ให้สมกับความ rare และยิ่งใหญ่ของที่ดินแปลงนี้
vertical interlock ห้องเล่นระดับ กระจกเปิด ปิดบรรจบกันที่มุม แปลนห้องแปลนชั้นที่แปลกใหม่ ผสานกับหน้าตาตึกที่ล้ำยุคไปไกล (ผู้สันทัดคอนโดหลายคนยังคาดเดาเพิ่มด้วยว่า แบบตึกมีการปรึกษาซินแสมืออาชีพ เพื่อแก้พลังจากสุสานฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว) คือล้ำสมัยแต่ไม่ละทิ้งอดีต ว่างั้น
ทำเลของ ASHTON SILOM อยู่ที่ถนนสีลมช่วงแยกช่องนนทรี ใกล้กับสถานี BTS ช่องนนทรี ตรงแยกนี้หลายๆคนขนานนามให้เป็น prime intersection ทัดเทียมแยกเพลินจิต
ใกล้ๆกันเป็น Sathorn Square โครงการ mixed used อาคารสำนักงานพร้อมโรงแรม 5 ดาวระดับโลก W Hotel อยู่ใกล้ในระยะเดินสบายๆจาก ASHTON SILOM
เครดิตภาพ: www.sathorn-square.com
ทำเลนี้มีครบ โรงเรียนชื่อดัง ห้าง แหล่ง lifestyle อาคารสำนักงาน โรงพยาบาลระดับสถาบัน
ตอนนี้ภาพโครงการได้เปิดเผยเป็น public อวดความล้ำให้ทุกคนเห็นเป็นที่เรียบร้อย อดใจรออีกไม่นาน details รายละเอียดต่างๆ แปลนตึก แปลนห้อง ห้องไหนสวย จะถูกถ่ายทอดผ่านบทความเชิงวิเคราะห์ที่ www.propholic.com แน่นอน
“ASHTON SILOM เปิดอย่างเป็นทางการต้นปี 2559 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Call Center โทร 02 316 2222”
Life Pinklao: Discover the new joy of old memories
สำหรับคนทั่วไปไม่คุ้นชินทำเลแถวนั้นอาจรู้สึกแปลกๆใช่รึเปล่าครับ…
สำหรับผม ทำเลแถวปิ่นเกล้าเป็นเขตเมืองเก่า เป็นชุมชนที่อยู่แบบครอบครัวเก่า
มีสมาชิกในครอบครัวอยู่ในบ้านเดียวกันหรือละแวกใกล้เคียงกันเยอะ แบบอยู่ด้วยกัน รุ่นต่อรุ่น
ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ย้ายไปไหน ทั้งนี้เพราะมีระบบสาธารณูปโภคที่ครบครันไม่ว่าจะเป็นตลาดสด ห้างสรรพสินค้าเช่น เซนทรัลปิ่นเกล้า(เพิ่งปรับปรุงเสร็จ..มีร้านใหม่ๆมาเพิ่มมากมาย) , โลตัสปิ่นเกล้า(ร้านอาหารพอมี แต่เด็ดสุดคือมาทำ passport ได้) เมเจอร์ปิ่นเกล้า ล่าสุดที่เปิดคือ the sense ปิ่นเกล้า มี street food มาให้ชิมมากมาย ถ้าเดินทางไปอีกนิดก็เข้าเส้นราชพฤกษ์เป็นแหล่งของกินที่หลากหลาย คงจะไม่ขอกล่าวถึงเพราะเดี๋ยวจะเป็นเพจร้านอาหารไปซะหมด ส่วนถ้าไปอีกด้านข้ามสะพานปิ่นเกล้าก็จะเป็นย่านเมืองเก่าเยาวราชเอาใจอากง อาม่าได้เป็นอย่างดี หรือที่เที่ยวราตรีสำหรับวัยรุ่น วัยทำงานก็ไปถนนข้าวสารได้ ( สรุปว่า ที่อ่านมายังเป็นเพจอสังหาอยู่น่ะครับ.. )
ส่วนเรื่องสถาบันการศึกษาที่ใกล้แต่ก็ไม่ใกล้มากก็คงหนีไม่พ้น เซนต์คาเบรียล เซนต์ฟรังฯ ส่วนระดับมหาวิทยาลัยก็ใกล้ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ (ถ้ามาอย่าลืมแวะ ท่ามหาราชด้วย น่ะครับ ) และ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ถ้าไปฝั่งสะพานซังฮี้ ก็จะมีคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล
ส่วนเรื่องระบบสาธารณสุข คนในบ้านเจ็บไข้ไม่สบาย ก็มีโรงเรียนแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น ศิริราช หรือ วชิระ ให้มารักษากันได้ อีกทั้งยังมี รพ รัฐบาล และ เอกชนมากมาย ไว้ช่วยดูแลคุณและครอบครัวยามฉุกเฉิน อีกทั้งย่านนี้เป็นกรุงเก่ายังมีโบราณสถาน วัดวาอาราม ให้กราบไหว้ ยึดเหนี่ยวจิตใจและยังเป็นสถานที่เที่ยวกับครอบครัวได้อีกด้วย
จากที่พูดมาทั้งหมดจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนย่านเมืองเก่าถึงไม่ย้ายเข้าไปอยู่ในโซนสุขุมวิท ส่วนคนสุขุมวิทก็คงชั่งใจที่จะมาอยู่แถวปิ่นเกล้า ตามสุภาษิตที่เพิ่งตั้งเองว่า “คนในไม่อยากออก คนนอกไม่อยากเข้า”
ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าในอนาคตก็เรียกได้ว่าจอดเทียบหน้าโครงการกันเลย ห่างแค่ 40 เมตร เป็นรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ลอดแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังวิ่งเป็นวงกลม ระบายผู้โดยสารฝั่งในและฝั่งนอกกรุงเทพได้เป็นปริมาณมาก ซึ่งผมว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายหลักในอนาคต คล้ายๆ yamanote line , osaka loop line ของประเทศญี่ปุ่น ทีเด็ดอีกอย่างของ MRT สายสีน้ำเงินคือ จะผ่านแต่สถานที่สำคัญในกรุงเทพ และรอบนอกเขตพระนคร และยังมีสถาปัตยกรรมเด่นๆเพื่อสร้างแลนด์มาร์กของสถานีนั้นๆเด่นๆ เช่น สถานีวัดมังกรกมลวาส , สถานีอิสรภาพพรานนก , สถานีสนามไชย และ สถานีวังบูรพา
ด้านรูปแบบอาคาร AP ใช้แบรนด์ Life ซึ่งอัพจาก Aspire ที่จะวางแผน ณ ตอนแรก ซึ่งลดจำนวนห้อง เพิ่ม facility มากขึ้น ส่วนราคาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สำหรับผมสรุปได้คือ ” ดีงามตามท้องเรื่อง ” โดย AP ได้ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi ประเทศญี่ปุ่นเป็น partner ในทุกส่วนไม่ว่าจะออกแบบอาคาร แลนด์สเคปภายนอก จัดหาวัสดุบางอย่าง ทำให้พอจะมีกลิ่นอายของญี่ปุ่น โดยแลนด์สเคปจะแยกตรงทางเข้าโครงการ โดยจุดแรกจะเป็นบ่อน้ำ และจะได้ยินเสียงน้ำไหลกระตุ้นโสตประสาทเป็นอย่างแรก ถ้าเป็นอาหารคงจะเป็น appetizers เดินผ่านสะพานไปจะเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น (เค้าว่าแบบนั้นน่ะ… แต่ส่วนตัวอยากให้มีสวนหินบ้าง ) ซึ่งพื้นที่สีเขียวทาง AP บอกว่ามีครึ่งนึงจากพื้นที่ทั้งหมด 4 ไร่ ซึ่งข้อดีที่พบได้จากแลนด์สเคปแบบที่แยกทางเดินรถกับสวนออกจากกันคือมีความเป็นส่วนตัว และ สงบอย่างแท้จริง แต่ทั้ง 2 ทางไม่ว่าจะเดินทางโดยรถยนต์หรือเดินผ่านสวนก็เข้า lobby ได้เหมือนกัน
อีกเรื่องนึงที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการคือเรื่องวิว ซึ่งเป็นวิวที่ ” เทพ ” มาก ซึ่งคำว่าเทพ ถ้าแปลตรงๆ คือ วิวกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีตึกสูงมากมาย และ เทพ อีกอย่างอาจจะเป็นศัพท์แสลงวัยรุ่น ซึ่งหมายถึง ความเป็นที่สุด รวมๆกันสำหรับโครงการนี้สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ความหมาย ที่ผมกล้าพูดเพราะวิวด้านหลังของโครงการโดยเฉพาะชั้นสระว่ายน้ำเป็น infinity edge pool
มองตรงไปจะเจอฉากหน้าเป็นสะพานพระรามแปด ทอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาตัดด้วยเส้นขอบฟ้าอันเป็นตึกสูงขึ้นเด่นเรียงรายเป็นฉากหลังที่หาไม่ได้ในคอนโดเขตกรุงเทพมหานคร
สุดท้ายเรื่องราคาสำหรับผมอาจมากไปนิดสำหรับทำเลนี้ และพื้นที่ว่างในย่านนี้ยังมีอยู่อีกมาก แต่ demand สำหรับคนในพื้นที่ก็ยังมีอีกมากเช่นกัน ส่วนเรื่องตลาดปล่อยเช่า ณ ตอนนี้ก็มีคนเช่าตลอด ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆกลุ่มที่เช่าก็คนละกลุ่มกันกับคอนโดเจ้าถิ่นอย่างแบรนด์ LPN โดยราคารวมของ Life Pinklao ที่แพงกว่าก็ถือซะว่าได้ชื่อชั้นของแบรนด์และส่วนกลางที่เหนือกว่า ซึ่งภาพรวมตลาดจริงๆที่จะเห็นได้ชัดก็ตอนรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ซึ่งผมคิดว่าการมาของรถไฟฟ้าสามารถปลุกยักษ์ปิ่นเกล้าให้ตื่นขึ้นมาได้
ส่วนสำหรับคนที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเพื่อที่จะเสพวิวหรือเพื่อเป็นสมบัติให้ลูกหลาน ไม่อยากให้ลูกหลานไปไกลถิ่นอันนี้แนะนำครับ
ด้านรูปแบบอาคาร AP ใช้แบรนด์ Life ซึ่งอัพจาก Aspire ที่จะวางแผน ณ ตอนแรก ซึ่งลดจำนวนห้อง เพิ่ม facility มากขึ้น ส่วนราคาก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สำหรับผมสรุปได้คือ ” ดีงามตามท้องเรื่อง ” โดย AP ได้ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi ประเทศญี่ปุ่นเป็น partner ในทุกส่วนไม่ว่าจะออกแบบอาคาร แลนด์สเคปภายนอก จัดหาวัสดุบางอย่าง ทำให้พอจะมีกลิ่นอายของญี่ปุ่น โดยแลนด์สเคปจะแยกตรงทางเข้าโครงการ โดยจุดแรกจะเป็นบ่อน้ำ และจะได้ยินเสียงน้ำไหลกระตุ้นโสตประสาทเป็นอย่างแรก ถ้าเป็นอาหารคงจะเป็น appetizers เดินผ่านสะพานไปจะเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น (เค้าว่าแบบนั้นน่ะ… แต่ส่วนตัวอยากให้มีสวนหินบ้าง ) ซึ่งพื้นที่สีเขียวทาง AP บอกว่ามีครึ่งนึงจากพื้นที่ทั้งหมด 4 ไร่ ซึ่งข้อดีที่พบได้จากแลนด์สเคปแบบที่แยกทางเดินรถกับสวนออกจากกันคือมีความเป็นส่วนตัว และ สงบอย่างแท้จริง แต่ทั้ง 2 ทางไม่ว่าจะเดินทางโดยรถยนต์หรือเดินผ่านสวนก็เข้า lobby ได้เหมือนกัน
อีกเรื่องนึงที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการคือเรื่องวิว ซึ่งเป็นวิวที่ ” เทพ ” มาก ซึ่งคำว่าเทพ ถ้าแปลตรงๆ คือ วิวกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีตึกสูงมากมาย และ เทพ อีกอย่างอาจจะเป็นศัพท์แสลงวัยรุ่น ซึ่งหมายถึง ความเป็นที่สุด รวมๆกันสำหรับโครงการนี้สามารถใช้ได้ทั้ง 2 ความหมาย ที่ผมกล้าพูดเพราะวิวด้านหลังของโครงการโดยเฉพาะชั้นสระว่ายน้ำเป็น infinity edge pool
มองตรงไปจะเจอฉากหน้าเป็นสะพานพระรามแปด ทอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาตัดด้วยเส้นขอบฟ้าอันเป็นตึกสูงขึ้นเด่นเรียงรายเป็นฉากหลังที่หาไม่ได้ในคอนโดเขตกรุงเทพมหานคร
สุดท้ายเรื่องราคาสำหรับผมอาจมากไปนิดสำหรับทำเลนี้ และพื้นที่ว่างในย่านนี้ยังมีอยู่อีกมาก แต่ demand สำหรับคนในพื้นที่ก็ยังมีอีกมากเช่นกัน ส่วนเรื่องตลาดปล่อยเช่า ณ ตอนนี้ก็มีคนเช่าตลอด ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆกลุ่มที่เช่าก็คนละกลุ่มกันกับคอนโดเจ้าถิ่นอย่างแบรนด์ LPN โดยราคารวมของ Life Pinklao ที่แพงกว่าก็ถือซะว่าได้ชื่อชั้นของแบรนด์และส่วนกลางที่เหนือกว่า ซึ่งภาพรวมตลาดจริงๆที่จะเห็นได้ชัดก็ตอนรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ ซึ่งผมคิดว่าการมาของรถไฟฟ้าสามารถปลุกยักษ์ปิ่นเกล้าให้ตื่นขึ้นมาได้
ส่วนสำหรับคนที่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเพื่อที่จะเสพวิวหรือเพื่อเป็นสมบัติให้ลูกหลาน ไม่อยากให้ลูกหลานไปไกลถิ่นอันนี้แนะนำครับ