เกริก บุณยโยธิน เมื่อ 4 February, 2016 เวลา 18.39 pm
Prop score™: 3.6
คะแนนรีวิว: 4.1
1 รีวิว
ข้อมูลโครงการ
ชื่อโครงการ
BEATNIQ (บีทนิก)
บริษัทผู้สร้าง
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น – SC ASSET
สถานที่
ซอยสุขุมวิท 32 เขตคลองเตย จังหวัดกรุงเทพมหานคร
สถานีรถไฟ BTS
BTS ทองหล่อ Distance 250 เมตร m.
สถานีรถไฟใต้ดิน
-
Airport Rail Link
-
สถานี BRT
-
พื้นที่
1 ไร่ 3 งาน 69 ตารางวา
ชั้น
คอนโด High Rise 1 อาคาร สูง 34 ชั้น
ยูนิต
197 ยูนิต
ที่จอดรถ
193 คัน
ลิฟท์
ลิฟท์โดยสารมี 3 ตัว + Service Lift 1 ตัว
สิ่งอำนวยความสดวก
a hotel-standard lobby – swimming pool – steam and sauna – fully-equipped gym with boxing and yoga studio – reading lounge with meeting room – a rooftop outdoor recreational area – semi-outdoor jacuzzi pool
ประเภทยูนิต
ประเภท
CONDO
studio
-
1 bedroom
43-59 sq.m.
2 bedroom
79-82 sq.m. 2 bedroom Plus 108-121 sq.m.
3 bedroom
160-204 sq.m.
Duplex
95-100 sq.m.
Penthouse
-
ประเภทอื่นๆ
Pool Villa 192 และ 204 sq.m.
ความสูงจากพื้นถึงเพดาน
มาตรฐาน 2.8 เมตร และห้องพิเศษ 3 เมตร และ 3.5 เมตร
ราคาเริ่มต้น / ตรม.
270,000
ราคาเริ่มต้น / ยูนิต
เริ่ม 12 ล้านบาท
ค่าส่วนกลาง
90 บาท/ตร.ม./เดือน
Sinking Fund fee
900 บาท/ตร.ม. (ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์)
สร้างเสร็จ
2018
เว็บไซต์
www.beatniq32.com
1749
BEATNIQ เอกลักษณ์ความสง่างามแห่ง MCM ที่เดียวใจกลาง Mid Sukhmvit
เมื่อครั้งที่ผมได้ยินข่าวว่า SC ASSET ตัดสินใจที่จะซื้อที่ดินผืนงามอันเป็นที่ตั้งของโรงแรมมาดเท่ห์ ขาประจำวัยรุ่นแห่งยุค 6o’s อย่าง REX Hotel ในราคาอันสูงลิบลิ่ว ผมก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจถึง 2 ข้อ… ข้อแรกก็คือราคาขายของโครงการนี้จะพุ่งขึ้นไปสูงแค่ไหน และข้อที่สองก็คือทาง SC ASSET จะมีรูปแบบในการวางคอนเซปท์ของโครงการอย่างไร เพื่อที่จะให้ที่ดินผืนนี้คงไว้ซึ่งเสน่ห์แห่งความสง่างามในอดีตของ REX Hotel รวมถึงบริบทรอบข้าง ซึ่งก็มีหลายๆครั้งที่ดีเวลลอปเปอร์บางรายทำผิดพลาดไปในการรักษาไว้ซึ่งเรื่องราว และอัตลักษณ์ที่สำคัญของบริเวณที่ตั้งโครงการ จนทำให้รูปแบบโครงการมันดูแปลกแยก จืดชืด ไร้เสน่ห์ที่จะดึงดูดความสนใจ ทั้งจากผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นมาแต่เก่าก่อน และผู้คนทั่วไป
ความสงสัยของผมยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าชื่อโครงการแห่งนี้มีชื่อว่า BEATNIQ ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ต้องสงสัยว่าชื่อมีที่มาอย่างไร ดูแล้วช่างแตกต่างกับคอนโด SC ASSET ทั่วไปในอดีตที่มักจะอยู่ภายใต้แบรนด์ Centric และ The Crest แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การมีชื่อแบรนด์แยกออกมาเดี่ยวๆแบบนี้ย่อมรับประกันได้ว่าคอนโดแห่งนี้จะต้องมีความไฮเอนท์ไม่แพ้ แบรนด์รุ่นพี่อย่าง Saladaeng One แน่นอน
Facade มาเต็ม Beatniq สุขุมวิท 32
สู่จุดกำเนิดของนิยาม BEATNIQ
BEATNIQ เป็นชื่อที่ถูกพัฒนามาจากคำว่า Beatnik ซึ่งเป็นคำจำกัดความของวัยรุ่นในยุคกลางศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความเป็น Uniqueness ที่แตกต่างจากกลุ่มคนทั่วไปในยุคนั้น และสืบเนื่องจากการที่โครงการได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากงานสถาปัตยกรรมในยุคนั้น ผสมผสานกับแนวความคิดในยุคใหม่ จึงได้นำเอาเอกลักษณ์ของชาว Beatnik ออกมาต่อยอด และตีความให้สอดคล้องกับสถาปัตยกรรมของอาคาร
Credit: www.pinterest.com
หากเปรียบกลุ่ม Beatnik กับคนยุคปัจจุบันก็คงจะมีความหมายคล้ายกับกลุ่มคน Hipster โดยไม่ว่าจะเป็น Beatnik หรือ Hipster กลุ่มคนทั้งสองนี้ก็จะมีความหลงใหลในความงดงามของงานศิลปะ ความบันเทิง สถาปัตยกรรม ใฝ่หาสุทรียะในด้านต่างๆอย่างมี taste และ style ที่ชัดเจน… ด้วยการตีความดังกล่าวจึงได้ตกผลึกมาเป็นความลงตัวของการนำคำว่า Beatnik ผสมกับคำว่า Unique (ความแตกต่างอย่างมีสไตล์) เฉกเช่นเดียวกับการผสมผสานงานสถาปัตยกรรมด้วยแรงบันดาลใจจากความเป็นยุคสมัยเก่า ควบรวมกับความโดดเด่นและแตกต่างของสถาปัตยกรรมที่เคยเห็นในยุคปัจจุบัน ทั้ง 2 ความหมายนี้ได้ตอบโจทย์ความเป็นโครงการได้อย่างลงตัวที่สุด จนเป็นที่มาของชื่อโครงการว่า BEATNIQ
The High Rise of MCM (Mid Century Modern)
ในแง่ของคอนเซปท์ดีไซน์ โครงการ BEATNIQ นั้น มีการวางคอนเซปท์ให้ sensitive กับบริบทรอบข้างของโครงการ โดยเมื่อดูไปถึงสถาปัตยกรรมดังเดิมของ REX Hotel ก็จะพบว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่อยู่ในช่วง Mid Century (ราวๆยุค 30 – 60’s) ที่มีความเป็น Modernist อยู่ในตัวเอง (Mid Century Modern) โดยจะมีลักษณะของอาคารที่เรียบนิ่ง แต่มีสัดส่วนที่สวยงาม มีการจัดองค์ประกอบที่ชัดเจน เน้นประโยชน์การใช้สอยของ space และแก่นแท้ของวัสดุ โครงการ BEATNIQ นำเอาสไตล์ของ Mid Century Modern ที่เคยปรากฎให้เห็นใน REX Hotel มาตีความหมายใหม่ โดยจะเห็นความเชื่อมโยงกันได้จากงาน Facade ของตัวอาคารที่มีการ Interlock กันระหว่างส่วนที่เป็นงานเหล็กกับกระจก ส่วนที่เป็นกรอบปูนทรงเลขาคณิต ที่ทำหน้าที่เป็นครีบบังแดด และบล็อคลม เหมาะกับภูมิอากาศที่อยู่ในเขตร้อน การออกแบบสีของโครงการที่ใช้โทนสีเทาเข้ม สีเทา สีขาว และส่วนประกอบของหินเป็นหลัก เพื่อเผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของวัสดุอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการสอดแทรกองค์ประกอบของรูปทรงที่เป็น Organic Sculpture form ผ่านทางการใช้บันไดเวียน spiral ในการเชื่อมพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ต่างระดับกัน…ซึ่งดูเหมือนว่า shape ของบันไดเวียนนี้ก็ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโลโก้ BEATNIQ ตรงรูปตัว N ด้วยครับ
ที่ตั้งของโครงการคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะอยู่ห่างจาก BTS สถานีทองหล่อเพียงแค่ 250 เมตร เดินเลยโครงการรุ่นพี่อย่าง The Crest Sukhumvit 34 มานิดเดียวก็ถึงแล้วครับ ก่อนถึงปากซอยสุขุมวิท 32 พอดี
ถ้าตึกสร้างเสร็จก็จะมี Exposure มองจาก Skywalk ประมาณนี้น่ะครับ
เดินสะดวกปลอดภัยเพราะมีเพื่อนบ้านคอนโดอยู่ตามทางอย่างน้อยก็ 3 โครงการในตอนนี้ล่ะครับ
ตอนนี้โครงการได้สร้าง Sale Gallery เสร็จเรียบร้อย เพื่อรอวันเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ครับ
โครงการ BEATNIQ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-3-69 ไร่ มีความสูง 34 ชั้น + ชั้นใต้ดิน 1 ชั้น จำนวนยูนิตมีไม่มากเพียงแค่ 197 ยูนิตเท่านั้น และมีที่จอดรถถึง 193 คัน
รูปแบบของห้องพักถือว่าเป็นโครงการที่มีเลย์เอ้าท์ห้องค่อนข้างหลากหลายมากครับ และเน้นการจัดวาง space ในแบบที่อยู่ได้จริง ไม่อึดอัด ดังนั้นห้องที่เล็กที่สุดของที่นี่จึงมีขนาด 43 ตารางเมตร และใหญ่ที่สุดคือห้องแบบ 3 ห้องนอนขนาด 204 ตารางเมตร
ประเภทของห้องมีตามนี้ครับ
1 ห้องนอนขนาด 43 – 59 ตารางเมตร (104 ยูนิต)
2 ห้องนอนขนาด 79 – 82 ตารางเมตร (46 ยูนิต)
2 ห้องนอน Plus ขนาด 108 – 121 ตารางเมตร (26 ยูนิต)
2 ห้องนอน Duplex ขนาด 95 – 100 ตารางเมตร (16 ยูนิต)
3 ห้องนอนขนาด 160 – 204 ตารางเมตร (5 ยูนิต)
มาดูทิศทางของตึกและแปลนโดยรวมของโครงการบ้างครับ
ทางเข้าของโครงการหันไปทางถนนสุขุมวิททางด้านทิศเหนือ ฝั่งตะวันออกหันไปทางทองหล่อ ตะวันตกเป็น The Em District และทิศใต้เป็นถนนพระรามสี่
หน้าตาของตึกฝั่งทิศเหนือ เป็นด้านที่แสดงถึงเส้นสายของความเป็น MCM ได้เด่นชัดที่สุด ผ่านทางลวดลายกรอบปูน Facade และบล็อคลมทรงเรขาคณิตตรงบริเวณชั้นจอดรถ ในขณะที่บริเวณชั้น Penthouse ก็ได้มีการเพิ่มความพลิ้วไหวให้กับทรงตึกที่โดนระยะ set back ด้วย Grill และ Fin อลูมิเนียมแนวตั้งจากยอดอาคารสู่ยูนิตด้านล่าง
ด้านทิศใต้
ด้านทิศตะวันออก
ด้านทิศตะวันตก
ชั้น Ground จะเป็นส่วนของ Landscaped Garden with Dipping Pool, Lobby, และ Reading Lounge with Meeting Room ครับ
และหากพิจารณาแปลนชั้น Ground ดูดีๆก็จะพบว่าทาง BEATNIQ ออกแบบพื้นที่ Drop off, พื้นที่โหลดของขึ้นลิฟท์ ห้องแม่บ้าน แยกส่วนกันอย่างชัดเจน เพื่อให้การใช้ตรงตามฟังก์ชั่นมากขึ้น กล่าวคือหากมีคนมาส่งของก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินเข้ามาในล้อบบี้เพื่อขึ้นลิฟท์ แต่สามารถนำของลงจากรถและโหลดขึ้นลิฟท์ได้เลย
Landscaped Garden with Dipping Pool ถูกออกแบบโดย TROP… เป็นสวนเล่นระดับที่ดึงความลงตัวของสายน้ำ เนินหญ้า และร่มไม้เข้าไว้ด้วยกัน มีสิ่งที่น่าสนใจคือ Moveable Wall เลื่อนเปิด – ปิดได้ เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นส่วนตัวให้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้พักอาศัย และให้ผู้มาเยือนได้มีความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกหนึ่งเมื่อได้ก้าวผ่านประตูเข้ามา
ชั้น 7 เป็นชั้นส่วนกลางหลัก พร้อมที่พักอาศัยจำนวนแค่ 4 ยูนิต โดยส่วนกลางในชั้นนี้ประกอบด้วย Swimming Pool with floating pool pavilion, Double Volume Fitness ที่ประกอบด้วย Fully-Equipped Gym with Boxing Area โดยในส่วนของปีกซ้าย สามารถเดินขึ้นบันไดไปยัง Kid’s Lounge ที่ชั้น 8 ได้ และบริเวณห้อง Fitness ก็มีบันได้เดินขึ้นไปยัง Yoga Studio ที่ชั้น 8 ได้เช่นกัน
การเลือกใช้วัสดุเป็นหินอ่อนสีขาว และความพิเศษของพื้นที่ทางเดินรูปตัว U ที่มีชื่อว่า Hanging Pavilion ลอยอยู่เหนือพื้นน้ำ ช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของได้เปิดรับมุมมองใหม่ของการชมวิวยามค่ำคืน ด้วยสไตล์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของ BEATNIQ ตามรูปด้านล่างครับ เท่ห์มากๆ!!
ในมุมมองผมชั้น 8 เป็นชั้นที่น่าจะเหมาะกับคนที่รักสงบ ส่วนตัวมากที่สุด เพราะเป็นชั้นที่มีจำนวนยูนิตเพียงแค่ 4 ยูนิต เป็น single corridor ทั้งหมด โดยที่ไม่ได้มีส่วนทางเดินที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลาง แต่ผู้พักอาศัยที่ชั้นนี้ก็ยังสามารถมองวิวของ Pavilion Pool ได้จากโถงลิฟท์
Pavilion Pool พร้อมทางเดินรูปตัว U (Hanging Pavilion) เชื่อมทางเดินระหว่าง Kid’s Lounge และ Yoga Studio บริเวณชั้น 8 เป็นอีกหนึ่งอัตลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญของ BEATNIQ
ชั้น 9, 14 – 23 เป็น Typical Floor Plan ไม่มีห้อง Duplex มาเจือปนครับ มีทั้งหมด 9 ยูนิตต่อชั้น โดยยูนิตที่มีขนาดเล็กที่สุดคือ 43 ตารางเมตร จะอยู่ทางทิศตะวันตกครับ…ห้องแบบสองห้องนอนจะถูกจัดวางเอาไว้บริเวณมุมทั้ง 3 ด้านครับ
ชั้น 10,12,24 เป็นชั้นที่มีห้อง 2 ห้องนอน Duplex อยู่ทางด้านทิศเหนือ
ชั้น 11,13 จะมีแค่ 7 ยูนิตเพราะว่า 2 ยูนิตคู่หน้าเป็นห้อง Duplex ครับ
ชั้น 25,27,29 มีความพิเศษคือมีห้อง 2 ห้องนอนแบบ Duplex ทางด้านทิศใต้เพิ่มขึ้นมาครับ จำนวนยูนิตทั้งชั้นมี 7 ยูนิต เพราะสองยูนิตคู่หน้าเป็นห้อง Duplex ของชั้น 24,26,28 (ผมรู้ว่าหลายคนเริ่มจะมึนเหมือนกับผมแล้ว ฮา)
ความแตกต่างเล็กๆของห้อง Duplex ทั้งสองฝั่งเมื่อมองจากภายนอกตึกก็คือ ยูนิตทิศเหนือด้านหน้าจะเป็น Duplex ที่มีกระจกยาวตามระยะความสูงของ Void ห้องรับแขก (ประมาณ 6 เมตร) แต่มีคานคั่นอยู่ภายนอกอาคาร ในขณะที่ห้อง Duplex ด้านหลังจะเป็นกระจกแยกชุดกัน
ชั้น 26,28 ก็มีแปลนห้องสองนอน Duplex ทั้งทิศเหนือและใต้ แต่ห้องคู่ทิศใต้จะเป็น Duplex ของชั้น 25 และ 27 ดังนั้นจำนวนยูนิตก็จะมีแค่ 7 ยูนิตเหมือนกันครับ
ชั้น 30 – 33 เป็น Penthouse Floor ที่มีการดีไซน์โถงลิฟท์ด้วยวัสดุพิเศษให้แตกต่างจากชั้นอื่น
ชั้น 30 มีห้องพิเศษ 3 ห้องนอน Duplex ขนาด 160 ตารางเมตร หน้ากว้างมากทางด้านทิศเหนือ
Zoom ยอดตึกมาให้ดูตั้งแต่ชั้น 30 – 34 ครับ
ชั้น 31 มีความพิเศษของห้องถึง 3 ห้องครับ…นั่นคือมีห้อง 2 นอนขนาด 121 ตารางเมตรทางด้านทิศใต้ที่มีระเบียงขนาดใหญ่ที่สุดเป็นรูปตัว L และห้องสองนอนเบอร์ 05 และ 09 มีเพดานสูงเป็นพิเศษถึง 3.5 เมตรครับ (ชั้นปกติมีความสูงที่ 2.8 เมตร)
แต่ห้องอื่นๆในชั้นนี้มีความสูงตามมาตรฐานที่ 2.8 เมตรครับ เนื่องจากด้านบน (ชั้น 32) ของห้องอื่นๆ เป็นพื้นที่สระส่วนตัวของ Pool Villa และพื้นที่ Sky Garden
ที่ชั้น 32 มีแค่ Pool Villa 2 ยูนิตเท่านั้น…นี่เป็นอีกหนึ่ง Penthouse Villa ในคอนโดใหม่ ที่หาไม่ค่อยได้ใน Mid Sukhumvit ครับ
นอกจากนั้นบนชั้น 32 ก็ยังมี Landscape Sky Garden ที่ไม่เพียงมอบความชุ่มชื่นของธรรมชาติสีเขียวชอุ่ม แต่ยังใส่อัตลักษณ์ที่สะท้อนความเป็นสถาปัตยกรรมแนว MCM ด้วย Spiral Staircase บันไดวนดีไซน์เก๋ เพื่อสร้างการเชื่อมต่อส่วน Penthouse – วนขึ้นไปยังส่วนกลางชั้น 34 และวนลงมาสู่พื้นที่สีเขียวของสวนลอยฟ้า
ชั้น 33 เป็น Penthouse แบบ 3 ห้องนอนมีขนาดเล็กกว่า Pool Villa ชั้น 32…ไม่สามารถมองลงไปดูสระว่ายน้ำส่วนตัวของชั้น 32 ได้นะ แต่ที่ได้มาชดเชยก็คือเพดานที่สูงถึง 3 เมตรครับ
ชั้น 34 เป็นพื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้า ประกอบด้วย Multipurpose room with outdoor recreational area และ semi-outdoor Jacuzzi pool โดยส่วนของ Jacuzzi Pool จะยกระดับขึ้นไปเป็น 34M ครับ
เราเข้าไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ ทางโครงการจัดมาให้ถึง 2 แบบ คือ 1 ห้องนอนขนาด 55 ตารางเมตร Type 1 A และ 2 ห้องนอนขนาด 107 ตารางเมตร Type 2A ครับ
โครงการขายแบบ Fully Fitted ให้อุปกรณ์ครัวครบถ้วนตามที่เห็น ห้อง Type นี้จะมีอ่างอาบน้ำ และกั้นพื้นที่ห้องต่างๆอย่างชัดเจน ต่างกับห้อง 1 ห้องนอนขนาด 43 ตารางเมตร ที่ไม่ได้ให้อ่างอาบน้ำ และห้องนอนถูกกั้นด้วยบานสไลด์ครับ
ประตูเป็น Digital Door Lock ของ Hafele ระบบการ์ดและกุญแจ รูปทรง Minimal มาก…ความสูงของประตูอยู่ที่ 2.6 เมตร เพราะเปิดเข้าไปจะเจอระยะ Drop ฝ้าของส่วนครัว
พื้นส่วนครัวเป็น Composite Marble ส่วนห้องนั่งเล่น และห้องนอนเป็น Engineered wood สี white oak โครงการ Drop ฝ้าไว้ทำรางผ้าม่านให้ ระบบไฟเป็น LED ทั้งหมด สามารถควบคุมได้ผ่าน Remote ครับ
Top เค้านท์เตอร์ครัวเป็น Composite Quartz หน้าบานตู้ด้านบนเป็น Hi Gross สีขาว ด้านล่างเป็นลายไม้ ตู้เก็บของ และตู้เก็บเครื่องซักผ้าทางด้านขวาก็ให้มาครบครับ…อ้อ ตู้เย็นเป็นแบบ Built in ครับ วันที่ผมเข้าไปมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปภายในตู้มาครับ
เตาไฟฟ้า และเตาอบไฮเอนท์แบรนด์ Kuppersbusch ก๊อกน้ำแบรนด์ Grohe
Living Room โครงการแต่งแบบจัดเต็มโดยเฉพาะ TV Cabinet แต่ส่วนนี้ของจริงได้เป็นพื้นที่โล่งๆครับ
ประตูบานสไลด์ กระจก และหน้าต่างของ BEATNIQ ให้เป็น Full Height ครับ จึงให้ความรู้สึกสูงโปร่ง เปิดรับทุกมุมมองการใช้งาน
ราวกันตกก็เป็นกระจกครับ ระบบปรับอากาศสำหรับห้อง 1 นอนเป็นแบบธรรมดา และห้อง 2 นอนจะเป็นแบบ VRV
ไปดูห้องนอนกันบ้างครับ ไฮไลท์ของห้องก็คือส่วนของตู้เสื้อผ้า ที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจกลุ่มคน Beatniq ที่ใส่ใจในเรื่องของแฟชั่น การแต่งกายมากครับ เพราะมี Dressing Table Built-in พื้นที่โต๊ะแต่งตัว ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิพันในการจัดวาง เพื่อรับแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาให้การแต่งตัว และแต่งหน้าของผู้พักอาศัยง่ายขึ้น และการวางเลย์เอ้าท์ของโต๊ะแต่งตัว ไม่เพียงแต่สะดวกกับการใช้งานที่เชื่อมต่อมาจากห้องน้ำ และ Walk in Closet แต่ยังไม่เกะกะสายตา ทำให้ขนาดห้องดูหว้างขึ้น…หินที่ใช้ทำ Dressing Table นั่นเรียกว่า Black Lauren ครับ แน่นอนว่าทั้งเซตนี้โครงการแถมให้ครบครับ
ห้องน้ำเป็น See Through Bathroom ประตูทางเข้าเป็นกระจก หินที่ใช้สีสันสะดุดตามากมาย มีชื่อเรียกว่า Nero Portoro จากอิตาลีครับ
ไปต่อที่ห้อง 2 ห้องนอน Type 2A ขนาด 107 ตารางเมตร ครับ ห้องนี้มีความพิเศษตรงฟังก์ชั่น Semi Outdoor ที่เป็นเสมือนห้องพิเศษเพิ่มขึ้นมา โดยที่สามารถเลือกเปิด-ปิดหน้าต่าง เพื่อปรับการใช้งานให้เป็น Balcony หรือเป็นพื้นที่ทำงาน แม้กระทั่ง ห้องนอนก็ได้ครับ เพราะมีเครื่องปรับอากาศให้
ในมุมมองผม ถ้าเป็นโครงการสมัยใหม่โครงการอื่น ด้วยห้อง Size ขนาดนี้ สามารถทำได้ 3-4 ห้องนอนเลยครับ แต่นี่คือ BEATNIQ ที่ซึ่งยึดมั่นในปรัชญา Form Follows Function (Life) เราจึงได้เห็นห้องขนาดใหญ่ แต่มีฟังก์ชั่นครบทั้ง semi outdoor, ห้อง Yard, ห้องน้ำ 3 ห้อง ภายในห้องขนาด 2 ห้องนอนครับ
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องน้ำแขกและตู้เก็บของก่อนเลยครับ
จากนั้นจึงเป็นในส่วนของพื้นที่ Living Room ที่เปิดกว้างต่อเนื่องไปถึงส่วนของ Semi Outdoor และห้องครัว
พื้นที่ครัวใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าจากห้อง 1 นอนครับ…ตู้เย็น Built in ในรูปเป็นของ Mock Up ครับ ของจริงสวยงามกว่านี้ครับ
พื้นที่ Semi outdoor ของห้องนี้ใหญ่พอๆกับห้องนอนเลยครับ สังเกตที่ลายของหิน ยิ่งกว่าห้องน้ำอีกครับ มีชื่อเฉพาะว่า Portoro Gold โครงการให้แบบนี้เลย ยกเว้นชุดโต๊ะและเก้าอี้ครับ
ถัดจากห้อง Semi Outdoor ก็จะเป็นส่วนของห้อง Yard พื้นที่สำหรับซักล้าง เก็บอุปกรณ์ วาง Boiler เครื่องซัก-อบผ้า และคอมเพรสเซอร์แอร์…ของจริงตู้เก็บของแขวนผนังไม่ได้ให้มานะครับ
ไปห้องนอนเล็กกันบ้างครับมีพื้นที่ห้องน้ำในตัว แตกต่างจากห้องแบบ 2 ห้องนอนทั่วไปที่ต้องมาใช้ห้องน้ำบริเวณส่วน Living ครับ
ห้องน้ำเป็นแบบ see through ส่วนห้องอาบน้ำ เห็นชัดเจนทั้งจากภายในและภายนอก
ห้อง Master Bedroom มีอ่างอาบน้ำ ให้และเป็นแบบ see through เช่นเดียวกันครับ
มาดูวิวของแต่ละด้านกันบ้างครับ
ทิศเหนือด้านหน้าโครงการ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นวิวของห้อง 2 ห้องนอน Type 2A จะได้วิวทองหล่อ
ทิศตะวันตกจะเห็นวิวตึกสูงฝั่งพร้อมพงษ์ The Em District ซึ่งเค้าว่ากันว่าตอนกลางคืนไฟสวยงามมากมาย… รวมถึงคอนโดหลายแห่งอย่าง Waterford, The Address Sukhumvit 28, Noble Refine, The Madison, Marque
ทิศใต้ค่อนข้างโล่ง เห็นยาวไกลไปถึงถนนพระรามสี่
BEATNIQ น่าซื้อไหม และเหมาะกับใคร?
ย้อนกลับไปที่คำถามที่ผมนึกเอาไว้ในตอนต้น ว่าราคาของ BEATNIQ จะมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรสูงแค่ไหน คำตอบที่ผมได้รับก็ถือว่ามีราคาที่สูงอยู่ในระดับคอนโดในกลุ่มเซกเมนต์ Ultra Luxury ล่ะครับ คือราวๆตารางเมตรละ 270,000 บาท…แต่ในขณะเดียวกันถ้าเอาราคานี้ไปเปรียบเทียบกับคอนโดใหม่ในเซกเมนต์เดียวกัน เฉพาะในทำเลพร้อมพงษ์-ทองหล่อนี้ ก็นับว่า BEATNIQ มีราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่าโครงการอื่นๆครับ ไม่ว่าจะเป็นโครงการอย่าง The Bangkok Sukhumvit 38 หรือ The Bangkok Thonglor 5 ก็ล้วนแล้วแต่มีราคาเฉลี่ยเกิน 3 แสนบาทต่อตรม.และเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีราคาเกิน 22 ล้านทั้งสิ้น…หรือจะไปเปรียบเทียบกับโครงการ Circle ปากซอย 36 ก็น่าจะมีราคาที่เกิน 3 แสนบาทต่อตรม. เช่นกัน นี่ยังไม่นับรวมโครงการอีกอย่างน้อย 3 โครงการที่อยู่ลึกเข้าไปในซอยทองหล่อ เช่น Tela, The Monument และอีกหนึ่งโครงการจากแสนสิริ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีราคาสูงพอๆหรือมากกว่า BEATNIQ ทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นหากเราเอาราคานี้ไปถามกลุ่มคนที่มองหาคอนโดระดับนี้ และซื้อเก็บเป็น Collection อยู่แล้ว BEATNIQ ก็เลยกลายเป็นของที่หยิบจับได้ง่ายกว่าสำหรับกลุ่ม Hipster มหาเศรษฐีครับ…ผมมองว่า BEATNIQ นั้นกล้ามากที่จะ Focus กลุ่มเป้าหมายของโครงการให้แคบเข้าไปอีก โดยการวางคอนเซปท์ของโครงการที่ไม่ได้อิงตามกระแสนิยม ดังเช่น โครงการไฮเอนท์อื่นๆ บางทีการ Focus ที่ชัดเจนแบบนี้ก็อาจจะเป็นข้อดีในการ filter กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ครับ เพราะเวลานี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน คอนโดไฮเอนท์ก็ไม่ค่อยจะมีความแตกต่างในรูปลักษณ์ และประโยชน์การใช้สอยเท่าไหร่นัก
การวางคอนเซปท์แบรนด์ สำหรับโครงการที่ยึดหลักปรัชญา Form Follows Function นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายในการขายของให้ Sold out ได้เร็ว เพราะนั่นหมายถึงคนที่อยู่อาศัยต้องเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวเองถึงจะสัมผัสถึงรูปแบบ และฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่โครงการได้จัดสรรเอาไว้ให้ในพื้นที่ส่วนกลาง จนถึงภายในห้อง ด้วยเหตุนี้ BEATNIQ จึงเลือกสโลแกน Form Follows Life เข้ามาใช้ โดยคำว่า Life ในที่นี้ถูกสื่อให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่มากกว่าคำว่า Function ครอบคลุมไปถึงไลฟ์สไตล์และจิตวิญญาณของผู้พักอาศัยที่มีรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ ยากจะหาใครมาเลียนแบบ ยิ่งโครงการตั้งอยู่ในทำเลกึ่งกลางระหว่างพร้อมพงษ์และทองหล่อ…ทำเลที่ครบเครื่องในเรื่องไลฟ์สไตล์มากที่สุดในยุคปัจจุบัน และเป็นสถานที่รวมตัวกันของคนยุคใหม่ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง จึงทำให้ BEATNIQ เป็นโครงการที่ชัดเจนมากทั้งในเรื่องสไตล์ และกลุ่มเป้าหมาย กล่าวคือหากคุณมีรสนิยมแบบชาว BEATNIQ และมีกำลังพอที่จะซื้อได้ นี่คือโครงการเดียวในกรุงเทพฯที่เหมาะกับคุณที่สุดครับ
ในแง่การซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้น ตอนนี้ตลาดไม่เป็นใจเท่าไหร่ แต่มีประเด็นที่สำคัญคือโครงการ BEATNIQ มีห้องพิเศษ อยู่ประมาณไม่ถึง 10 ห้องครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องเพดานสูง 3.5 เมตร เพียงแค่ 2 ยูนิต ห้อง Pool Villa หรือว่าจะเป็นห้อง 3 นอน Duplex หน้ากว้างเพียงห้องเดียวในตึก และห้องชั้น 8 ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง...ผมว่าห้องเหล่านี้จะมี Value เพิ่มขึ้นมากกว่าห้องโหมดปกติมาก เมื่อถึงเวลาที่ตึกสร้างเสร็จ
โครงการได้ชิมลางขายในส่วนของลูกค้าเก่าเมื่อปลายปีที่แล้ว และได้ไปขายที่ฮ่องกงมา ผลตอบรับที่ได้ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจ คือขายได้ถึง 70% จากจำนวนยูนิตที่เปิดขาย โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 – 28 นี้ ในราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท…ใครสนใจก็ขอเชิญไปลงทะเบียนได้เลยที่ www.beatniq32.com
แพคเกจการจ่ายเงินคือ จอง ทำสัญญา และผ่อนดาวน์รวมกันอยู่ที่ 20% ไม่มากเกินไปสำหรับเหล่านักช้อปกระเป๋าหนัก
ระยะยาวผมค่อนข้างมั่นใจว่า ราคายังสามารถไปต่อได้อีก เนื่องจาก Gap ราคาของโครงการที่กำลังจะเปิดใหม่ในปีนี้ ยังสูงกว่า BEATNIQ อยู่ พอสมควร ที่สำคัญก็คือตอนนี้ BEATNIQ ผ่าน EIA เรียบร้อยแล้ว และทางโครงการกำลังยื่นขอ 39 ทวิเพื่อให้ทางผู้รับเหมาเริ่มงานในวันที่ 1 มี.ค. 59!!! สร้างเสร็จก่อนย่อมได้เปรียบครับ
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
ยิ่งโครงการตั้งอยู่ในทำเลกึ่งกลางระหว่างพร้อมพงษ์และทองหล่อ...ทำเลที่ครบเครื่องในเรื่องไลฟ์สไตล์มากที่สุดในยุคปัจจุบัน และเป็นสถานที่รวมตัวกันของคนยุคใหม่ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง จึงทำให้ Beatniq เป็นโครงการที่ชัดเจนมากทั้งในเรื่องสไตล์ และกลุ่มเป้าหมาย กล่าวคือหากคุณมีรสนิยมแบบชาว Beatniq และมีกำลังพอที่จะซื้อได้ นี่คือโครงการเดียวในกรุงเทพฯที่เหมาะกับคุณที่สุดครับ
PROPSCORE™ 3.6
4.1
1 รีวิว รูป
ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ
12 ปี กรุงเทพมหานครเปลี่ยนไปแค่ไหน?
EURO ยกระดับ Design District ใจกลางทองหล่อ เปิดตัว Poltrona Frau Monobrand Store แห่งใหม่! ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า
สโคป หลังสวน เผยโฉมครั้งแรกกับยูนิตพิเศษ “The Debonair Edition” 2-bedroom เลย์เอาต์ใหม่ ที่จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่า
นิว อีโว พัฒนาการ คอนโดฟีลบ้าน สเปซกว้าง เลี้ยงสัตว์ได้* ใกล้ทองหล่อ และรถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.95 ล้าน*
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและส่งมอบ Living Solutions เพื่อทุกเช้าที่ดี” ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้หุ้นกู้ชุดใหม่มียอดจองซื้อเกินเป้าที่ตั้งไว้