UN เริ่มส่งสัญญาณ องค์กรอสังหาฯ ไทยต้องคิดใหม่ ก่อนโลกจะเปลี่ยนไป
บทความนี้ Propholic.com จะกล่าวถึงสัญญาณเตือนและนำเสนอเกี่ยวกับเป้าหมายของ United Nation (UN) ที่จะกลายเป็นทิศทางใหม่ของเมืองและผู้พัฒนาอสังหาฯ และจะบอกว่าทำไมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยต้องเปลี่ยนทิศทางให้ก้าวเดินสู่ความยั่งยืนให้ทันสถานการณ์โลก
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราทุกคนกำลังอยู่ในวันที่โลกทั้งใบกำลังหาทางรอดจากวิกฤตภูมิอากาศ เศรษฐกิจ และความเหลื่อมล้ำ องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้สรุปภาพของประเทศไทยไว้อย่างชัดเจนใน UN Annual Results Report 2024 ว่า “ประเทศไทยยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนของการพัฒนา” จุดที่การวัดความสำเร็จทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพออีกต่อไป แต่ต้องก้าวไปสู่ความมั่นคงที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความยั่งยืน (Sustainablity) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สิ่งที่น่าสนใจคือ รายงานฉบับนี้ไม่ได้พูดถึงรัฐบาลหรือหน่วยงานระหว่างประเทศเท่านั้น แต่พูดถึงบทบาทของภาคธุรกิจด้วย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะการก่อสร้าง เมือง ที่อยู่อาศัย และโครงสร้างพื้นฐาน คือจุดเชื่อมระหว่าง “เศรษฐกิจ” กับ “สิ่งแวดล้อม” โดยตรง และยังเป็นพื้นที่ที่มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน หากภาคอสังหาริมทรัพย์ไม่ขยับ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของไทยก็จะไม่มีวันไปถึง
ภาพสรุป SDGs (Sustainable Development Goals) จาก https://thailand.un.org/
เศรษฐกิจไทยในปี 2024 ฟื้นตัวจากช่วงโควิดได้ในระดับหนึ่ง โดย GDP เติบโต 2.5% จาก 2.0% ในปีก่อนหน้า การบริโภคในประเทศและการท่องเที่ยวเป็นแรงขับหลัก แต่รายงานของ UN ก็ชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงสำคัญว่า “โครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง” หนี้ครัวเรือนยังสูง ธุรกิจขนาดกลางและเล็กแข่งขันได้ยาก และแรงงานกว่า 50% อยู่ในระบบนอกทางการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและแรงงานต่างชาติที่ไม่มีหลักประกันด้านสุขภาพหรือสวัสดิการ ความจริงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์ต้องเริ่มมองให้ลึกกว่าการเติบโตทางตัวเลข ต้องมองว่าระบบที่เราสร้างขึ้นนั้นยั่งยืนและครอบคลุมพอหรือยัง
รายงานของ UN ยกย่องประเทศไทยว่าเป็นหนึ่งในประเทศแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออกแบบนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศอย่างจริงจัง ภายใต้เป้าหมาย “คาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065” ประเทศกำลังผลักดันร่างกฎหมายสำคัญสองฉบับคือ Climate Change Act (ร่างพ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) และ Clean Air Act (ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด) ซึ่งจะบังคับให้ภาคธุรกิจทุกประเภท รวมถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต้องรายงานปริมาณการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นระบบ และร่วมรับผิดชอบต่อการลดมลพิษในระดับพื้นที่ การมีกฎหมายเช่นนี้หมายถึง “ความยั่งยืนจะไม่ใช่เรื่องสมัครใจอีกต่อไป” แต่มันจะกลายเป็นเงื่อนไขที่ต้องทำของการดำเนินธุรกิจ
ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ อาคารทุกหลัง โครงการทุกแห่ง และการลงทุนทุกบาท จะถูกวัดจาก “รอยเท้าคาร์บอน Carbon footprint” และ “ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงต้องเริ่มคิดใหม่ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การเลือกวัสดุก่อสร้างที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การออกแบบที่ใช้พลังงานหมุนเวียน การรีไซเคิลน้ำ การจัดการขยะในไซต์ก่อสร้าง ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์หรือรางวัล แต่คือ “มูลค่าทางเศรษฐกิจใหม่” ที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ



