“Continue/Connect/Contribute” 3 กุญแจสำคัญของ แอสเซทไวส์ ในการรุกตลาดอสังหาฯเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน
“แบรนด์ KAVE จะต้องเป็นแบรนด์ที่กระจายตัวไปยัง Cluster มหาวิทยาลัยบนทำเลใหม่ๆมากขึ้น ในฐานะที่เป็น Top of Mind ของคอนโดในเซกเมนท์ Campus Condo ที่เราปลุกปั้นมากว่า 5 ปี จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ปกครองและน้องๆนักศึกษา แม้ว่าบางแห่งจะมีมากถึง 2,000 กว่ายูนิต แต่ก็ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีคนเข้าคิวจองเพื่อซื้ออยู่เองจริงๆ ปัจจุบันเรามี Kave มากถึง 9 โครงการมูลค่า 14,700 ลบ. โดยในปีนี้จะมี Sub Brand ของ Kave อีกทั้งหมด 5 แบรนด์บนมูลค่าถึง 9,000 ลบ. เกาะบริเวณทำเล 5 มหาวิทยาลัยหลัก ทั้ง Kave POP Salaya ที่มหาวิทยาลัยมหิดล Kave Wonderland ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Kave Town Island ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ Kave Coco Bangsaen ที่มหาวิทยาลัยบูรพา และ Kave Embryo Rangsit ที่ราชมงคลธัญบุรี ถ้าถามว่าทำไมคนชอบ Kave ก็ต้องบอกว่า สำหรับคนซื้ออยู่เองที่นี่สามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตของนักศึกษาและชุมชนโดยรอบได้เป็นอย่างดี ส่วนคนซื้อลงทุนนอกจากจะขายต่อได้กำไรง่ายๆแล้ว ยังสร้าง Yield ได้ถึง 7% เป็นมาตรฐาน บางโครงการก็ได้ถึง 10% โดยในปีนี้นอกจาก Kave จะรุกอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ยังมีอีก 2 แบรนด์หลักอย่าง Atmoz ที่มาพร้อม Brand Idea ใหม่คือ Urban Refresh ถึง 2 โครงการกับ Atmoz Palacio Ladprao – Wanghin และ Atmoz Season Ladkrabang นอกจากนั้นก็ยังมี Modiz คอนโดสูงที่ไม่ได้พัฒนาโครงการใหม่มาหลายปีแล้วเปิดใหม่อีก 2 โครงการ…” คุณกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพรวมให้เห็นถึงกลยุทธ์แรกของ ASW ในการรุกตลาดอสังหาฯปีนี้อย่าง Continue, Connect และ Contribute ที่ตั้งเป้าว่าจะนำพาบริษัทพุ่งทะยานไปสู่ยอดนิวไฮด้วยการโกยยอดขายกว่า 15,000 ล้านบาท โดยมียอดโอนรับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท
สำหรับ 3 กลยุทธ์หลัก “Continue/Connect/Contribute” เพื่อรุกโปรดักต์ครอบคลุมแนวสูงและแนวราบ และสร้างการเติบโตต่อเนื่อง มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. Continue: บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดตั้งแต่บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมา จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 22,500 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนคอนโดมิเนียมฯ 70% และโครงการแนวราบ 30% แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคฟ (Kave), แบรนด์แอทโมซ (Atmoz) และแบรนด์โมดิซ (Modiz) จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,830 ล้านบาท และโครงการบ้าน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,670 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (The Honor) และ แบรนด์แนวราบน้องใหม่กับ แบรนด์ดิ อาร์เบอร์ (The Arbor) เพื่อเปิดประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ เตรียมขยายกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้ที่ 7,200 ล้านบาท