คอนโดมิเนียมในเมืองกรุงมีหลายรูปแบบหลายสไตล์ ซึ่ง ณ ปัจจุบันรูปแบบที่คนส่วนใหญ่นิยมมากที่สุดคือคอนโดมิเนียม High-rise ลักษณะตึกสูงเกิน 14 ชั้นขึ้นไป ยิ่งใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะสะดวกสบาย พอเจ้าไหนเปิดโครงการตึกสูงใกล้รถไฟฟ้ามาปั๊บก็จะมีคนมากมายต่างแย่งจองกันคล้ายกับแจกฟรี แนวคิดการเลือกที่อยู่อาศัยแบบนี้อาจจะ in trend ในตอนนี้ แต่ว่าอนาคตอาจจะ out trend ก็เป็นไปได้ เพราะการเลือกคอนโดมิเนียมจะค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม เรามาดูว่า ต่อไปเทรนด์ความสนใจจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

1. High rise, High rise, High rise เทรนด์คอนโดตึกสูงใกล้รถไฟฟ้าจะเริ่มเฟ้อและรูปแบบโครงการเริ่มซ้ำๆ กัน คนจะเริ่มมองหาตึกสูงที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นแทน

เมื่อรถไฟฟ้าในกรุงเทพเริ่มมีสถานีส่วนต่อขยายมากขึ้น เราจะยิ่งเห็นคอนโดตึกสูงใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้นทุกวัน เปิดโครงการใหม่มากมาย ยกตัวอย่างในตอนนี้ที่มีหลายโครงการพร้อมอยู่หรือกำลังก่อสร้างตามสถานีต่างๆ ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสีเขียวสมุทรปราการ รถไฟฟ้าสีเขียวเหนือ มีโครงการใหม่ๆ ผุดขึ้นทุกเดือน และนั่นก็อาจจะเป็นสัญญาณที่ใกล้เคียงกับคำว่า “เฟ้อ” สำหรับคอนโดประเภทนี้ไปแล้ว คอนโดตึกสูงใกล้รถไฟฟ้าจากเดิมสมัยก่อนที่สถานีรถไฟฟ้ายังมีจำนวนน้อย การได้ครอบครองคอนโดใกล้รถไฟฟ้าถือว่าเป็น Rare Item หายาก เป็นจุดแตกต่าง แต่วันนี้ก็เริ่มจะเหมือนๆ กัน ไม่ค่อยต่างเท่าไหร่แล้ว และรูปแบบโครงการก็เริ่มจะซ้ำวนๆไปมาเพราะด้วยข้อกฎหมายการก่อสร้างและเหตุผลด้านการขาย การออกแบบก็มักจะหนีไม่พ้น มีตึกตรงกลางแปลงที่ดิน ล้อมรอบด้วยเส้นทางเดินรถ ด้านล่างมีลานจอดรถหลายชั้น มีสระว่ายน้ำอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกจอดรถประมาณชั้น 5-7หรือบางแห่งก็ยกเอาสระว่ายน้ำขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า Rooftop ชมวิวท้องฟ้า เป็นสระว่ายน้ำบนตึกที่มีอาณาเขตจำกัด เพราะด้วยการออกแบบที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานเป็นหลัก ทำให้รูปแบบความหวือหวา หรืองาน Landscape design ก็ไม่สามารถ “เล่นใหญ่” ได้เพราะแค่พื้นที่โครงการก็จำกัดมาก บรรจุอยู่ในพื้นที่ 2-3 ไร่ เป็นต้น สำหรับคนที่ดูคอนโด High-rise บ่อยๆ จะเริ่มรู้สึกเบื่อๆ กับพื้นที่ส่วนกลาง แบบของห้องที่วนเวียนซ้ำกันไปมา จึงมองหารูปแบบใหม่ๆ แปลกตา หรือถ้าเบื่อมากก็จะกระโดดไปพักโรงแรมต่างจังหวัด ไปหาบรรยากาศธรรมชาติ พื้นที่กว้างๆ ให้สบายตัวสบายใจทดแทนกันไปเลย คอนโดตึกสูงใกล้รถไฟฟ้าจะมีความหนาแน่นของตึกสูงๆ ด้วยกันสร้างขึ้นบังวิวกันไปมา ดังนั้นเทรนด์ต่อไปของคอนโดตึกสูงคือ คอนโด “ตึกสูงที่อยู่ในโลเคชั่นไม่ซ้ำกับใคร” หรือตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่แปลกแตกต่างจากคนอื่น เช่น ตึกสูงเดี่ยวๆ ตึกวิวธรรมชาติ วิวแม่น้ำ วิวทะเล วิวนา วิวแสงสีเมืองแบบไกลลิบๆ วิวดวงอาทิตย์อัสดงแบบไร้ตึกสูงบังตา เป็นต้น

Politan Aqua ตึกสูงวิวแม่น้ำที่แทบจะไม่มีตึกสูงบังตาเลย แถมมองเห็นเกาะเกร็ดซึ่งเป็นวิวที่ไม่ซ้ำใคร

โครงการที่เข้ากับเทรนด์ “ตึกสูงวิวมีเอกลักษณ์เฉพาะ” เช่น คอนโดวิวแม่น้ำโล่งแจ้งอย่าง Politan Rive และ Politan Aqua  คอนโดวิวตะวันตกดินอย่าง The Base Phetkasem คอนโดวิวท้องนา a Space ME Bangna คอนโดวิวถนนสามง่าม C Ekkamai คอนโดวิวทะเลใกล้กรุง The President Sukhumvit-Samutprakan

2. Seeking for Real Home เทรนด์หาบ้านพักผ่อนจริงๆ ไม่ใช่แค่ที่ซุกหัวนอนชั่วคราว

คนเมืองเริ่มแสวงหา “First and Last Home” หาคอนโดในเมืองเพื่อการอยู่อาศัยเป็นบ้านจริงๆ ซื้อแบบไม่ขายต่อ หาซื้อคอนโดมิเนียมที่จะรองรับกับอนาคตได้ ที่ที่รองรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวได้ มองหาบ้านเพื่อการพักผ่อน แบบ Real Home ค้นหาความเงียบสงบ ไม่ใช่แค่หาบ้านหลังที่ 2 ที่ใช้เป็นห้องพักซุกหัวนอนในวันทำงานอย่างเดียว และด้วยราคาค่าเดินทางสูงขึ้น  ที่ดินทำโครงการทาวน์เฮาส์บ้านเดี่ยวก็นับวันยิ่งแพงขึ้น ถ้าอยากได้บ้านทาวน์เฮาส์ราคาถูกก็ต้องแลกกับโลเคชั่นที่ไกลโพ้น ถ้าทำเลใกล้เมืองก็แพงแสนแพง และรูปแบบสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้ชีวิตอาจไม่เหมาะกับการอยู่บ้านคนเดียวหรือสมาชิกน้อยคน เพราะต้นทุนการดูแลบ้านพร้อมที่ดินนั้นสูง ไม่มีเวลาดูแลบ้าน ไหนจะต้องลงทุนเวลามากกับการเดินทางอีก ดังนั้นเทรนด์การเลือกคอนโดมิเนียมแบบ “ซื้อรอบเดียวจบอยู่ยันแก่” จะเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นสำหรับคนยุคใหม่ที่มีพี่น้องน้อยลง เป็นลูกคนเดียวที่มีพ่อแม่แก่เฒ่าเดินเหินขึ้นบันไดยาก เมื่อมีลูกหลานตัวน้อยๆ ออกมา จะฝากพี่เลี้ยงเด็กสมัยนี้ก็เป็นความเสี่ยง คุณพ่อหรือคุณแม่จะลาออกมาเลี้ยงลูกเต็มตัวก็ไม่ได้เพราะรายได้จะหดหาย ทางออกที่นิยมคือให้คุณย่าคุณยายวัยเกษียณมาดูแลลูกตอนที่พ่อแม่ไปทำงานนั่นเอง เหตุผลเหล่านี้ล้วนสนับสนุนให้เทรนด์คอนโดมิเนียมในอนาคตจะต้องเป็นรูปแบบห้องที่ใหญ่กว่าเดิม เหมาะกับกลุ่ม Family ที่มีสมาชิกอยู่อาศัย 3-5 คน  เช่นแบบนี้  3 คน พ่อ+แม่+ลูกโสด, 4 คน พ่อ+แม่+ลูก+แฟนลูก, 5 คน พ่อ+แม่+ลูก+แฟนลูก+หลาน เป็นต้น รูปแบบห้องที่ต้องการจะมีห้องนอนอย่างน้อย 2 ห้องนอนเป็นอย่างต่ำ มีห้องนั่งเล่นส่วนกลางที่ใหญ่พอทำกิจกรรมเลี้ยงลูก มีพื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง มีสระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น มีพื้นที่ให้ลูกเล่นหลากหลาย เพื่อลดกิจกรรมออกนอกบ้านที่มักจะต้องเสียเงินมาก   มีพื้นที่ครัวทำอาหารแบบจริงจังได้เพราะต้องการประหยัดค่าอาหาร มีสังคมให้ปู่ย่าตายายเพื่อผ่อนคลายจากความเบื่อหน่าย มีเพื่อนบ้านที่รู้จักมาช่วยดูแลในยามจำเป็น มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แหล่งอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ความต้องการบ้านจริงๆ ที่เงียบสงบ สะดวกสบาย  ไซส์ห้องที่เหมาะสมกับครอบครัว คือคำตอบที่คนคอนโดเทรนด์ใหม่ในไทยกำลังมองหา แต่เทรนด์แบบนี้เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่นเค้าเป็นแบบนี้มานานแล้ว

ตัวอย่างรูปแบบยูนิตขนาดใหญ่เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัว (โครงการ Chamber Cher)

โครงการที่เข้ากับเทรนด์นี้ “Real Home” เช่น Niche Mono Peak Bangna, Chamber Cher, Chamber Chaan, Floraville condo Pattanakarn 51

3. Townhouse vs Condominium เทรนด์คอนโดมิเนียมห่างไกลเมือง มีที่จอดรถเยอะหรือ 100% แต่ราคาต้องไม่แพงเกินทาวน์เฮาส์ในย่านเดียวกัน

สืบเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวขยายยุคใหม่ต้องการที่พักอาศัยใหญ่กว่า 1 ห้องนอน ส่วนมากจะมองหาทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวที่ไกลตัวเมือง แต่ก็มีหลายคนที่อยากได้พื้นที่เยอะ ฟังก์ชั่นยืดหยุ่นดีเหมือนทาวน์เฮาส์และต้องการ Facility แบบคอนโดเพราะติดใจความสะดวกสบาย จึงมองหาคอนโดมิเนียมที่ไกลเมืองออกมาหน่อย แต่ขอมีที่จอดรถยนต์ 100% มาจอดแล้วไม่ผิดหวัง มีตัวเปรียบเทียบราคาคือทาวน์เฮาส์ในย่านใกล้เคียง ถ้ามีโครงการคอนโดมิเนียมใดราคาเท่าหรือต่ำกว่าทาวน์เฮาส์ในย่านนั้นแล้ว ตัวเลือกคอนโดมิเนียมจะดูน่าสนใจขึ้นมาแทนทันทีเพราะสะดวกกว่า ถูกกว่า ไม่ต้องดูแลมาก

ตัวอย่างภาพที่จอดรถ 100%

โครงการที่เข้ากับเทรนด์นี้ “ไกลเมือง ที่จอด 100%” เช่น  Niche Mono Peak Bangna , Maison Garden Chaengwattana

4. เทรนด์คอนโดมิเนียมสไตล์ Luxury Private Residence รีสอร์ทกลางเมือง ซอยลึก บนพื้นที่แปลงใหญ่จุใจ

แท้จริงแล้วคอนโดมิเนียมบนพื้นที่แปลงที่ดินใหญ่ สไตล์รีสอร์ทบ้านพักตากอากาศกลางเมืองกรุงแบบนี้เป็นโครงการที่หายาก เพราะด้วยเหตุผลว่าแปลงที่ดินขนาดใหญ่ระดับ 10 ไร่นั้นหายากมากขึ้นทุกวัน โอกาสที่นายหน้าจะรวบรวมแปลงที่ดินใหญ่ๆ เพื่อส่งต่อให้บริษัทพัฒนาโครงการนั้นยิ่งลำบากมากขึ้น เพราะยิ่งเจ้าของที่ดินจำนวนมากคนเท่าไหร่ก็ยิ่งมากความ เหตุการณ์โก่งราคาที่ดินจนทำให้ปิดดีลการซื้อขายที่ดินยากขึ้น หรือถ้าปิดดีลได้จริงก็อาจจะส่งผลทำให้ราคาคอนโดมิเนียมมีราคาแพง ดังนั้นแปลงที่ดินขนาดใหญ่ระดับ 10 ไร่ในเมืองกรุงเริ่มน้อยลงและกลายเป็น Rare item ขึ้นมา คนจะเริ่มมองเห็นคุณค่าที่ดินขนาดใหญ่ในเมืองกรุงเพื่อนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low-rise ระดับ Luxury ที่มี Landscape สวยล้ำโลดแล่นได้ตามจินตนาการของสถาปนิกเพราะข้อจำกัดที่ไม่แน่นมากเหมือนโครงการ High-rise ใกล้รถไฟฟ้า

ต่อไปในอนาคตเราอาจจะได้เห็นโครงการคอนโดบ้านพักตากอากาศในกรุงที่อยู่ในซอยคดเคี้ยว ลึก เงียบสงบ แต่พอหลุดเข้าไปในอาณาเขตแล้วเหมือนเปลี่ยนไปอีกโลกหนึ่งทันที สระว่ายน้ำใหญ่จัดเต็ม ต้นไม้เยอะๆ สวนสวยๆ ลักษณะการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ยิ่งใหญ่กว่าโรงแรมตามเมืองท่องเที่ยว โครงการมีความเป็นส่วนตัว มีความเป็น Private Residences คล้ายตำหนักส่วนตัว คอนโดมิเนียมแบบนี้จะเริ่มเป็นนิยมในตลาดที่ต้องการบ้านเพื่อพักผ่อนจริงจัง หรือต้องการ Hideaway Place เพื่อหลบหนีความวุ่นวายของตัวเมืองแบบที่ไม่ต้องขับรถไปไกลๆ ถึงพัทยา หัวหิน หรือเขาใหญ่

ตัวอย่างคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทกลางเมือง Unio Sukhumvit 72

โครงการที่เข้ากับเทรนด์นี้  “รีสอร์ทกลางเมืองและมีความเป็น Private Residence” เช่น Element Srinakarin

โครงการต่อไปอาจจะไม่ใช่ Luxury Private Residence แต่มีบรรยากาศรีสอร์ทกลางเมือง ได้แก่ Ideo O2, Elio Del Ray, Unio Sukhumvit 72, Hallmark Ngamwongwan

เทรนด์การอยู่อาศัยที่เขียนมาอาจจะไม่ใช่เทรนด์การอยู่อาศัยกระแสหลักในตอนนี้ แต่ว่าจะเริ่มเป็นที่สนใจของกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆ ที่เรียกว่า Early Adopter และกระแสเหล่านี้จะเริ่มเป็นที่นิยมเติบโตไปตามลำดับ ตามเวลาและความคิดของคน เป็นประเด็นที่รอจับตามองความเคลื่อนไหวของแนวคิดการเลือกที่อยู่อาศัยและเพื่อเป็นไอเดียให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไปในอนาคต