รู้หรือไม่? กรุงเทพมีพิพิธภัณฑ์ที่เปิดดำเนินการอยู่ 243 แห่ง

ถือได้ว่าในกรุงเทพเองมีพิพิธภัณฑ์อยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่รวบรวม เก็บรักษา และบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัย ซึ่งพิพิธภัณฑ์เหล่านี้กระจายตัวอยู่ในเกือบทุกเขตของกรุงเทพ โดยเฉพาะบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ที่มีพิพิธภัณฑ์อยู่ค่อนข้างหนาแน่น เช่น

ที่มา: http://www.sac.or.th/databases/museumdatabase/search_by_map.php

นิทรรศน์รัตนโกสินทร์

พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยที่จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ข้อมูล และแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน เป็นกลุ่มอาคารสีเหลือง ย้อนยุคแบบคลาสิค 3 ชั้น  ที่ปลายของอาคารทั้งสองด้าน มีชั้นที่สี่สำหรับเป็นจุดชมวิวในมุมสูง ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกรุงรัตนโกสินทร์ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ประกอบด้วยสื่อจัดแสดงหุ่นจำลอง การนำสื่อผสมเสมือนจริงสี่มิติ (4D) สื่อมัลติทัช มัลติมีเดียอะนิเมชั่น ในลักษณะอินเตอร์แอคทีฟ เซล์ฟ เลิร์นนิ่ง (Interactive Self-learning) นอกจากนิทรรศการแล้ว ภายในยังมีพื้นที่สำหรับนิทรรศการหมุนเวียน (Event Hall)

ที่มา http://travel.kapook.com/view16834.html

เครดิตภาพ http://www.foremostomega.com/explorer/ย้อนเวลาหาอดีตชมนิทรรศน์รัตนโกสินทร์

มิวเซียมสยาม

มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ (Museum Siam: Discovery Museum) ภายใต้ สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้น การสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบของ แหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์ และช่วยยกระดับมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไทยเกี่ยวกับการสร้างสำนึกในการรู้จักตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน และรู้จักโลก รวมถึงการสร้าง “แนวคิดและภาพลักษณ์ใหม่” ของพิพิธภัณฑ์ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และกิจกรรมสร้าง สรรค์ เพื่อให้การเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานยิ่งขึ้น

ที่มา https://www.museumsiam.org/About

เครดิตภาพ http://www.rakluke.com/lifestyle/7/23/692/มิวเซียมสยาม-พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร แต่เดิมเป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ต่อมาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นที่ศาลาสหทัยสมาคม เรียกว่า “มิวเซียม” แล้วจึงย้ายมาไว้ที่วังหน้าของกรมพระราชวังบวรฯ สิ่งที่น่าสนใจนอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีวัดบวรสถานสุทธาวาส ตั้งอยู่ภายในบริเวณวังหน้าใกล้กับโรงเรียนช่างศิลป์ วัดนี้เรียกกันว่า “วัดพระแก้ววังหน้า” พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย และชาติเพื่อนบ้าน  นับเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทยสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2402 จัดแสดงข้อมูลทางด้านประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี และชาติพันธุ์วิทยา

ที่มา http://thai.tourismthailand.org/สถานที่ท่องเที่ยว/พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ-พระนคร–67

เครดิตภาพ http://travel.kapook.com/view54866.html

พิพิธบางลำพู

ตั้งอยู่บนถนนพระอาทิตย์ ริมคลองบางลำพู ใกล้กับป้อมพระสุเมรุ โดยกรมธนารักษ์ดำเนินการบูรณะซ่อมแซมอาคาร โรงพิมพ์คุรุสภา (โรงเรียนช่างพิมพ์วัดสังเวช) เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ และศูนย์การเรียนรู้เชิงการศึกษาวัฒนธรรมชุมชน  เป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ซึ่งประยุกต์การ แสดงวัตถุและการเล่าเรื่องเชิงประวัติศาสตร์เข้ากับการแสดงวิถีชุมชนบางลำพูเดิมอย่างน่าสนใจ พิพิธภัณฑ์ออกแบบพื้นที่ภายในแบบ “ยูนิเวอร์แซล ดีไซน์” เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ โดยการจัดแสดงจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตามอาคาร 2 หลัง คือ อาคารไม้เก่า และอาคารปูนรูปตัว L  ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการให้สอดคล้อง ตามเนื้อหาประวัติศาสตร์หลายพื้นที่ ในพิพิธภัณฑ์ยังมีเทคโนโลยีทันสมัยอีกหลายอย่างที่จะช่วยให้ผู้เข้าชม มีส่วนร่วมในการเลือกดูข้อมูลด้วย

ที่มา http://www.paiduaykan.com/province/central/bangkok/banglumpoomuseum.html

เครดิตภาพ เที่ยวไปกับไทแทน ตอน พิพิธบางลำพูกับคุณปู่ของผม

แม้ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์เริ่มมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีการปรับเนื้อหานิทรรศการให้ไม่น่าเบื่อ พร้อมกับการจัดกิจกรรมให้คนเข้ามายังพิพิธภัณฑ์ แต่ด้วยลักษณะพิพิธภัณฑ์โดยส่วนใหญ่ของไทยนั่น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นอาคารบ้านเรือนเก่าๆ และด้วยข้อจำกัดทางพื้นที่ ที่ทำให้ไม่สามารถจะสร้างอาคารขนาดใหญ่ในเมืองได้ ทำให้มาตรฐานของพิพิธภัณฑ์ของประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวไปสู่ระดับสากลได้

แต่อีกไม่นานนักเราจะได้พบกับพิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา บนพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ที่จะเป็นศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศไทย ให้เผยแพร่สู่สายตาของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ  ภายใต้ชื่อว่า “ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม” (ICONSIAM Heritage Museum)

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ “ไอคอนสยาม” ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมเผยแพร่คุณค่าศิลปะและวัฒนธรรมไทย เพื่อพัฒนาให้มีการจัดแสดงมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ที่ประกอบด้วยโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ เพื่อเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมไทยออกสู่สายตาสาธารณชน อันจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ สร้างเสริมเอกลักษณ์ความเป็นชาติไทย บนพื้นที่โครงการไอคอนสยาม พื้นที่แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กับ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด

นับเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเป็นต้นแบบการสร้างสรรค์ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยงบการลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ในการส่งเสริมและเผยแพร่คุณค่าศิลปวัฒนธรรมให้แพร่หลาย ผ่านการจัดแสดงโบราณวัตถุศิลปวัตถุ ที่สะท้อนวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยจากอดีตสู่ปัจจุบัน และนำไปสู่ความร่วมมือกันในการพัฒนาความรู้ความสามารถ ในการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล โดยในการนี้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และไอคอนสยาม จึงได้ตกลงร่วมกันที่จะดำเนินการหารือ และแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อจัดให้มีและพัฒนาการจัดแสดงมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติไทย ภายใต้รูปแบบการจัดแสดงที่ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับพิพิธภัณฑสถานในระดับสากล  ซึ่งกรมศิลปากรจะทำการวิเคราะห์  คัดสรร อนุรักษ์ จัดเตรียมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ เพื่อจัดแสดงในห้องจัดแสดง National Heritage Gallery ซึ่งเป็นหนึ่งในห้องจัดแสดงจำนวน 3 ห้องของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

“แม้จะเป็นมูลค่าการลงทุนจำนวนมหาศาล แต่ไอคอนสยามมิได้มุ่งแสวงหากำไรจากการดำเนินโครงการพิพิธภัณฑ์  แต่มีความปรารถนาที่จะให้ทุกภาคส่วนหันกลับมาให้ความสนใจและตระหนักถึงคุณค่าของการดำเนินการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่บ่งบอกถึงระดับความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” นางชฎาทิพ  จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าว

บรรยากาศทั่วไปของการจัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติไทย

ไอคอนสยามจะดำเนินการมอบรายได้ส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่าย ซึ่งมาจากการเก็บค่าเข้าชมการจัดแสดงมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ สมทบเข้า ‘กองทุนโบราณคดี’ เพื่อทำนุบำรุงรักษาโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติต่อไป

“ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม” เป็น 1 ใน 7 มหัศจรรย์ของไอคอนสยาม  ตั้งอยู่บนชั้น 8 ของอาคารศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่เป็นอภิมหาโครงการ Mixed use บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีพื้นที่จัดแสดงรวมกว่า 8,000 ตารางเมตร

โดยจะมีส่วนจัดแสดงงานศิลปวัฒนธรรม 3 ส่วน ประกอบด้วย

ส่วนที่ 1 ห้องจัดแสดง National Heritage Gallery จัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ ที่เกิดจากความร่วมมือกับกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม

ส่วนที่ 2 พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนที่รองรับการจัดแสดงผลงานสุดยอด Masterpieces ทั้งศิลปวัตถุ  ภาพเขียน ผลงานศิลปะ รวมถึงสมบัติล้ำค่าจากทั่วทุกมุมโลก และนิทรรศการหมุนเวียนจากพิพิธภัณฑ์ระดับโลก

ส่วนที่ 3 River Gallery ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัย ที่สามารถจัดแสดงผลงานของศิลปินร่วมสมัยทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงให้ผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถสัมผัสชิ้นงานศิลปะได้อย่างใกล้ชิด และยังเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปะต่างๆ อีกด้วย

สร้างมาตรฐานเทียบได้กับพิพิธภัณฑ์ระดับโลกด้วยองค์ความรู้จาก Lord Cultural Resources

ไอคอนสยามมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะพัฒนาให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ มีโครงสร้างพื้นฐานและระบบดำเนินการที่ได้มาตรฐานเทียบได้กับพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ดังนั้นไอคอนสยามจึงได้ทำงานร่วมกับบริษัท Lord Cultural Resources ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการพัฒนาและวางระบบจัดพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของโลก บริษัทผู้เชี่ยวชาญนี้เคยทำงานให้กับพิพิธภัณฑ์ Louvre  ในประเทศฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ Guggenheim ใน Bilbao ประเทศสเปน เป็นผู้วางระบบให้กับ Tate Modern ในประเทศอังกฤษ และพัฒนาระบบการจัดเอกสารและความปลอดภัยของเอกสารสำคัญให้ Library of Congress ในอาคารรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา และจะทำงานร่วมกับ Curator ระดับโลกในการคัดสรรนิทรรศการ Masterpiece จากประเทศต่างๆ มาจัดแสดงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

เครดิตภาพ https://cv.wikipedia.org/wiki/Парис#/media/File:Louvre_2007_02_24_c.jpg

เครดิตภาพ http://www.telegraph.co.uk/luxury/travel/1241/guggenheim-museum-bilbao-guide-director-favourites.html

ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวจะเป็นทีมงานสำคัญ ที่จะมาทำแผนแม่บทของการใช้พื้นที่ของพิพิธภัณฑ์ที่ไอคอนสยาม จัดทำระบบการจัดการเพื่อการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในการแสดงสมบัติล้ำค่า การกำหนดมาตรฐานคุณภาพวัสดุที่จะใช้ในการออกแบบและก่อสร้าง รวมทั้งกำหนดมาตรฐานคุณภาพอากาศ ระบบการควบคุมความชื้น ระบบบริหารพื้นที่เพื่อการจัดแสดงทรัพย์สินมีค่า ทั้งหมดนี้เพื่อพิพิธภัณฑ์ ณ อาคารไอคอนสยาม มีมาตรฐานเทียบได้กับพิพิธภัณฑ์ระดับโลก ควรค่าแก่การจัดแสดงสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ และพร้อมที่นำเสนอสมบัติทางวัฒนธรรมของโลกมาแสดงต่อสายตาคนไทย

“ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม” (ICONSIAM Heritage Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของกรุงเทพ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการจัดสร้าง จัดแสดงพิพิธภัณฑ์แบบถาวรที่ได้มาตรฐานทัดเทียมสากล ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็น 1 ใน 7 มหัศจรรย์ของไอคอนสยาม ที่ประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ และพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่มาจากทั่วทุกมุมโลก บนพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร ที่จะมอบคุณค่าทางจิตใจให้กับคนไทยทั้งชาติ และดึงดูดสายตาของคนทั่วโลกให้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ ความเป็นมา มรดกทางวัฒนธรรมของชนชาติไทยให้เป็นที่รู้จักกว้างไกล ด้วยสถานที่ตั้งภายใน ไอคอนสยาม (ICONSIAM) ซึ่งเป็นอภิมหาโครงการ Mixed use ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นศูนย์กลางความเจริญเติบโตของฝั่งธนบุรี ที่จะเป็นศูนย์กลางทางคมนาคม เชื่อมต่อทั้งทางน้ำ รถไฟฟ้า และรถยนต์ การสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะช่วยเติมเต็มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศไทยให้ทรงคุณค่าทางด้านมรดกทางวัฒนธรรมมากกว่าในอดีต

เชื่อแน่ว่า ด้วยความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐและเอกชน จะช่วยผลักดันให้ “ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม” ได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงวัฒนธรรมที่ต้องการที่จะเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมและสมบัติทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของชาติไทย ในโครงการพิพิธภัณฑ์ระดับโลก หรือ กรมศิลปากร ที่หมายมั่นที่จะพลิกฟื้นให้ทุกภาคส่วนหันกลับมาให้ความสนใจ และตระหนักถึงคุณค่าของศิลปะวัตถุ ผ่านการจัดตั้ง “กองทุนโบราณคดี’ เพื่อทำนุบำรุงรักษาโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และแน่นอนว่า ไอคอนสยาม ก็ได้บรรลุความตั้งใจในการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมและพัฒนาบุคลากร เพื่อการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ ยกระดับ ส่งเสริมวิชาชีพและการทำงานของภัณฑารักษ์ สู่การบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก  ผ่านการลงมือปฏิบัติจริงกับผู้เชี่ยวชาญ อย่างแท้จริง

เตรียมพบกับพิพิธภัณฑ์ “ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม (ICONSIAM Heritage Museum)” พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ของกรุงเทพ ภายในปี 2561