แสนสิริ กางแผนธุรกิจสู่ปีที่ 40 ”NAVIGATING THE FUTURE: RESILIENT GROWTH” จากกลยุทธ์ธุรกิจที่แข็งแกร่งมุ่งเป้าสู่การเติบโตระยะยาว ตั้งเป้ายอดโอน 43,000 ลบ.ขยายพอร์ตบ้านลักซ์ชัวรี่ ควบคู่บุกตลาดหัวเมืองท่องเที่ยว
แสนสิริเป็นดีเวลลอปเปอร์ชั้นนำของไทยที่มีความคงเส้นคงวาในการขยันปลุกตลาดอสังหาฯด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการเป็นเจ้าตำรับในการทำธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Speed to Market จนสามารถฝ่าฟันทุกวิกฤต และคลื่นลมที่ผันแปร ด้วยการพัฒนารูปแบบโครงการที่มีความหลากหลาย โดยเน้นไปที่การออกแบบประสบการณ์การใช้ชีวิตทึ่ดูแลครบลูปทั้งก่อนอยู่อาศัย ไปจนถึงการบริการหลังการขาย ทั้งในเรื่องของ Segmentation, Target, Positioning ปูพรมตั้งแต่กรุงเทพฯไปจนถึงเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ อย่างภูเก็ตและหัวหิน บนระดับราคาและรูปแบบโครงการที่ตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่มีประสบการณ์สูงสุดในด้านการสร้าง Sustainable Neighborhood Community ขนาดใหญ่ ที่มอบสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านเพื่อความสมบูรณ์แบบในการพักอาศัยแบบยั่งยืน โดยมีบทพิสูจน์มาแล้วจาก T77 และ Sansiri Krungthep – Kreetha Community ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลบวกโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯจนสะท้อนออกมาเป็นตัวเลขสุดเหลือเชื่อท่ามกลางเศรษฐกิจขาลง จนเกิดเป็นผลกระทบที่หลายๆบริษัทกำลังเผชิญอยู่…โดยวันนี้แสนสิริ พร้อมประเดิมเปิดศักราชใหม่ ด้วยแนวทาง “RESILIENT GROWTH – ยืนหยัด ยั่งยืน” โดยนำศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม มาต่อยอดธุรกิจ และขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวม เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคอย่างตรงใจและโดดเด่นเหนือคู่แข่งพร้อมเดินเครื่องวางยุทธ์ทางการตลาด ผ่านการสร้าง Strategic Movement ใหม่ๆให้กับสารพัดโครงการบน Strategic Locations 4 หัวเมืองใหญ่ทั้ง ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา และหัวหิน และสานต่อโมเดล “Sansiri Community” ในแต่ละทำเลที่แสนสิริเข้าไปพัฒนาโครงการ และยกระดับให้เป็นสังคมอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบตอกย้ำแนวคิด You Are Made for Life มั่นใจแนวรบใหม่ดันยอดขายปี 67 แตะนิวไฮอีกรอบ หลังจากที่สร้างยอดขายในปี 2566 ได้ 49,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดโอน (รวมโครงการร่วมทุน) อยู่ที่ 39,000 ล้านบาท และสามารถ Sold Out ได้ถึง 28 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 51,000 ล้านบาท!
“…แสนสิริเราเริ่มธุรกิจเมื่อ 40 ปีที่แล้วจากพนักงานเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น แต่มาในวันนี้พนักงานเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 4 – 5 พันคนแล้ว โดยประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นการหล่อหลอมให้เรามีศักยภาพ เป็นการสะสมประสบการณ์ที่ทำให้เรามี Resilient จนผ่านทุกวิกฤตมาได้ด้วยแนวทาง Speed to Market, Attention to Detail และ Work from Heart จนทำให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยได้โดดเด่นเหนือใคร ซึ่งวิกฤตกับโอกาสเป็นของคู่กัน ทุกวิกฤตทำให้เราแข็งแกร่ง และเติบโตขึ้น เราไม่ได้เติบโตเพราะอยู่นาน แต่เป็นเพราะเราพร้อมเปลี่ยนแปลง รวดเร็ว ต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพของคนที่ถูกบ่มเพาะ ภายใต้ดีเอ็นเอเดียวกัน คือ SPEED TO MARKET, ATTENTION TO DETAIL และ WORK FROM HEART และในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 40 แสนสิริพร้อมประกาศแผนธุรกิจ ด้วยแนวทาง “RESILIENT GROWTH – ยืนหยัด ยั่งยืน” โดยนำศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม มาต่อยอดธุรกิจ และขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวม เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคอย่างตรงใจและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง และเป้าหมายกำไรสุทธิที่คาดว่าแสนสิริจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่กับผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ถือเป็นการก้าวต่ออย่างมั่นคงจากปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถเปิดตัวโครงการใหม่ 44 โครงการ มูลค่ารวมสูงถึง 65,000 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ ALL-Time High เติบโตจากปีก่อนหน้า 50% และโตขึ้นจากช่วงเกิดโควิดถึง 10 เท่า ครอบคลุมทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทุกเซ็กเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต…” นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI
พร้อมมอบกลับคืนสู่สังคม สนับสนุนลดความเหลื่อมล้ำ ตอบโจทย์ภาพใหญ่ที่สอดคล้องกับนโยบายการยกระดับการเข้าถึงการศึกษาภาคบังคับ ได้มีการลงนามร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเป็นระยะเวลา 3 ปี สร้างราชบุรีโมเดล กับโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” โดยแสนสิริสนับสนุนเงินทุน 100 ล้านบาท นำร่องที่ราชบุรี ให้เป็นจังหวัดต้นแบบ ตั้งเป้าช่วยเด็กหลุดจากการศึกษาเป็นศูนย์ในปี 2567 ซึ่งมีความคืบหน้าไปมาก ที่สำคัญเราไม่มีธุรกิจในพื้นที่ จึงไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
เผยเป้าปี 2567 สุดท้าทาย ด้วยแผนพัฒนาโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ มูลค่า 61,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 26 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่า 26,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท