แพร่งพราย 10 วิชามาร รีดผลประโยชน์จากคอนโดให้มากที่สุด (ที่บางคนอาจจะยังไม่รู้)
วันนี้จะมาเปิดกรุวิชามารที่เคยได้ยินได้เรียนรู้มาจากคำบอกเล่าของคนในวงการคอนโด
จุดประสงค์ของการเขียนบทความนี้เพื่อบันทึกไว้ว่าเราจะ utilize ใช้ประโยชน์สูงสุดจากทรัพย์สินของเราได้อย่างไรและเพื่อให้ทุกคนรู้ทันเหลี่ยมคนอื่น เพื่อปกป้องสิทธิ์และป้องกันคนอื่นมาเอาเปรียบเรา
ขอเตือนก่อนว่าเคล็ดลับมีทุกรูปแบบ ทั้งแบบใสๆ เทาๆ ดำๆ แต่ทุกวิธีนั้นถูกกฎหมาย แต่บางอย่างอาจจะไม่ถูกต้องในด้านจริยธรรม ดังนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านและคิดเยอะๆ ก่อนนำไปใช้จริง ผู้เขียนไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ในผลลัพธ์ของการนำวิชา(มาร)นี้ไปใช้ ทุกคนพึงมีความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตัวเอง
วิชามารที่ 1 ซื้อคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ช่วงโค้งสุดท้ายใกล้ปิดโครงการ
อันนี้อาจจะเป็นเบสิคของนักลงทุนคอนโด ต่างรู้ว่าการซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายใกล้ปิดตึกนั้นจะได้ราคาดีงาม แต่ตำแหน่งอาจจะไม่สวยงามมากนะ เพราะเป็นห้องที่เหลือขาย เป็นห้องที่เป็นตัวเลือกท้ายๆ ที่คนจะเลือกกัน ไม่มีใครอยากซื้อ เมื่อไม่มีคนอยากซื้อ ทางดีเวลลอปเปอร์ก็จึงเอามาขายในราคาที่จี๊ดโดนใจ บางทีอาจจะได้ห้องราคาต่ำกว่า Pre-sale ด้วยซ้ำไปอีก ที่ลดแบบโปรจี๊ดโดนใจได้เพราะดีเวลลอปเปอร์เค้าอยู่ในจุดคุ้มทุนแล้ว จึงลดราคาได้ อีกสาเหตุคือเค้าอยากรีบปิดการขายทั้งตึกเพื่อย้ายทรัพยากรบุคคลไปทำงานที่โครงการใหม่ที่อื่นๆ แทนนั่นเอง เป็นการลดเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานภายในบริษัทเค้าเอง เคล็ดลับนี้ผู้เขียนก็เคยใช้ ได้โปรดีจริงๆ นะ
(แต่จะขอบอกว่า คนที่มักจะซื้อได้ก่อนส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นคนที่อยู่ในตึกนั่นแหละครับ คนนอกมักจะซื้อไม่ทัน เพราะบางห้องขายหมดก่อนลงสื่อด้วยซ้ำ)
วิชามารที่ 2 คอนโดเงินเหลือ มีประโยชน์ ถ้าใช้ให้เป็น
คอนโดเงินเหลือ เป็นภาษาปาก หมายถึง วิธีการหนึ่งในการแสวงหาเงินทุนโดยการกู้ซื้อคอนโดมิเนียมเป็นเครื่องมือ ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ทางการเงินหลายเป้าหมาย เช่น คนที่อยากได้เงินสดไปปิดหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้อื่นๆ, คนที่อยากได้เงินสดสักก้อนไปลงทุนทำอะไรต่างๆ เป็นต้น วิธีการคือ สมมุติผู้ขายตั้งและบอกผู้ซื้อหลังไมค์ว่าราคาขายคอนโดจริงๆ ที่ 2 ล้านบาทถ้วนนะ แต่จะจะยื่นกู้สูงไปบอกธนาคารว่าจะกู้ 2.5 ล้านบาทนะ ถ้าสมมุติราคาประเมินจากธนาคารออกมาแล้วผลบอกว่าได้กู้เต็มที่ 2.2 ล้านบาท ดังนั้นจึงเหมือนมีเงินเหลือให้ผู้กู้อีก 200,000 บาท นั่นเอง ซึ่งเงินเหลือที่ได้มานี้เราจ่ายดอกเบี้ยในเรทกู้ซื้อบ้านซึ่งจะถูกกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อธุรกิจหรือสินเชื่อส่วนบุคคล
ซึ่งดูเหมือนจะดี จู่ๆ ได้เงินฟรี แต่จริงๆ มันก็คือหนี้ที่เราต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ดีนั่นแหละ ดังนั้นใครคิดจะใช้วิธีหาเงินด้วยวิธีการคอนโดเงินเหลือนั้นจำเป็นต้องมี Money Management ดีๆ ต้องบริหารความสามารถในการผ่อนแต่ละเดือนของตัวเองให้อยู่ในโซนที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยง
วิชามารที่ 3 ระเบิดบูโร วางแผนกู้ซื้อพร้อมกัน
ระเบิดบูโร เป็นภาษาปาก หมายถึง การขอสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์พร้อมๆ กันในช่วงเวลาใกล้เคียงกันโดยใช้ประโยชน์จากช่องว่างของเวลาในการบันทึกข้อมูลในเครดิตบูโร ยกตัวอย่างเช่น สมมุติเรามีความสามารถในการกู้ซื้อคอนโดจริงๆ สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่เราเฟี้ยว เราอยากซื้อคอนโดห้องละ 2 ล้านบาท จำนวน 3 ห้อง ซึ่งรวมเป็นเงิน 6 ล้านบาท แต่ถ้าจะรอซื้อและผ่อนจนหมดทีละห้องค่อยกู้ใหม่ก็จะเสียโอกาสด้านเวลาและจะติดเงื่อนไข LTV (แต่ปัจจุบันตั้งแต่ 20 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป เงื่อนไข LTV ถูกปลดล๊อคทุกระดับราคาและทุกสัญญาชั่วคราวจนถึงปลายปี 2565) หรือเงื่อนไขในการกู้อื่นๆ ที่ล็อกไว้ เราจึงตัดสินใจทำการระเบิดบูโร ยื่นกู้ซื้อคอนโดในช่วงเวลาเดียวกัน 3 ห้อง ยื่นกู้ไป 3 ธนาคารแตกต่างพร้อมๆ กัน โดยแต่ละธนาคารจะเช็กข้อมูลในเครดิตบูโรแล้วยังไม่เจอข้อมูลของกันและกัน เราก็เลยได้รับอนุมัติเงินกู้มาได้ทั้ง 3 ห้อง 6 ล้านบาท
วิธีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีการวางแผนการเงินที่ดี มีเครือข่ายนายหน้าหรือเอเจนซีที่แข็งแกร่งช่วยหาคนเช่า หรือซื้อต่อได้ในแบบทันที
วิธีนี้ต้องบริหารความเสี่ยงให้เป็นนะ! เพราะยิ่งกู้มาก ภาระการผ่อนก็สูงตามด้วย
วิชามารที่ 4 ซื้อคอนโดยูนิตติดกัน กู้เป็นสัญญาเดียวก็ได้นะ
ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศเรื่องกฎเกณฑ์ LTV เพื่อลดความร้อนแรงการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ (ซึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ตลอดเวลาตามสภาพเศรษฐกิจ) เช่น ถ้ากู้บ้านหลังแรกจะได้กู้เต็ม 100% แต่ถ้าบ้านหลังที่สองหรือหลังที่สามจะได้กู้เท่านั้นเท่านี้ ซึ่งคำว่า “หลังที่” ในที่นี้เค้าหมายถึง “จำนวนสัญญา” ต่างหาก
เพราะฉะนั้นเคล็ดลับการซื้อคอนโดมิเนียมที่มียูนิตติดกันแต่กู้เป็นสัญญาเดียวกันนั้นก็ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับเราในการช่วยลดจำนวนสัญญานั่นเอง
ซึ่งมีบางธนาคารเท่านั้นที่จะปล่อยกู้ห้องติดกันสัญญาเดียวกันแบบนี้นะครับ ลองสอบถามแต่ละธนาคารเอาเองนะครับว่าทำอย่างที่ว่าได้ไหม (แต่ใบ้ให้ว่านิดนึงว่า 1 ในนั้นเป็นธนาคารสีโทนร้อนครับ)
วิชามารที่ 5 เปลี่ยนสินทรัพย์ให้กลายเป็นทุน
5.1 ผ่อนคอนโดหมดแล้วก็เอาไปตึ๊งอีกรอบได้
ข้อนี้อาจจะเป็นเรื่องเบสิคที่ใครๆ ก็รู้อยู่แล้ว สำหรับคนที่ผ่อนคอนโดหมดแล้ว รู้หรือไม่ว่ามันเอาไปขอสินเชื่อประเภท Home for cash เพื่อเอาเงินสดก้อนมาไปทำอย่างอื่นได้ด้วยนะ
เราอาจจะเอาคอนโดที่เราปล่อยเช่าอยู่ที่ผ่อนหมดแล้วไปขอสินเชื่ออีกรอบ ซึ่งดอกเบี้ยจะสูงกว่าดอกเบี้ยซื้อบ้านนะครับ พอได้เงินก้อนมาก็เอาไปลงทุนอย่างอื่นที่คาดว่าจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยตามความถนัดของแต่ละคน เช่น เอาไปลงหุ้น กองทุนรวม คริปโท ทำธุรกิจ แล้วแต่จะคิดเอาเองเลยครับ ขอแค่บริหารความเสี่ยงให้เป็นก็พอ
ซึ่งวิธีนี้ก็เหมาะกับคนที่ปล่อยเช่าคอนโดดีนะครับ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่เอาคอนโดที่ตัวเองอยู่เองไปตึ๊งนะ เพราะอย่างน้อยถ้าสมมุติลงทุนหุ้นหรืออื่นๆ ไปแล้วติดดอยหรือขาดทุนก็ยังพอมีค่าเช่ามาช่วยจ่ายเป็นค่าผ่อนแต่ละเดือนประคองชีวิตไปต่อได้
5.2 ยังผ่อนคอนโดอยู่ก็รีไฟแนนซ์แล้วยืมใหม่อีกรอบได้
มีอีกกรณีที่เราสามารถจะเปลี่ยนเงินที่เราผ่อนจ่ายธนาคารไปแล้วเอามายืมใหม่อีกรอบได้ คล้ายๆ การที่ธนาคารเอาเงินของเราเองมาให้เรายืมอีกรอบ (Relend) ซึ่งวิธีนี้เราจะทำได้ตอนช่วงที่เราทำ refinance ครับ
สมมติว่าเราต้องการ Refinance และยอดที่เราจะ Refinance มันมีอยู่ที่ 3 ล้านบาท แต่บังเอิญราคาประเมินคอนโดล่าสุดของธนาคารมันได้สูงมาก ธนาคารบางแห่งจะเสนอ Refinance โดยเพิ่มยอดเงินเหลือให้เราตามราคาประเมินด้วย (ถ้าเราจะเอา) ถ้าสนใจวิธีนี้ก็ลองปรึกษาเจ้าหน้าที่สินเชื่อธนาคารเอาเองครับ แต่ละที่นโยบายต่างกัน