“A true friend is someone who walks in when the rest of the world walks out.” Walter Winchell        

คำกล่าวนี้สื่อให้เห็นถึงความหมายของคำว่า มิตรภาพในแบบ “เพื่อนแท้” ที่ชัดเจนมากที่สุด โดยเปรียบเทียบให้เห็นว่าเพื่อนแท้นั้นคือคนที่พร้อมจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างคุณในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด หรือในสถานการณ์ที่คนอื่นๆ พากันตีตัวออกห่าง เมินเฉย หรือทิ้งคุณไว้ตามลำพัง ในชีวิตของคนเราการที่คนเราจะพบเพื่อนแท้ได้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ในบางครั้งการที่จะทราบว่าใครเป็นเพื่อนแท้ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่คับขัน และระยะเวลาที่ยาวนาน ที่ต้องมีการผ่านบททดสอบแห่งชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป… สำหรับในแง่มุมทางธุรกิจ การร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบ Joint Venture (กิจการร่วมค้า) เป็นรูปแบบความร่วมมือทางธุรกิจที่ค่อนข้างท้าทาย และเป็นบทพิสูจน์ของมิตรภาพในแบบเพื่อนแท้ได้เป็นอย่างดีเนื่องจากต้องมีการปรับตัว ทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างกัน ต้องมีการเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการความคาดหวังของทั้งสองฝ่าย แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งสองฝ่ายต้องมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายระยะยาวที่สอดคล้องร่วมกันที่ชัดเจน และเข้าใจบทบาทของตนเองในการบรรลุเป้าหมายนั้น โดยความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ที่กำลังย่างก้าวเข้าสู่ปีที่ 12 นั้น นับว่าเป็น Case Study ของมิตรภาพในแบบเพื่อนแท้ในการดำเนินธุรกิจที่มากกว่าคำว่า ‘ร่วมทุน’ แค่คือการ ‘ร่วมกันสร้างคุณค่าที่แท้จริง’ ผ่านการใช้ความเชี่ยวชาญที่แตกต่างของแต่ละฝ่ายเพื่อมุ่งยกระดับคำว่า ‘คุณภาพชีวิต’ ให้ลึกกว่าแค่ความสวยงาม แต่เป็นคุณภาพที่ลูกค้าทุกคน “รู้สึกได้จริง” ในโครงการคุณภาพเครือเอพี ที่ทั้งสององค์กรร่วมกันต่อจิกซอว์จนภาพความสำเร็จออกมาสวยงาม ยิ่งใหญ่เหนือคำว่าธุรกิจร่วมทุน

บมจ. เอพี ไทยแลนด์ – บมจ. มิตซูบิชิ เอสเตท 2 องค์กรชั้นนำไทย-ญี่ปุ่น เดินหน้าความสำเร็จ 12 ปี แห่งความร่วมมือทางธุรกิจ สู่ที่สุดของพันธมิตรหนึ่งเดียวที่มั่นคงและยาวนานในอุตสาหกรรม พร้อมยังคงเจตจำนงเหมือนวันแรกในการร่วมสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับที่อยู่อาศัยไทย เพื่อส่งมอบชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้

ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานเกือบศตวรรษ และเอพี ไทยแลนด์ เมื่อปี 2557 นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ Ripple Effect ต่อธุรกิจอสังหาฯ ไทย ที่ส่งผลต่อเนื่องให้ดีเวลลอปเปอร์หลายราย เปิดประเทศต้อนรับการหลั่งไหลเข้ามาทุนญี่ปุ่นนับสิบราย ที่ทยอยต่อคิวเข้ามาสร้างฐานการลงทุนในไทย เพื่อเป็นการทำ Investment Diversification ทดแทนการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯภายในประเทศญี่ปุ่น ที่ตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่ค่อยคุ้มค่ากับการลงทุนเท่าไหร่มานับสิบปี ทั้งนี้ตลอดช่วงระยะเวลาที่ยาวนานถึง 12 ปีที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยมีเหตุการณ์สำคัญและการเปลี่ยนแปลงมากมายในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ตลอดจน สาธารณสุขและภัยพิบัติ ที่ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายและการปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อให้อยู่รอดและรักษาสถานะการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้…เมื่อธุรกิจอสังหาฯของไทยเข้าสู่โหมดของความไม่แน่นอน ผลที่ตามมาก็คือ เราได้เห็นธุรกิจร่วมทุนจำนวนมากที่ทยอยถอยทัพออกไป บ้างก็ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจ โดยที่ภาพของบริษัทร่วมทุนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นไปในรูปแบบของ Short – Term Joint Venture ที่เพียงแค่นำเงินมาลงทุนในโครงการเดียวแล้วก็จบ ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน ทั้งในมุมมองการดำเนินธุรกิจ การจ้างงาน และมอบคุณค่าคืนกลับสู่สังคมได้มากเท่าที่ควร แต่กลับกัน ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ซึ่งเป็น Long-Term Joint Venture as a Strategic Differentiator พันธมิตรทางธุรกิจหนึ่งเดียวที่มั่นคง และร่วมทางกันอย่างยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย

ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของตลาด และความพยายามในการร่วมทุนมากมายในอุตสาหกรรมนี้ อะไรที่ทำให้ความร่วมมือของ เอพี ไทยแลนด์ และ มิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงยืนหยัดได้ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจที่โหมกระหน่ำรอบด้านเฉกเช่นทุกวันนี้ เรามาหาคำตอบพร้อมกันได้จากบทความนี้ครับ

“SHARING STRENGTH, LIVING QUALITY” ถอดรหัสความต่างที่ประสานเป็นหนึ่งเดียว กับบทเรียนธุรกิจที่มากกว่าเม็ดเงินลงทุน แต่คือจิกซอว์ความสำเร็จ สู่การสร้างที่อยู่อาศัยคุณภาพ

ในโลกของความร่วมมือทางธุรกิจ “ความต่าง” ถือเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ยากจะข้ามพ้น ยิ่งเมื่อพูดถึงความร่วมมือในระดับข้ามประเทศแล้ว ความต่างไม่ได้เป็นแค่เรื่องระยะทางเพียงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงวัฒนธรรม แนวคิด ตลอดจนวิธีการบริหารจัดการ ที่พร้อมจะแตะเบรกและหยุดลงได้ทุกเมื่อ

แต่รู้หรือไม่ว่า…ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ — หนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง และความท้าทายรอบด้าน กลับมีพันธมิตรจากสองประเทศ ที่สามารถ “จับมือกัน” ได้อย่างมั่นคงต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ปี และสองบริษัทนั้นก็คือ เอพี ไทยแลนด์ และ  มิตซูบิชิ เอสเตท

ตลอด 12 ปีแห่งความร่วมมือ เอพี – มิตซูบิชิ เอสเตท ได้มีการพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุนในทำเลเมือง รวมทั้งสิ้น 31 โปรเจกต์ มูลค่ารวมกว่า 137,000 ล้านบาท แต่ดัชนีที่ชี้วัดความสำเร็จและความแน่นแฟ้นของสายสัมพันธ์ในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่ข้อมูลในเชิงตัวเลขเพียงเท่านั้น แต่คือมุมมองที่สองผู้นำอย่าง คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และคุณยูจิ โอกาโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมจะแบ่งปันจิกซอว์ทุกตัว ที่ทั้งสองร่วมกันต่อจนภาพความสำเร็จออกมาสวยงามและยิ่งใหญ่มากกว่าคำว่า “ธุรกิจร่วมทุน”

Same Vision Matters – จุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ยั่งยืน

“นับจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2557 ซึ่งในวันนั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับเรา สำหรับการริเริ่มจับมือกับพันธมิตรระดับประเทศ แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่ทั้งสององค์กรต่างมีวิสัยทัศน์เดียวกัน ในการมองหา ‘พันธมิตรทางธุรกิจที่แท้จริง’ — คนที่พร้อมจะขับเคลื่อนและผลักดันธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว มากกว่าการมองหาพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะสั้น เพราะเราเชื่อว่า หากวิสัยทัศน์และคุณค่าไม่ตรงกัน ต่อให้ดีลธุรกิจนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ก็จะไม่มีทางยั่งยืนได้ ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงเกิดจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งในพันธกิจร่วมกัน นั่นคือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คน ผ่านการแบ่งปันองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ต่างคนต่างมี จุดหมายเดียวกันคือการร่วมกันสร้าง ‘ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้’ ให้กับคนไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับ AP PRINCIPLES – The Principles of Living Quality ซึ่งเป็นปรัชญาหลักของเอพีในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยได้นำแรงบันดาลใจจากหลัก Five Eyes ซึ่งเป็น Core Value ในการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพของมิตซูบิชิ เอสเตท มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สอดรับกับบริบทของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และผลักดันการพัฒนาโครงการของเราให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง” คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวในวาระเข้าสู่ปีที่ 12 แห่งความสำเร็จของความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าความสำเร็จในวันนี้มาจากจุดเริ่มต้นที่ทั้งสององค์กรมองไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ไม่ได้เกิดขึ้นจากการแสวงหาโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทย เพราะสำหรับเอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท ‘เป้าหมายใหญ่’ สำคัญกว่า ‘ผลตอบแทนสั้นๆ’ ทั้งสององค์กรจึงไม่เลือกพันธมิตรจากดีลที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด แต่เลือกจากความเข้าใจใน “คุณค่า” ที่ตรงกัน คือการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัย ด้วยการแบ่งปันความรู้ ความชำนาญเฉพาะด้านที่ต่างคนต่างมีร่วมกัน  เพื่อร่วมกันส่งมอบ “ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้” ให้กับคนไทย

‘ปรัชญาการทำงานของเอพีสอดคล้องกับ Brand Slogan – A Love for People, A Love for City ของมิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งการผสานความร่วมมือครั้งนี้ เราเชื่อว่าจะนำไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับคนไทย’ คำกล่าวจาก คุณยูจิ โอกาโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ที่ยังคงสานต่อความตั้งใจเดิมจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน

เจาะ 3 องค์ประกอบที่พิเศษกว่าคำว่า ‘ร่วมทุน’ แต่คือการ ‘ร่วมกันสร้างคุณค่าที่แท้จริง’ ที่จับต้องได้ให้กับชีวิตผู้คนอย่างยั่งยืน

1] Long-Term Joint Venture as a Strategic Differentiator หนึ่งเดียวของการร่วมทุนที่จัดตั้งบริษัทในไทย ‘บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด’ ที่สุดของความแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวที่สะท้อนความมุ่งมั่นระยะยาว กับทุนจดทะเบียนที่มากถึง 12,619 ล้านบาท พร้อมทีมงานญี่ปุ่นประจำในไทยถาวร ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับเอพี เรียนรู้และเติบโตข้ามวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด

ถ้าวิสัยทัศน์ไม่ตรงกัน ต่อให้ร่วมทุนด้วยเงินมากแค่ไหน สุดท้ายก็ไปต่อด้วยกันไม่ได้ หนึ่งในเป้าหมายที่ทั้ง 2 องค์กรตกลงร่วมกันตั้งแต่แรก คือ “การแบ่งปันองค์ความรู้เฉพาะทาง” ที่ไม่ใช่แค่การส่งข้อมูลข้ามประเทศไปมาเพียงเท่านั้น แต่การทำงานร่วมกันอย่างลึกซึ้งในทุกขั้นตอน สำหรับเอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท พิสูจน์ให้เห็นและจับต้องได้จริง ด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด” สัดส่วนถือหุ้น 51:49 เพื่อทำหน้าที่เป็นบริษัทหลักในการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในไทยระยะยาว ด้วยทุนจดทะเบียนมูลค่า ณ ปัจจุบันที่ 12,619 ล้านบาท ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีโมเดลร่วมทุนด้วยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย

2] Shared Knowledge – Enduring Capability กล้าเปิดในทุกมิติ แชร์ทุกองค์ความรู้แบบเจาะลึก เพื่อพัฒนาให้กับ AP PRINCIPLES: The Principles of Living Quality ปรัชญาการส่งมอบคุณภาพชีวิตในทุกมิติ หลักการสำคัญที่คนเอพีกว่า 3,000 คนยึดถือและปฏิบัติจริงในทุกขั้นตอนของการพัฒนา ออกแบบ และส่งมอบ ‘พื้นที่ชีวิต’ เพื่อให้ทุกคนมี ‘ชีวิตดี ๆ ที่เลือกเองได้’ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ความรู้ที่สั่งสมมากว่า 100 ปีของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงหลัก Five Eyes — ค่านิยมหลักของมิตซูบิชิในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ที่เป็นแรงผลักดันให้เอพีมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพโครงการอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง

เมื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทยขึ้น จิกซอว์ชิ้นต่อมาคือ การส่งเจ้าหน้าที่จากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มาทำงานในออฟฟิศเดียวกันกับทีมเอพีแบบถาวร เพื่อสานต่อเป้าหมายระยะยาวให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความจริงใจ ที่ทั้ง 2 บริษัทมีให้กันและกัน โดยเฉพาะความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับ AP Principles – The Principles of Living Quality ซึ่งเป็นปรัชญาหลักของเอพีในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยได้นำแรงบันดาลใจจากหลัก Five Eyes ซึ่งเป็น Core Value ในการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพของมิตซูบิชิ เอสเตท มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สอดรับกับบริบทของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และผลักดันการพัฒนาโครงการของเอพีให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง

คุณภาพสำหรับเอพี คือการทำมากกว่ามาตรฐาน

เพื่อยกระดับคำว่า ‘คุณภาพชีวิต’ ให้ลึกกว่าแค่ความสวยงาม แต่คือคุณภาพที่ลูกค้าทุกคนต้องรู้สึกได้จริง ในโครงการเครือเอพีกว่า 200 ทำเล ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพ ปริมณฑล และทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย ซึ่งปรัชญา AP PRINCIPLES จะสะท้อนผ่าน 5 แกนคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น 1. AP CODE มาตรฐานการออกแบบ ก่อสร้าง และตรวจสอบที่เข้มข้นในทุกกระบวนการ 2. AP EMPATHY DESIGN เข้าใจชีวิตจริง ก่อนออกแบบพื้นที่ชีวิต 3.  AP SUSTAINABLE LIFE เพราะการอยู่อาศัยที่ดี ต้องดีต่อโลกด้วย 4. AP SMART LIFE ชีวิตที่ดีขึ้น เริ่มจากการควบคุมได้ทุกวัน และ 5. AP LIVING SERVICE เพราะคุณภาพชีวิตที่ดี…ต้องมาพร้อมความสบายใจในทุกวัน

3] From Capital to Industry – Wide Impact สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ด้วยความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุนมากถึง 31 โครงการ มูลค่ากว่า 137,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่เปิดตัวไปแล้วทุกโครงการมีผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทั้งมิติด้านการขายและโอนกรรมสิทธิ์ โดยปิดการขาย (Sold Out) ไปแล้วทั้งสิ้น 13 โครงการ คงเหลือโปรเจกต์ร่วมทุน ทั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และเตรียมจะเปิดขายใหม่ รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ (มูลค่า 29,519 ล้านบาท) ก่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างระบบนิเวศร่วมกับพาร์ตเนอร์มากกว่า 100 บริษัทในอุตสาหกรรมไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องยากมากที่บริษัทร่วมทุนแบบระยะสั้นแห่งอื่นๆ จะดำเนินการสร้างคุณูปการเช่นนี้มอบคืนให้กับสังคม

“มิตซูบิชิ เอสเตท มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถร่วมสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทย ผ่านธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตรที่ดีและแข็งแกร่งอย่างเอพี ไทยแลนด์ และจะยังคงจับมือเดินหน้าร่วมกันไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณค่าในฐานะบริษัทญี่ปุ่นให้กับสังคมไทยต่อไปในอนาคต” – ยูจิ โอกาโมโต

มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ใช่แค่ในภาพความสำเร็จทางธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่ทั้งหมดคือบทพิสูจน์ของ ‘ความไว้ใจ’ และ ‘วิสัยทัศน์’ ที่พาให้ทั้งสององค์กร กลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจหนึ่งเดียวที่มั่นคง และร่วมทางกันอย่างยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากทั้งสององค์กรมองความร่วมมือครั้งนี้เป็นเพียงแค่ ‘การร่วมลงทุน’ หาใช่การ ‘ร่วมกันสร้างคุณค่าที่แท้จริง’ ตั้งแต่การลงทุนอย่างมีวิสัยทัศน์ การแบ่งปันองค์ความรู้เฉพาะทาง การยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัย ไปจนถึงการส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดี และการพัฒนาคนรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน ซึ่งทุกองค์ประกอบเหล่านี้…ต่างต่อกันเป็น ‘จิกซอว์แห่งความสำเร็จ’ ที่เชื่อมโยงอย่างกลมกลืน และมีความหมาย โดยวันนี้ เอพี ไทยแลนด์และมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงเดินหน้าสร้างคุณค่าที่จับต้องได้ให้กับชีวิตผู้คน…อย่างยั่งยืนต่อไป

#APThaiบริษัทอสังหาอันดับ1 #APxMitsubishiEstate #APTHAI #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้

#APxMEC12YearOfPartnership #APSharingStrengthLivingQuality #APLivingQuality

#APCondo #APHome #APTownhome #บ้านแฝดAP