ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำว่า “เงินเฟ้อ” กลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่ผู้คนทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด จากรายงาน Global Inflation by Country (2020–2025) ของ Visual Capitalist เราเห็นชัดเจนว่าแทบทุกประเทศต่างเผชิญแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มสูงขึ้น บางแห่งสะสมอัตราเงินเฟ้อทะลุเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ขณะที่ประเทศไทยเองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบนี้ไปได้ โดยตัวเลข consumer inflation ของไทยตั้งแต่ปี 2020-2025 เท่ากับ 8%

ดูภาพและรายละเอียดจากเว็บไซต์นี้ https://www.visualcapitalist.com/global-inflation-by-country-2020-2025/

ส่วนงานวิจัยในไทยสะท้อนภาพอย่างน่าสนใจเช่นกัน การศึกษาปัจจัยเศรษฐกิจที่มีผลต่อดัชนีอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างพบว่า เงินเฟ้อมีความสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของตลาดอสังหาฯ แม้จะไม่ใช่ปัจจัยเพียงหนึ่งเดียวที่กำหนดทิศทาง แต่ก็ส่งผลต่อทั้งราคาที่ดิน ต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ซื้อและผู้พัฒนาต้องแบกรับ นั่นหมายถึงราคาบ้านและคอนโดที่มีแนวโน้มขยับขึ้นตามต้นทุน และภาระผ่อนที่หนักหน่วงขึ้นในช่วงที่ธนาคารกลางต้องปรับดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

อสังหาริมทรัพย์มีบทบาทอะไรในยุคเงินเฟ้อสูงเช่นนี้?

คำถามที่หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะถามก็คือ เมื่อเงินเฟ้อกัดกร่อนกำลังซื้อ และเงินในกระเป๋ามีค่าลดลงทุกวัน อสังหาริมทรัพย์ตอบโจทย์อะไรในยุคเช่นนี้?

คำตอบคือเริ่มต้นจากคุณสมบัติพื้นฐานของมันเอง อสังหาฯ เป็น “สินทรัพย์ที่จับต้องได้” (Tangible Asset)

บ้าน ที่ดิน หรือคอนโดมิเนียมไม่ใช่เพียงตัวเลขในบัญชี แต่คือทรัพย์ที่มีมูลค่าในโลกจริง และมักจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป การถือครองอสังหาริมทรัพย์จึงเป็นเสมือนเกราะป้องกันไม่ให้ความมั่งคั่งละลายหายไปตามแรงเงินเฟ้อ

อีกมิติหนึ่งคือรายได้ที่เกิดจากการปล่อยเช่า เจ้าของทรัพย์สามารถปรับค่าเช่าให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจได้ ในขณะที่ต้นทุนสินเชื่ออาจคงที่หากทำสัญญากู้แบบดอกเบี้ยคงที่ไว้ก่อนหน้า เมื่อเวลาผ่านไป หนี้ที่เคยหนักกลับมีมูลค่าลดลง เพราะค่าของเงินหดหายไป แต่ค่าเช่าที่ไหลเข้ากลับปรับสูงขึ้นตามสภาพตลาด จุดนี้คือข้อเด่นของการเก็บเงินในรูปแบบอสังหาฯ (บนทำเลที่ใช่)

แน่นอนว่าอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ยาวิเศษที่แก้ปัญหาทุกอย่าง เงินเฟ้อที่สูงเกินไปอาจทำให้ดอกเบี้ยพุ่ง ผู้ซื้อใหม่เข้าถึงยาก โครงการใหม่เสี่ยงชะลอตัว และหากทำเลไม่ดีพอ มูลค่าก็อาจไม่โตอย่างที่หวัง แต่หากเลือกทำเลที่มีศักยภาพ วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ และมองการลงทุนในระยะยาว อสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นคำตอบที่มั่นคงสำหรับการรักษาและต่อยอดความมั่งคั่ง

เมื่อเงินเฟ้อคือพายุที่ทุกคนทั้งรวยจนต้องเจอกันหมด นอกจากเงินสกุล Bitcoin แล้ว อสังหาริมทรัพย์ก็สามารถทำหน้าที่เป็น store of value เปรียบได้กับที่พักพิงที่มั่นคงท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ ไม่เพียงเก็บรักษามูลค่า แต่ยังสร้างโอกาสในการเติบโตของทรัพย์สินในระยะยาว สำหรับผู้ที่มองไกลและเลือกอย่างชาญฉลาด การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในยุคเงินเฟ้อจึงไม่ใช่ภาระ แต่คือคำตอบของการรักษา wealth ให้มั่นคงและส่งต่อไปยังอนาคตได้อย่างดี

หากยังไม่แน่ใจว่าจะเก็บเงินรูปแบบไหนดีที่จะไม่ให้ถูกเงินเฟ้อกัดกินมูลค่าด้อยค่าลงไป ลองติดต่อพูดคุยกับนักวางแผนการเงินระดับ CFP (Certified Financial Planner)

https://www.tfpa.or.th/ListMember/CFP หรือเริ่มมองหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในทำเลเมืองหลักในแต่ละประเทศด้วยการกดติดตามเพจ Propholic ก็สามารถช่วยรักษาผลประโยชน์และความมั่งคั่งเอาไว้ได้.

แหล่งข้อมูล

https://www.visualcapitalist.com/global-inflation-by-country-2020-2025/

https://ethesisarchive.library.tu.ac.th