อย่าทำตัวแบบนี้ถ้าไม่อยากให้ชีวิตการเงินชิบหาย

ต่อทอง ทองหล่อ 20 November, 2019 at 13.46 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


รู้หรือไม่ ชีวิตของเรานั้นผูกติดกับเรื่องการเงินมากกว่าที่เราคิด การจะซื้อขายเช่าหรือลงทุนบ้านคอนโดอสังหาต่างๆ หรือจะทำอะไรทุกอย่างบนโลกนั้นล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน (Financial Management) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ ถ้าไม่รู้ชีวิตเราอาจเจ๊งได้ง่ายๆ และกลายเป็นภาระให้กับคนในครอบครัวไปรับกรรมต่ออีก

ทั้งหมดที่จะในบทความนี้คือนิสัยทางการเงินแบบผิดๆ ที่มักจะพาคนไปสู่ความชิบหายทางการเงินโดยไม่รู้ตัว หรือถ้าหากเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้วล่ะก็ การรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยเราให้พ้นจากภัยทางการเงินได้

 

1. อย่าเป็นพวก “ซื้อเล็กซื้อน้อย เป็นร้อยนะจ๊ะ”

รู้หรือไม่ว่าเราอาจสูญเสียหนทางแห่งความมั่งคั่งทุกครั้งที่ควักเงินหลักสิบหลักร้อยเพื่อใช้จ่ายไปกับสิ่งที่คิดว่าไม่ได้หนักหนาอะไร เช่น สั่งอัพไซส์ชานมไข่มุก แวะซื้อบุหรี่ข้างทาง ออกไปกินข้าวในห้าง หรือแม้แต่จ่ายค่าดูหนังฟังเพลงออนไลน์รายเดือน ทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ เพียงวันละ 100 บาท คิดรวมดีๆ ก็เป็น 36,500 บาทต่อปี เงินก้อนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายค่าผ่อนบ้านหรือผ่อนรถได้เลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรากำลังตกที่นั่งลำบากทางการเงินอยู่ด้วยแล้ว การลด ละ เลิก ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มีส่วนสำคัญมากเลยทีเดียว

 

2. อย่าเป็นพวก “จ่ายไม่รู้จบ”

ถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่าสินค้าและบริการบางอย่างคือสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือเปล่า เพราะมันจะแลกกับการที่คุณต้องมีค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปีไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเคเบิ้ลทีวี ค่าบริการดูหนังออนไลน์หรือสมาชิกฟิตเนส ทั้งหมดนี้มีค่าใช้จ่ายให้คุณต้องจ่าย แต่จะไม่ได้สินทรัพย์ใดมาครอบครองเป็นของตัวเอง ในช่วงเวลาที่เงินขาดมือหรือว่าคุณต้องการออมเพิ่มมากขึ้น ลองปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การดำรงชีวิตของตัวเองให้เป็นแบบสบายๆ แล้วมีเงินเก็บไว้เผื่อใช้ยามจำเป็นอาจจะดีกว่า

 

3. อย่าเป็นพวก “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”

สมัยนี้การใช้บัตรเครดิตซื้อสิ่งต่างๆ กลับกลายเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าสุดท้ายว่าเราต้องจ่ายดอกเบี้ยเป็นสองเท่าให้กับค่าน้ำมันที่เพิ่งรูดเติมไป ทั้งการซื้อเสบียงเข้าบ้านเอย ของใช้เอย ล้วนเป็นสิ่งที่คุณต้องคอยจ่ายตามหลังทั้งๆ ที่ใช้หมดเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว อย่าให้ตัวเองเป็นหนึ่งในนั้นเลย อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตทำให้สินค้าที่ดูเหมือนจะคุ้มราคาหน้าจุดขายกลายเป็นสิ่งที่แพงยิ่งขึ้นทันที อีกทั้งการใช้ชีวิตที่ต้องคอยพึ่งบัตรเครดิตอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้เรามีนิสัยใช้จ่ายเกินกว่าเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง ลองเปลี่ยนไปใช้บัตรเดบิตหรือจ่ายเงินด้วย QR CODE, PROMPTPAY หรือโอนเงินเข้าบัญชีแทน แต่ถ้าใครยังอยากใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้ม ลองใช้วิธีอีกแบบคือ ทุกครั้งที่รูดบัตรไปให้โอนเงินผ่าน mobile app โยกเงินไปอีกบัญชีหนึ่งเพื่อรอชำระหนี้บัตรเครดิต จะได้รู้ว่าตอนนี้เงินในบัญชีเพื่อใช้จ่ายประจำวันยังเหลืออยู่อีกกี่บาทกันแน่ วิธีนี้ช่วยป้องกันการใช้เงินเกินตัว

 

4. อย่าถอยรถใหม่โดยไม่มีเงินสดซื้อมากพอ

แม้ว่ามีจำนวนรถใหม่ที่ขายออกมาวิ่งบนถนนเป็นล้านคันในแต่ละปี แต่จะมีคนเพียงจำนวนนิดเดียวเท่านั้นที่สามารถซื้อมันได้ด้วยเงินสดๆ แบบชิลล์ๆ ไร้ดอกเบี้ย โปรดรำลึกไว้ว่า “ความสามารถในการซื้อด้วยเงินสดหมายถึงความสามารถในการซื้อรถ แต่การมีความสามารถในการซื้อรถไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถในการชำระบิลค่าผ่อนรถ” หากเราซื้อรถมาโดยการกู้ยืมจากไฟแนนซ์เท่ากับเรากำลังจ่ายดอกเบี้ยให้กับทรัพย์สินที่มีค่าเสื่อมราคาซึ่งจะยิ่งขยายช่องว่างระหว่างราคาที่เราต้องจ่ายไปกับมูลค่าของมันจริงๆ และยิ่งหนักไปกว่านั้นเมื่อหลายคนชอบนำรถของตัวเองไปขอสินเชื่อทุกๆ สองถึงสามปีและสูญเสียดอกเบี้ยไปกับวงจรนี้อีกทาง แต่หากเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ ที่คุณต้องซื้อรถ (หรือยืมเงินมาซื้อรถ) ให้เลือกรถที่ประหยัดพลังงาน ใช้น้ำมันหรือแก๊สน้อย รวมถึงค่าประกันและการบำรุงรักษาที่คุ้มค่าที่สุก รถนั้นมีราคาแพง หากเลือกซื้อรุ่นที่เกินความต้องการใช้งานของตัวเองก็นับว่าคุณนำเงินที่ควรจะเป็นเงินเก็บมาเผาเล่นดีๆ นี่เอง

 

5. อย่าเป็นพวก “เล่นใหญ่ไว้ก่อน”

เมื่อถึงคราวที่ต้องซื้อบ้าน คอนโด ที่อยู่อาศัยแบบต่างๆ แนวความคิดที่ว่า “ขนาดใหญ่ไว้ก่อน” ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเสมอไป เว้นเสียแต่ว่าคุณมีครอบครัวที่ใหญ่หรือสมาชิกในบ้านเยอะจริงๆ การซื้อบ้านขนาดใหญ่โตเกินใช้งานมีแต่จะทำให้เราต้องเสียค่าบำรุงรักษาหรือค่าส่วนกลางที่เยอะเพิ่มตามมา เราอยากจะจ่ายมันจริงๆ หรือ สิ่งที่ควรทำคือหาที่อยู่อาศัยที่พอดีกับชีวิตของเรา เพื่อจะได้เอาเงินที่จะต้องไปจ่ายสิ่งที่ “เกินใช้งาน” ไปทำอย่างอื่นที่สร้างคุณค่าให้กับตัวเรามากขึ้น

6. อย่าไปหลงคำโฆษณา “เอาบ้านไปแลกเงิน”

จำไว้ว่าบ้านคือปราสาทของเรา เมื่อใดก็ตามที่เรานำบ้านไปขอ Home Equity Loan หมายถึงสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน หรือที่มักเรียกชื่อเล่นสั้นๆ ว่า บ้านแลกเงิน บ้านคือเงิน บ้านช่วยได้ หรือชื่ออะไรก็แล้วแต่ฝ่ายการตลาดของธนาคารเค้าจะคิดตั้งมาให้โดนใจเรา ถ้าเราเอาบ้านไปแลกเงินเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายก็เท่ากับว่าเราถวายความเป็นเจ้าของบ้านของเราไปให้คนอื่นเสียแล้ว ยังไม่นับรวมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะตามมา เผลอๆ เงินที่คุณต้องจ่ายคืนทั้งหมดอาจมากกว่ามูลค่าบ้านด้วยซ้ำไป น่าช้ำใจไหมละ ถ้าหากเราต้องการใช้เงินจำนวนมากอย่างเร่งด่วน ลองปรับเปลี่ยนวิธีการหาเงินใหม่ดูก่อนไหม หรือเราเจรจาต่อรองอะไรก่อนได้หรือไม่ อย่าพยายามเอาฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายของเราไปแลกเงินมาใช้เลยจะดีกว่า

 

7. อย่าเป็นพวก “อยู่อย่างเดือนชนเดือน”

จากข้อมูลของปี 2018 พบว่าอัตราการออมเงินของครัวเรือนสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.1% ถือว่าค่อนข้างต่ำ ส่วนคนไทยประมาณ 88% มีเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์ไม่ถึง 50,000 บาท! นี่ก็ถือว่าออมกันน้อยมากทีเดียว ตัวเลขแบบนี้หมายความว่าหลายบ้านหลายคนมีสถานการณ์การเงินกันแบบเดือนชนเดือน และไม่มีเหลือเผื่อไว้สำหรับเหตุไม่คาดฝันกันเลย โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สามารถเกิดขึ้นได้ จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณไม่เตรียมความพร้อมของตัวเองตั้งแต่วันนี้ นักวางแผนทางการเงินหลายท่านได้ให้คำแนะนำว่าเราควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 6 เท่าของเงินเดือนสำหรับค่าใช้จ่ายระหว่างช่วงที่เราขาดรายได้

 

8. อย่าเป็นพวก “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เรื่องการเงิน ไม่ศึกษาการลงทุน”

หากเราไม่คิดจะเริ่มให้เงินทำงานให้เราบ้าง เราก็ต้องทำงานเพื่อเงินไปตลอดชีวิต ที่สหรัฐอเมริกามีการระดมทุนรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า Individual Retirement Account (IRA) เป็นการออมเพื่อเลี้ยงชีพหลังเกษียณและได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้คนในระยะยาว สำหรับในไทยก็มีทั้ง กองทุนประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การประกันชีวิตแบบเงินได้ประจำ และกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ลองใช้เวลาศึกษาและทำความเข้าใจสักนิด ชีวิตในบั้นปลายของเราจะได้ไม่ลำบากตัวเอง ไม่ลำบากรัฐ ไม่ลำบากลูกหลาน

 

9. อย่าเป็นพวก “เอาเงินเก็บมาโปะหนี้จนเกลี้ยง”

บางคนอาจคิดอยากลบมูลค่าหนี้ที่ตัวเองมีอยู่ด้วยเงินสะสมในบัญชีจึงถอนเงินเก็บออกมาโปะหนี้ให้หมดๆ ไป แต่อยากจะบอกว่าในโลกความเป็นจริงแล้วเรื่องมันไม่จบสวยเช่นนั้น เพราะเมื่อเราถอนเงินเก็บออกมาโปะหนี้ไปแล้วมันจะยากมากที่เราจะสามารถหาเงินกลับเข้าไปเติมที่เดิมที่มันมาได้ แม้แต่คนที่มีวินัยทางการเงินดีสุดๆ ยังทำได้ลำบาก เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนหมดหนี้จนสิ้นไปแล้ว ความกดดันหรือความรีบร้อนในการหาเงินกลับเข้าไปเติมบัญชีเงินเก็บที่ถอนออกมาก็จะหมดไป  เพราะไฟในการหาเงินดับลงไปแล้ว ความน่ากลัวอยู่ที่เราอาจจะเริ่มเผลอตัวกลับไปใช้จ่ายในรูปแบบเดิมที่ใช้เงินเยอะกว่าหามาได้  และเหตุการณ์แบบนี้นี่เองอาจจะทำให้เรากลับไปติดหนี้อีกรอบนึง กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ซ้ำรอยเดิม เอาเป็นว่าหากเราต้องการจะดึงเงินเก็บไปจ่ายหนี้จริงๆ ล่ะก็ ขอให้แน่ใจว่าเราจะยังมีวินัยมีไฟในการหาเงินกลับเข้าไปเติมบัญชีให้เหมือนกับว่ากำลังติดหนี้สมมุติด้วยก็แล้วกัน สรุปคือ อย่าปิดหนี้แล้วคิดว่าจะสบายตัวเพราะอาจมีหายนะรอเราอยู่ ทางที่ดีเราควรมีหนี้เอาไว้บ้าง พอให้เป็นตัวกระตุกกระตุ้นให้เราลุกออกไปหาเงินเพิ่ม!

 

10. อย่าเป็นพวก “แผนคือไม่มีแผน”

อนาคตทางการเงินของเราขึ้นอยู่กับการวางแผนอย่างไรในวันนี้ หลายคนเสียเวลาไปกับการนั่งดูทีวี ไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือ มีเวลาไปเที่ยวไปทำทุกอย่างแต่ไม่มีเวลาเพียงสักสองชั่วโมงให้กับชีวิตเพื่อนั่งวางแผนทางการเงินให้ตัวเองทั้งๆ ที่เป็นเรื่องโคตรสำคัญสำหรับชีวิตเรา (ฉึกใจไหมละ 555) เราจำเป็นต้องรู้จุดหมายปลายทางของตัวเอง ใช้เวลาให้กับการวางแผนทางการเงินบ้าง เพราะแผนการเงินคือสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ในชีวิตของเราเลยนะ

 

สรุป

โปรดระวังค่าใช้จ่ายแอบแฝงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจสะสมเป็นร้อยเป็นพันในแต่ละวันได้โดยไม่รู้ตัว รู้จักควบคุมงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ขึ้นเช่นค่ารายเดือนหรือรายปี คิดอย่างรอบคอบก่อนที่จะสร้างหนี้ก้อนใหม่ และท่องไว้เสมอว่าการที่คุณซื้อของมาได้ในตอนแรกไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถหาเงินมาจ่ายมันได้หมดในภายหลัง สุดท้ายแบ่งเงินที่ได้มาไว้เป็นเงินเก็บบ้าง รวมถึงแบ่งเวลาศึกษาและวางแผนทางการเงินให้กับตัวเองด้วย

 

แหล่งข้อมูล

https://www.investopedia.com/personal-finance/most-common-financial-mistakes/

https://www.brighttv.co.th/news/economy/215672

https://www.thaipvd.com/content_th.php?content_id=00037 

http://www2.fpo.go.th/S-I/Source/Article/Article8.htm

 

ภาพ

https://unsplash.com/

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

นิว เอปิค อโศก-พระราม 9

นิว คอร์ คูคต สเตชัน

ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์

ทำเลฝั่ง “ธนบุรี” ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...

6 November, 2024

ศุภาลัย ธาม เจริญนคร

เป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ของศุภาลัย ที่เป็นผู้เชี่ย...

2 November, 2024

นิช ไพรด์ เอกมัย

Unimaginable Life ชีวิตเกินจินตนาการใจกลางเอกมัย หาก...

21 October, 2024

ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์

ทำเลสถานีบางหว้า คือสถานี Interchange สำคัญของชาวฝั่...

17 October, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง