ทุกวันนี้กรุงเทพฯมีคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน หากเป็นในย่าน Prime Area, CBD หรือใกล้รถไฟฟ้า ที่ดินบางแห่งก่อนหน้านั้นอาจเป็นบ้านคน อาคารสำนักงาน ปั้มน้ำมัน แต่ถัดมาอีกวันก็อาจจะถูกล้อมรั้วกลายเป็นโครงการคอนโด เพื่อรองรับกับทิศทางการขยายตัวของเมือง และเทรนด์การพักอาศัยแนวสูงแล้วก็เป็นได้ เนื่องจากปัจจุบันผู้คนมีความต้องการที่จะอยู่คอนโดฯ มากขึ้น ด้วยความสะดวกสบายในการเดินทาง เรื่องของ Facilities และการรักษาความปลอดภัยที่แต่ละโครงการมีให้อย่างครบครัน ทำให้คนหลายๆคนที่ต้องการพักอาศัยอยู่ในใจกลางเมืองเลือกที่จะซื้อคอนโดฯ เป็นอันดับแรก

จากความต้องการดังกล่าว จึงทำให้ทุกดีเวลลอปเปอร์ล้วนมองหาทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะพัฒนาโครงการที่มีราคาขายไม่แพงมากนัก โดยอาจเป็นส่วนต่อขยายที่มาจากย่าน CBD มีความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทาง เป็นย่าน Residential ที่มีคนอาศัยอยู่เยอะ มีร้านค้า ร้านอาหาร ความเจริญต่างๆครบสมบูรณ์อยู่แล้ว เพื่อทำโครงการของตัวเองกันถ้วนหน้า เช่นเดียวกับ “สถาพร เอสเตท” (SATHAPORN ESTATE) หรือ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด ที่เป็นบริษัทหนึ่งในกลุ่มทรัพย์สถาพร ซึ่งมีธุรกิจในด้านธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตร, ธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเรือ และมี บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด, บริษัท เฉลิมนคร จำกัด และ บริษัท ทรัพย์หิรัญ จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเดิมทีทางบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการบ้านและทาวน์โฮม ในทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี เป็นที่รู้จักกันอย่างโครงการ บ้านสถาพร รังสิต และบ้านทรัพย์หิรัญ ซึ่งเป็นโครงการบ้านที่อยู่โซนนอกของกรุงเทพฯ คือย่านรังสิต

โดยในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้เตรียมขยายธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยในส่วนของธุรกิจอสังหาฯเพื่อการอยู่อาศัย จากเดิมที่รู้จักในชื่อคือ บ้านสถาพร รังสิต โดยบจก.เฉลิมนคร และ บ้านทรัพย์หิรัญ โดย บจก.ทรัพย์หิรัญ ได้ Rebranding ใหม่เป็น สถาพร เอสเตท (SATHAPORN ESTATE) ที่มุ่งเน้นคุณภาพและบริการ มีการออกแบบและพัฒนาโครงการที่ทันสมัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ โดยมีกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ นั่นคือ “Revitalize” ซึ่งหมายถึงการเสริมความแข็งแกร่งเพื่อรองรับการรุกธุรกิจอย่างมีศักยภาพ เริ่มตั้งแต่การพัฒนา Product ภายใต้ Brand ใหม่ที่ถูกออกแบบมาในแนวคิด “For The Nature Of Life” พัฒนาเพื่อชีวิตอยู่คู่ธรรมชาติอย่างยั่งยืน ทั้งยังเสริมแกร่งด้วยการผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตร หรือ Strategic Alliance เพื่อรองรับการอยู่อาศัยที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของอนาคต (SMART LIFE) ที่ครอบคลุม 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น SMART AUTOMATION เป็นการผนึกกำลังกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง PANASONIC ที่มุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ให้ชีวิตง่ายขึ้น  โดยระบบควบคุมไฟ แอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ, SMART ENERGY เป็นการผนึกกำลังกับ EA ANYWHERE ในการติดตั้งสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า, SMART MOBILITY เป็นการผนึกกำลังกับ BOX24 ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านล็อกเกอร์อัจฉริยะ เพื่อช่วยให้ลูกค้าหมดปัญหาการรับพัสดุ หรือ ฝากสิ่งของ ตอนที่ไม่อยู่บ้าน ด้วยล็อกเกอร์อัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับบริการเสริม เช่น ส่งพัสดุ, ฝากสิ่งของ, ซักอบรีด, และซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดนี้ตอบโจทย์ในยุคดิจิทัล และ SMART ENVIRONMENT ซึ่งได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เพื่อพัฒนาเครื่อง Recycle Vending Machine เพื่อช่วยลดขยะภายในโครงการ โดยลูกบ้านสามารถนำขยะมาขายเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนลดของค่าส่วนกลางได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้อยู่อาศัยนั่นเอง

ศักยภาพของทำเลสาทร ซอย 1 ถูกเติมเต็มให้มากขึ้นด้วย พัฒนาการของโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกหลายแห่งบนถนนพระรามสี่ นำโดยกลุ่ม TCC Asset  และ Fraser Property อย่างโครงการ One Bangkok บนที่ดินขนาด 104 ไร่ ด้วยงบประมาณ 120,000 ล้านบาทซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาโดยภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุด พื้นที่อาคารรวมอยู่ที่ประมาณ 1.83 ล้านตารางเมตร, โครงการ The Parq โครงการมิกซ์-ยูสขนาดใหญ่บนที่ดินขนาด 35 ไร่ติดถนนพระรามที่ 4 และรัชดาภิเษก, โครงการสามย่านมิตรทาวน์ ของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัท TCC Asset บนที่ดินขนาด 13 ไร่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พื้นที่ใช้สอยรวม 222,000 ตารางเมตร พร้อมอุโมงค์ทางเดินเชื่อมระยะทาง 200 เมตรไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสามย่าน และโครงการร่วมทุนกันพัฒนาระหว่าง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) และบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการ 3.67 หมื่นล้านบาท พื้นที่รวม 23 ไร่กว่า

ลัดเลาะดูทำเล The Shade Sathon 1

หากเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน จะเห็นได้ว่าระยะทางจาก MRT ลุมพินี ไปยังโครงการ The Shade Sathon 1 มีระยะทางเพียงแค่ 1.5 กิโลเมตร เท่านั้น สามารถเข้า-ออก ได้หลายเส้นทาง ทั้งซอยสาทร 1

หรือถนนพระรามสี่แล้วเลี้ยวเข้าซอยศรีอักษรที่สามารถเชื่อมไปยังซอยศรีบำเพ็ญได้อีกทาง ในระยะทาง 1.9 กิโลเมตร

“The SHADE (Sathon1)” (เดอะ เชดด์ สาทร 1) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 278 ยูนิต มูลค่าโครงการอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Shades The One You Love” โดยจุดเด่นของโครงการนี้ก็จะเป็นการออกแบบอาคารให้สอดคล้องกับทิศทางลม โดยมีห้องแบบ Single Loaded Corridor สำหรับฝั่งที่มีวิวค่อนข้างบล็อค โปร่งสบายอากาศถ่ายเทสะดวก Air Ventilation Design, Smart Locker, Space Management, His & Her Design มีพื้นที่จอดรถกว่า 63% พร้อมเทคโนโลยี Smart Home Solutions ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมแอร์, TV และแสงสว่างผ่าน Application บนมือถือ และ Digital Door Lock พร้อมพื้นที่สีเขียวและส่วนกลางแบบจัดเต็ม โดยมียูนิตแบบ 1 นอน 28-46.5 ตร.ม. และ 2 นอน 52-60 ตร.ม. ขายในราคาเฉลี่ย ตร.ม. ละ 130,000 – 135,000 บาท   

โดยย่านสาทร ซอย 1 นี้เป็นย่านที่มีสภาพแวดล้อมค่อนข้างดี ชาวต่างชาติรู้จักคุ้นเคย เพราะมีสถานทูตอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็น สถานทูตเดนมาร์ก, สถานทูตเยอรมนี และสถานทูตออสเตรีย จึงเป็นย่าน Expat ที่คนต่างชาติชอบอยู่ ดูเป็น Urban Oasis ใจกลางสาทร ในซอยมีความร่มรื่น อีกทั้งรายล้อมไปด้วย Apartment ดีๆ ให้เลือกอยู่ทั้งรายวันและรายเดือนสำหรับชาวไทยและต่างชาติที่ต้องการหาที่พักเมื่อแวะเวียนเข้ามาในกรุงเทพฯ และยังมีร้านอาหารเก๋ๆ มากมาย ที่ถูกจริตคนต่างชาติ ยังเชื่อมต่อไปยังถนนพระรามสาม พระรามสี่ และนางลิ้นจี่ได้ง่าย จึงเป็นเหตุผลที่สถาพร เอสเตท เลือกพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการแรกในย่านนี้

ซึ่งจากภาพนี้จะเห็นว่าสาทร ซอย 1 เป็นซอยที่น่าอยู่ มีพื้นที่สีเขียวอยู่รอบข้าง และมีโครงการที่พักอาศัยประเภท Service Apartment และคอนโด Low Rise แทรกตัวอยู่เป็นระยะ เช่นเดียวกับ Boutique Hotel ขนาดเล็ก สะท้อนถึงความเป็น Residential Area ที่หลบตัวซ่อนอยู่ไม่ไกลจากใจกลางย่าน CBD สาทร

การเดินทางไปยังสาทรซอย 1 ก็ไม่ยากเลย เพราะปากซอยอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลุมพินีเพียงแค่ 200 เท่านั้น ออกมาที่ทางออก 2 ที่ติดกับอาคาร Life Center และอาคารคิวเฮ้าส์ สาทร

เดินขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็เจออาคาร Life Center ที่เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ชั้นล่างก็จะมีร้านกาแฟ Starbucks ให้นั่ง

ฝั่งตรงข้ามก็เป็นสะพานไทย-เบลเยี่ยม ที่อยู่ตรงแยกพระรามสี่-สาทร พอดี

แถวนี้มีวินมอไซต์เพียบ เพราะอยู่ในย่านที่มีออฟฟิศเยอะ และคนพลุกพล่านตลอด เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่เร่งรีบและไม่อยากใช้บริการของรถไฟฟ้าใต้ดิน

ติดกับอาคารคิวเฮ้าส์ สาทร ก็เป็นซอยสาทร 1 และยังเป็นเส้นทางลัดไปยังถนนงามดูพลี พระรามสี่ได้ ฝั่งตรงข้ามสามารถมองเห็นโรงแรม โซฟิเทล โซ แบ็งคอก บริเวณด้านหลังได้อย่างชัดเจน

เดินเข้ามาในซอยไม่ไกลก็จะมีร้านสะดวกซื้อเซเว่นที่อยู่ติดกับด้านหลังของอาคารคิวเฮ้าส์ และยังมีศูนย์บริการรถเช่า AVIS เป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ในซอยมีอาคารจอดรถให้เช่า ด้วยในซอยมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด หากแวะมาทำธุระแถวนั้นถ้าไม่มีที่จอดรถ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกซึ่งราคาก็พอรับไหว ไม่แพงมากเกินไป

เดินผ่านอาคารจอดรถมาก็ถึงซอยเกอเธ่ หรือซอยสาทร 1 แยก 2 ซึ่งชื่อซอยตั้งตามชื่อของสถาบันเกอเธ่ ประเทศไทย สถาบันด้านวัฒนธรรมเยอรมัน ณ กรุงเทพฯ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาเยอรมัน สนับสนุนกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรม

ตรงข้ามกับซอยเกอเธ่เป็นสถานฑูตเดนมาร์ก

ตลอดเส้นทางที่เดินเข้ามาในซอยจะสังเกตเห็นว่ามีการก่อสร้างอยู่หลายจุด ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อที่ดินแล้วรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมทิ้ง คาดว่าน่าจะเป็นอพาร์ทเมนท์ให้เช่า เนื่องจากในซอยมีชาวต่างชาติแวะเวียนเข้ามาพักอาศัยอยู่ตลอด

เดินมาอีกนิดก็มี Tipamas Suites (ทิพมาศ สวีท) คอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น ที่มีราคาการเช่าต่อเดือนสูงสุดถึงหลักแสน

ข้างๆ กัน มีโรงเรียนนานาชาติแฮมพ์ตั้น ในระดับชั้นเตรียมอนุบาล

เยื้องโรงเรียนนานาชาติมาก็จะเป็น Pantip Suites

ใกล้กับสามแยกก็จะมีห้องพักเต็มสองข้างทาง ส่วนใหญ่เป็นห้องราคาแพง ไม่ใช่แบบหอพักทั่วไปที่ใกล้กับมหาวิทยาลัย

สามแยกที่สามารถเลี้ยวขวาออกไปทางถนนนางลิ้นจี่ พระราม 3 ได้ แต่ทางทีมงานเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังพื้นที่ของโครงการ The Shade Sathon 1

มี S1 Hostel อยู่ตรงแยก และฝั่งตรงข้ามเป็นร้านอาหาร JUST ONE หนึ่งในร้านเก่าแก่ของย่านสาทร มีทั้งโซนห้องแอร์กับโซนด้านนอก และมีที่จอดรถเพียงพอสำหรับลูกค้า

เดินมาไม่ไกลก็จะเห็นสามแยกซอยศรีบำเพ็ญที่มีเซเว่นอยู่ตรงหัวมุมพอดี และฝั่งตรงข้ามเป็นโรงแรม ibis ซอยนี้มีรถผ่านอยู่ตลอด เนื่องจากในซอยมีถนนที่ไม่กว้างมากและมีรถจอดอยู่เต็มสองข้างทาง จึงอาจมีช่วงที่รถผ่านได้ลำบาก ในชั่วโมงเร่งรีบในวันทำงานช่วงเช้าและเย็นอาจมีรถติด

ภายในซอยที่เลี้ยวขวามา ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น โดยชั้นล่างเปิดเป็นกิจส่วนตัว อย่างเช่น ร้านอาหารที่เปลี่ยนเป็นร้านนั่งดื่มในช่วงตอนกลางคืนได้ ร้านนวดเพื่อสุขภาพ ส่วนชั้นบนก็จะมีการปรับปรุงให้เป็นห้องพักรายวันสำหรับลูกค้าที่แวะเวียนมาอยู่แถวนี้ เพราะเป็นย่าน Expat คนต่างชาติชอบอยู่ ที่ใกล้สาทร และมีการสัญจรที่สะดวกสบาย

ในซอยไม่ได้เพียงห้องเช่าที่เป็นแบบโฮสเทลอยู่บนอาคารพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังมีแบบอพาร์ทเม้นต์ โรงแรมหรูให้ได้เช่าพักอาศัยอีกด้วย

มีคอนโดจากค่ายพฤกษาฯ คอนโดเลตต์ พิกเซล ขายหมดไปสักพักแล้ว

และโครงการอพาร์ทเมนท์อื่นๆ

ก่อนถึงโครงการฯ ไม่ไกล ก็จะเจอสามแยกที่มีบิลบอร์ดของโครงการ The Shade Sathon 1 ติดอยู่บนอาคารพาณิชย์ทั้งสองฝั่ง ป้ายมีขนาดใหญ่และอยู่ตรงแยกพอดีทำให้คนที่ผ่านไปมามองเห็นได้อย่างชัดเจน

ถ้าใครสงสัยว่าพื้นที่โครงการ The Shade Sathon 1 อยู่ส่วนไหนในซอย สามารถตามพิกัดของโครงการมาได้ที่ 13.718351, 100.550360  หรือปักหมุดตาม GSP มาแล้วแต่ก็ยังหาไม่เจอ สังเกตง่ายๆ คือ พื้นที่โครงการอยู่ข้างๆ กับ Lumpini Place เผื่อว่าใครยังหาพิกัดของพื้นที่โครงการไม่เจอก็สามารถปักหมุดมาที่ Lumpini Place ก่อนได้เลย

พื้นที่ว่างข้างๆ Lumpini Place เป็นพื้นที่โครงการ The Shade Sathon 1 ที่เป็นโครงการคอนโดฯ โครงการแรกของทาง สถาพร เอสเตท นั่นเอง

โดยฝั่งตรงข้ามของโครงการก็จะเป็นสีลม ซาวน์น่า, ร้านอาหารญี่ปุ่น และรายล้อมไปด้วยอาคารพาณิย์ และมีทางลัดไปยังถนนนางลิ้นจี่ได้อีกด้วย

โครงการ The Shade Sathon 1 (เดอะ เชดด์ สาทร 1) ถือได้ว่าเป็นคอนโดฯ ที่อยู่ในย่าน CBD  สาทร – พระรามสี่ สามารถเชื่อมต่อไปยังเส้นทางสำคัญของกรุงเทพฯ ได้อีกหลายจุด สะดวกรวดเร็วในเรื่องของการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือรถไฟฟ้า แถมยังใกล้กับโครงการ Mega Project อีกหลายโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นบนถนนพระรามสี่ จึงน่าเหมาะกับกลุ่มคนวัยทำงานในย่านเดียวกัน ที่มองหาคอนโดห้องขนาด Compact และมีราคาต่อตรม.ที่ไม่แพงมาก บนทำเลที่ตัดขาดจากความวุ่นวายของถนนใหญ่สาทร แต่เพียบพร้อมด้วยอาหารการกินอันอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งวัน โดยที่นี่ยังเป็น Condo Low Rise ที่ให้พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มทันสมัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม จากข้อได้เปรียบของขนาดที่ดิน ที่ใหญ่กว่าโครงการ Low Rise แห่งอื่นๆในย่านเดียวกัน

มุมมองของ Checkraka.com ที่มีต่อโครงการ The Shade Sathon 1

“Business or Pleasure” บนสาทรในราคาต่ำกว่า 1.5 แสนบ./ตร.ม. : Low Rise แบบ The Shade Sathon 1 ตอบโจทย์ท่านได้

สาทรเป็นหนึ่งในทำเลที่ถ้าคนไม่เคยมาอยู่ อาจจะไม่สนใจที่จะมาอยู่ เพราะภาพลักษณ์จะออกเป็นย่านธุรกิจ ย่านคนทำงาน ไม่ค่อยมีภาพลักษณ์ของย่าน Residential สักเท่าไหร่ นอกจากนี้ ยังไม่มีย่านกินอยู่แบบสีสันหลากหลายเหมือนทองหล่อ หรือย่านกินอยู่แบบราคาย่อมเยาอย่างอ่อนนุช และราคาของที่ดิน บ้าน และคอนโดก็ค่อนข้างจะสูงติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทยมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผมในฐานะที่เคยทำงาน และอยู่อาศัยในย่านแถบนี้มากว่า 20 ปี ขอนำเสนอมุมมองทางเลือกให้คนหาคอนโด ลองพิจารณาดูนะครับว่าจริงๆ แล้วสาทรก็มีความน่าอยู่ในสไตล์ของสาทรยังไงบ้าง

น่าสนใจเพราะว่า …

หลักๆ เลย ผมมองว่าสาทรมีความน่าสนใจด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

“สาทร” เปลี่ยนแปลงในเชิงบวกมาตลอด

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ย่านอื่นๆ มีการพัฒนาคอนโดมิเนียมกันเยอะ ไม่ว่าจะเป็นย่านพระราม 9, รัชโยธิน และสุขุมวิท แต่ย่านสาทรมีคอนโดขึ้นใหม่ไม่ค่อยเยอะมากนัก จริงๆ แล้วก็เงียบมาพักใหญ่ๆ และเพิ่งมาเริ่มคึกคักอีกครั้งกับการเปิดตัวไล่ๆ กันของ The Lofts Silom และ The Line Sathorn โดยเฉพาะ The Line ในราคาเปิดตัวกว่า 250,000 บาท/ตรม และ Sold Out ใน 1 วัน ปกติถนนสาทรจะแบ่งเป็นเหนือ-ใต้ แต่ถ้ามองในแง่การพัฒนาคอนโด ผมขอมองเป็นแบบครึ่งแรกกับครึ่งหลัง โดยครึ่งแรกนับจากพระราม 4 โดยมีจุดตัดตรงกลางคือถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และครึ่งหลังจากถนนนราธิวาสฯ ไปจนถึงสะพานสาทร หลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาคอนโดจะเน้นอยู่ด้านครึ่งหลังของสาทร ไล่มาตั้งแต่ Rhythm Sathorn, Noble Revo Silom, The Bangkok Sathorn, The Diplomat Sathorn, The Line Sathorn เป็นต้น แต่ในช่วงหลังๆ ก็เริ่มขยับมาทางครึ่งแรกมาทางพระราม 4 มากขึ้น ทั้ง Supalai Icon และ The Reserve Sathorn เป็นต้น ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้เป็นตึก  High Rise ทั้งหมดเป็นตึก 200,000 บ./ตร.ม. ทั้งสิ้น

แนวโน้ม “สาทร” ในอนาคต

หลายๆ คนมองว่า สาทรเหมือนจะไม่ค่อยมีที่ดินพัฒนาแล้ว ซึ่งก็เป็นความจริง คือไม่ค่อยมีที่ดินเปล่าแล้ว (ยกเว้นแปลงที่เห็นชัดๆ ก็เช่น แปลงติดโรงแรม Eastern Grand Hotel) แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นว่า ที่ดินแปลงซึ่งเคยมีตึกตั้งอยู่นั่นแหละ ที่มีการนำออกขาย ทุบทิ้ง และพัฒนากันเป็นคอนโด ออฟฟิศสำนักงาน หรือ Mixed Use ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เลยก็เช่น

• ที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย ซึ่งได้มีการประมูลขาย และผู้ชนะคือศุภาลัย ที่จะนำมาพัฒนาเป็น Supalai Icon
• ตึก Double A Book Tower ปากซอยสาทร 12 ซึ่งจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมโดย แกรนด์ยูฯ
• สุคนธ์ คอร์ต อพาร์ตเม้นท์ ตรงข้ามสถานทูตฝรั่งเศส ที่จะมีการนำมาพัฒนาเป็นสำนักงานออฟฟิศ
• ตึกหุ่นยนต์ UOB Bank ในปัจจุบัน ถ้าสำนักงานใหม่ UOB ตรงใกล้ Emporium เสร็จ ตึกหุ่นยนต์ก็อาจมีโอกาสเปลี่ยนมือนำมาพัฒนาใหม่ได้เหมือนกัน

ดังนั้น อีก 2-5 ปี ข้างหน้า ผมมั่นใจว่าสาทรจะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นไปอีก และราคาคอนโดใหม่ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

The Shade Sathon 1 (เดอะ เชดด์ สาทร 1) เหมาะกับใคร

แผนที่โครงการ  เดอะ เชดด์ สาทร (The Shade Sathon 1)

Google map : 13.7195968,100.5490561

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า The Shade Sathon 1 ไม่ได้อยู่บนถนนใหญ่สาทรนะครับ และเป็น Low Rise ซึ่งก็มีข้อดีคือถูกตัดขาดจากความวุ่นวายของถนนใหญ่สาทร และราคาจะไม่แพงเหมือนพวกคอนโดตามถนนใหญ่ แต่ The Shade Sathon 1 อยู่ในซอยครับ ซึ่งเป็นซอยที่เข้าจากทางสาทรซอย 1 ได้ หรือจะเข้าจากทางพระราม 4 หรือรัชดาภิเษกก็ได้ อยู่ในย่านที่มีความคึกคักทั้งในเชิงอาหารการกินรอบๆ โครงการ และบรรยากาศความเป็นนานาชาติที่มีนักท่องเที่ยวมาอาศัยกันเยอะ ภาพบรรยากาศรอบๆ โครงการจะดูได้จากภาพที่ทาง Propholic ไปเดินชมทำเลมาข้างต้นนะครับ

ในส่วนของราคาเปิดตัวนั้น ก็มีความน่าสนใจมาก เพราะเท่าที่ทราบมาราคาจะไม่เกิน 150,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่กะทัดรัดจับต้องได้มาก โดยมียูนิตแบบ 1 นอน 28 – 35 ตร.ม. และ 2 นอน 46 – 60 ตร.ม. ขายในราคาเฉลี่ย ตร.ม. ละ 130,000 – 135,000 บาทเท่านั้น

รายละเอียดของโครงการยังมีไม่มากนัก เบื้องต้นคือสูง 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวนรวม 278 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท พร้อมพื้นที่จอดรถกว่า 63% เลยทีเดียว  แต่อย่างไรก็ตามทาง Checkraka และ Propholic มีภาพเปิดตัวอย่างเป็นทางการภาพแรก มาเรียกน้ำย่อยกันก่อน เป็น Sunset Garden ให้ชมพระอาทิตย์ตกดินสุดสวย ในสวนลอยฟ้าสุดโรแมนติก

หากทาง Checkraka หรือ Propholic ได้รายละเอียดเพิ่มเติม ทางเราจะรีบนำมาเสนอทันทีนะครับ ในระหว่างนี้ หากใครสนใจ หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถลงทะเบียนด้านล่างได้เลยนะครับ ด้วยราคาเท่านี้ในตลาดแบบนี้ เราคาดว่าโครงการนี้น่าจะขายได้คล่องตัวไม่ยากครับ

เดอะ เชดด์ สาทร (The Shade Sathon 1) ราคาเริ่มต้น 3.69 ลบ.* ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท คาดว่าทาง The Shade จะเปิด Pre-Sale ในช่วงปลายไตรมาส 3/2561 นี้

คลิกลงทะเบียน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 087-669-1111 และ https://bit.ly/2N3QmK2 หรือ  www.facebook.com/sathapornestate