มีอะไรน่าสนใจในโรงแรม The Ritz-Carlton, Bangkok แลนด์มาร์คระดับโลกแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ
The Ritz-Carlton, Bangkok (เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ) คือโรงแรมที่มีกำหนดเปิดให้บริการเป็นโรงแรมแรกในโครงการ วัน แบงค็อก ในวันที่ 4 ธค.นี้ จากโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ในระดับ Luxury ทั้งหมด 5 แห่ง โดยมีที่เผยรายละเอียดแล้ว 3 แห่งคือ The Ritz-Carlton, Bangkok โรงแรมหรูระดับ 6 ดาวแห่งแรกบนถนนพระราม 4 สูง 50 ชั้น ในอาคารสูง 216 เมตร วิวสวนลุมฯ / Andaz โรงแรม แอนดาซ วัน แบงค็อก โรงแรมแบรนด์แอนดาซแห่งแรกในกรุงเทพฯ ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการใน ปี 2568 /และ เฟรเซอร์ สวีทส์ กรุงเทพ บน Tower 2 ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการ ในปี 2569 ความน่าสนใจของโรงแรมแห่งนี้ก็คือที่ตั้งของอาคารที่ออกแบบมาให้รับวิวสวนลุมในระยะประชิดได้อย่างเต็มที่ โดยเป็นอาคารที่ผสมผสานระหว่างโครงการ Ultra Luxury Residences อย่าง ONE89 Wireless และโรงแรม ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ (ชั้น 1-24 เป็นโรงแรม ก่อนจะคั่นด้วย Residences Facilities บนชั้น 25 และจากชั้น 26 – 50 เป็นส่วนของ ONE89 Wireless ที่ขายกันในระดับราคากว่า 4 – 5 แสนบาทต่อตรม. ประกอบด้วยห้องพักที่ตกแต่งอย่างหรูหราจำนวน 260 ห้อง โดยมีห้องชุดสวีท 32 ห้องและห้องชุดสวีทสุดอลังการ Ritz-Carlton Suite 1 ห้อง ชูการออกแบบบนคอนเซปท์ Urban Resort ในสไตล์ร่วมสมัย ผสานกลิ่นอายความเป็นไทย เสริมความโดดเด่นด้วยภัตตาคารและบาร์ 4 แห่ง นอกจากนี้ยังมีซิกเนเจอร์สปาอันเป็นเอกลักษณ์ ห้องบริการทรีตเมนต์ส่วนตัว 6 ห้อง บริการสปาเลาจน์ อ่างน้ำวน ห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำ พร้อมห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยงซึ่งได้รับการออกแบบให้มีแสงแดดธรรมชาติเข้าถึง และเป็นห้องจัดเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาโรงแรมระดับลักชัวรี่ในประเทศไทย จึงสามารถรองรับความต้องการในการจัดประชุมและการจัดเลี้ยงได้ทุกรูปแบบ รองรับแขกได้สูงสุดถึง 1,200 คน
สถาปนิกผู้มีวิสัยทัศน์จากบริษัท SOM ในชิคาโก และบริษัท A49 ของประเทศไทย ได้ออกแบบภายนอกอาคารให้มีเฉลียงแบบเปิดที่ไล่ระดับขึ้นอย่างงดงาม ซึ่งให้มุมมองที่กว้างไกลไปจนถึงสวนลุมพินีและเส้นขอบฟ้าของเมือง ส่วนภายในนั้น บริษัทออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของไทยอย่าง PIA ได้สร้างสรรค์พื้นที่ที่สะท้อนถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของโรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ผ่านการตกแต่งที่แฝงไปด้วยความหรูหราซึ่งไร้กาลเวลาและความทันสมัยที่ลงตัว
แรงบันดาลใจจากแนวคิด “สองอารยธรรมผสานเป็นหนึ่ง” ทำให้โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โอบรับความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงอันเปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเรื่องราวอันน่าประทับใจ ย้อนไปในช่วงปี ค.ศ.1800 ประเทศไทยได้ผสมผสานประเพณีที่หวงแหนเข้ากับอิทธิพลจากนานาอารยประเทศได้อย่างไร้รอยต่อ ถนนวิทยุ ซึ่งเคยเป็นเคหสถานของเหล่าขุนนางไทย กลายเป็นประตูสู่ยุคใหม่ของการเดินทางและการสำรวจ โรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ก็สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวานี้ผ่านมุมมองอันงดงามเพื่อเชิญชวนแขกสู่โอเอซิสที่ทันสมัยและเงียบสงบ เมื่อมาถึง แขกจะผ่านประตูโค้งที่โอ่อ่าเข้าสู่โถงทางเข้าและ The Front Hall หรือห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะต้นฉบับและภาพถ่ายขาวดำ ให้บรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนบ้านพักส่วนตัว
ด้วยการผสมผสานระหว่างศิลปะไทยดั้งเดิมและการออกแบบร่วมสมัย ห้องพักและห้องสวีทของโรงแรม เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเปิดรับทิวทัศน์อันงดงาม ขณะที่ห้องพักหลายห้องมีระเบียงส่วนตัวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์สีเขียวชอุ่มของสวนลุมพินี โดยผู้เข้าพักสามารถเลือกห้องพัก Deluxe Room ขนาดกว้างขวาง 50 ตารางเมตร ห้องสวีท Gardenia Suite ที่ตกแต่งอย่างประณีตบนพื้นที่ 102 ตารางเมตร หรือห้องสวีท Marigold และ Amaranth Suite ที่น่าหลงใหล ในขนาด 127 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมี The Ritz-Carlton Suite เพนท์เฮาส์ขนาด 389 ตารางเมตร ที่มอบประสบการณ์พักผ่อนสุดหรูอันเป็นเอกลักษณ์
ด้วยการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการสร้างสรรค์ประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมความหลากหลายและเปี่ยมไปด้วยสุนทรียะทางด้านวัฒนธรรมอันงดงามในแต่ละเมือง แมริออท อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ (Marriott International, Inc.)จึงให้ความสำคัญกับการออกแบบประสบการณ์ลูกค้า ของแต่ละแบรนด์โรงแรมในเครือแมริออทซึ่งมีกว่า 31 แบรนด์ให้ชัดเจน เพื่อส่งมอบประสบการณ์อย่างดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และดึงดูดให้กลับมาใช้บริการซ้ำ โดยโรงแรมที่ปัจจุบันมีกว่า 31 แบรนด์กระจายทั่วโลก รองรับทุกกลุ่มตลาดใน 3 ระดับ ครอบคลุมระดับลักชัวรี เช่น เซนต์รีจิส (St. Regis) และเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน (The Ritz-Carlton) ส่วนระดับพรีเมียม เช่น แมริออท (Marriott) และเชอราตัน (Sheraton) รวมถึงระดับซีเล็กต์ เช่น คอร์ทยาร์ด (Courtyard) และม็อกซี่ (Moxy)