พาทัวร์ OCC (One City Centre) อาคารสำนักงานเกรดเอพลัสระดับลักชัวรี่แห่งใหม่ โดย RML X Mitsubishi Estate พร้อมสุดยอดรูฟท็อปเดสทิเนชั่นใจกลางกรุง
ในปัจจุบันนี้อาคาร OCC นับว่าเป็นอาคารสำนักงานสร้างเสร็จ ที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทยครับ ด้วยความสูง 61 ชั้น หรือ 275.76 เมตร (แต่ในอนาคตอันใกล้สถิตินี้จะถูกทำลายโดยอาคาร Signature Tower ของ ONE BANGKOK ที่มีความสูง 90 ชั้น หรือประมาณ 437 เมตรกว่าๆ) ตัวโครงการนับว่าสร้างเสร็จในส่วนที่ตลาดอาคารสำนักงานในประเทศไทยกำลัง Reach ถึงขีดสุด โดยอ้างอิงจาก ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย พบว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2566 อุปทานพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 9.650 ล้านตารางเมตร (ตร.ม.) คิดเป็นร้อยละ 0.94 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยพบว่ามีการเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานใหม่จำนวน 5 โครงการ ด้วยพื้นที่เช่ารวม 90,983 ตร.ม. และคาดการณ์ว่าคาดการณ์ว่าสำหรับในปี 2566 อาจมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าก่อสร้างแล้วเสร็จและเข้าสู่ตลาดใหม่อีกประมาณ 56,379 ตร.ม. ปี 2567 ประมาณ 532,778 ตร.ม. และปี 2568 อีก 169,500 ตร.ม. โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 95.16 เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ และตั้งอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ ซึ่งในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา พื้นที่สำนักงานทั้งหมดในกรุงเทพฯ ถูกใช้ไปแล้วกว่า 8.635 ล้าน ตร.ม. ส่งผลให้อัตราการเช่าโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 89.48 ปรับตัวลดลงจากในช่วงไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 0.38 โดยพบว่าพื้นที่สุขุมวิทยังคงเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเช่าสูงสุดในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่ร้อยละ 92.33 ขณะที่พื้นที่รอบเมืองฝั่งทิศตะวันตกมีอัตราการเช่าสูงสุดในพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจที่ร้อยละ 95.86
และสำหรับข้อมูลของพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอ พลัส ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของกทม. ข้อมูลจาก CBRE พบว่า ในไตรมาส 1 ปีนี้ มีพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 9.38 ล้านตารางเมตร ซึ่งแบ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A+ บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) อยู่ที่ 400,000 ตร.ม. และเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A บนทำเล CBD อยู่ที่ 900,000 ตร.ม. รวมถึงเป็นพื้นที่ให้เช่าอาคารสำนักงาน Grade A นอกพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (Non-CBD) อยู่ที่ 520,000 ตร.ม. จะเห็นได้ว่าอุปทาน (Supply) พื้นที่ให้เช่าในอาคารสำนักงาน Grade A+ มีน้อยที่สุด
“OCC เป็นอาคารสำนักงานเกรดเอพลัส ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Fitwel ในระดับ 2 ดาว โครงการแรกของไทย (Fitwel Design Certification, Multi-Tenant Base Building v2.1 with 2-Star rating) เป็นมาตรฐานอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคารระดับสากล ก่อตั้งโดยกรมควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) และดำเนินการโดย Center for Active Design (CfAD) จึงตอบโจทย์ เทรนด์ผู้เช่าที่มองหาอาคารเขียว มอบความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเสริมด้วยจุดเด่นที่มีระบบเครื่องปรับอากาศทำงานแบบยืดหยุ่นสูง สามารถเลือกเปิดได้ 24 ชั่วโมง ก้าวข้ามขีดจำกัดพื้นที่สำนักงานให้เช่าที่มักจะตัดไฟตัดแอร์เวลา 17.00 น. ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้า flexible work hours ได้ตรงจุด ตอบโจทย์การเป็นมหานครเมืองทำงาน 24 ชั่วโมง สำหรับสัดส่วนผู้เช่าคาดว่า 60% จะเป็นผู้เช่าบริษัทต่างชาติ อีก 40% เป็นบริษัทไทย เทรนด์ปี 2566-2567 คาดว่าอาคารสำนักงานเกรดเอพลัสบนทำเล CBD จะเพิ่มขึ้นอีก 4-5 โครงการ และผมมองว่าออฟฟิศสำนักงานเกรดเอพลัสบนทำเล CBD จะยังคงมีดีมานด์สูงอย่างต่อเนื่อง” กรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน)
โครงการนี้ ไรมอน แลนด์ ร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท จากญี่ปุ่น บนมูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท และเป็นการเติมเต็มความต้องการของกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในไทย แต่ที่ผ่านมาทางพาร์ทเนอร์ขาประจำอย่างเอพี ดูจะไม่ค่อยอยากที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นตลาดนี้สักเท่าไหร่ โดยตัวโครงการสามารถเดินเชื่อมต่อเข้าไปในอาคารผ่าน Sky Bridge ของสถานีบีทีเอสเพลินจิตได้เลยเมื่อสะพานก่อสร้างแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปี 2566 โดยไรมอน แลนด์ถือหุ้น 60% มิตซูบิชิ เอสเตท ถือหุ้น 40% มีพื้นที่ให้เช่า 61,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 86% พื้นที่ค้าปลีก 14% โครงการได้รับการวางคอนเซ็ปต์ให้เป็นที่สุดแห่งอาคารสำนักงานยุคใหม่ใจกลางเพลินจิตพรั่งพร้อมทุกองค์ประกอบของการเป็นทั้งพื้นที่ซึ่งส่งเสริมให้ผู้คนทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมดื่มด่ำกับความรื่นรมย์ในศูนย์กลางไลฟ์สไตล์เหนือระดับ ด้วยแนวคิดการออกแบบที่จุดประกายพลังสร้างสรรค์ทั้งในการทำงาน ต่อยอดธุรกิจ และการพักผ่อน รวมทั้งส่งเสริมคนทำงานให้พัฒนาสู่ความเป็นผู้นำ ที่นี่จึงเป็นเสมือนพื้นที่แห่งการเติมเต็มชีวิตในทุกมิติอย่างแท้จริง บนแนวคิด ‘REIMAGINE YOUR WORLD’ ที่เป็นการผสานความร่วมมือกันระหว่างบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลกและบริษัทสถาปนิกที่มีชื่อเสียงของไทย ตั้งแต่การออกแบบสถาปัตยกรรม ตกแต่งภายใน ตลอดจนภูมิทัศน์โดยรอบโครงการที่แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งของโครงการมาทำเป็นพื้นที่สวนขนาดใหญ่ถึง 3 ไร่
โดยมีที่ปรึกษาในการวางแนวคิดการออกแบบอาคารคือ สกิดมอร์, โอวิงส์ และเมอร์ริล ไทยแลนด์ (Skidmore, Owings & Merrill (Thailand) หรือ SOM (Thailand) บริษัทดีไซน์ชั้นนำระดับโลก ผู้ออกแบบ อาคารเบิร์จ คาลิฟา (Burj Khalifa) ที่ดูไบ ซึ่งทำงานร่วมกับ ดีไซน์ 103 อินเตอร์เนชั่นแนล (Design 103 International) บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นนำของไทยที่มีประวัติยาวนานและมีผลงานอาคารระดับมาซเตอร์พีซมากมาย เช่น ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และสนามบินสุวรรณภูมิ และแทนเดม อาร์คิเท็ค (2001) (Tandem Architects) บริษัทสถาปนิกแถวหน้าของไทยที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาคารสูง โดยมี ฉมา (Shma) บริษัทภูมิสถาปัตย์ชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์ ระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อมเป็นที่ปรึกษาด้านภูมิทัศน์ ดีดับเบิ้ลยูพี (ประเทศไทย) (DWP (Thailand)) บริษัทออกแบบและตกแต่งภายในชั้นนำ เป็นที่ปรึกษาด้านการตกแต่งภายใน และออเรคอน คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) (Aurecon Consulting (Thailand)) ผู้นำด้านบริการงานออกแบบ ให้คำปรึกษาและบริหารงานทางวิศวกร เป็นที่ปรึกษาด้านงานระบบไฟฟ้า และงานระบบเครื่องกล ด้วยจุดมุ่งหมายในการสร้างอาคารสำนักงานลักชัวรี่ที่มีดีไซน์สุดล้ำ ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมระดับโลกและศิลปะวัฒนธรรมไทยเข้าด้วยกัน เห็นได้จากแผงแนวเฉียงที่พาดอยู่บนส่วนหน้าของอาคาร (façade) ซึ่งเป็นดีไซน์ที่มีความสอดคล้องลงตัวกับสภาพอากาศเมืองไทย โดยทำหน้าที่ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์เข้าสู่อาคาร นอกจากนี้ในตัวอาคารยังมี Signature Design & Function และเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย เพื่อเปิดมิติใหม่สู่โลกของอาคารออฟฟิศและสุดยอดศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แห่งอนาคต อาทิ
การออกแบบด้วยการเพิ่มพื้นที่เปิดโล่งหันหน้าสู่ถนนด้านหน้าได้เต็มที่ และยกพื้นที่กลางแจ้งทั้งหมดนี้ให้เป็นสวนสาธารณะที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์ได้/ ตัวอาคารแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักที่มีลักษณะตรงกันข้าม คือส่วนแกนกลางเป็นแท่งทึบรูปทรงที่เพรียวบางหันสู่ทิศตะวันตก และส่วนผนังกระจกใสตลอดความยาวตึกซึ่งเป็นพื้นที่ออฟฟิศหันสู่ ทิศตะวันออก รวมทั้งพื้นที่สีเขียวตามจุดต่าง ๆ ทั้งพื้นที่โถงใหญ่กลางอาคาร (Atrium) ระเบียง และสวนหย่อมกระจายอยู่ทั่วอาคาร/ การพัฒนาโครงการ OCC มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำสมัยที่สุด เช่น การสร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร (BIM) / เพดานสูง 3 เมตรต่อชั้น แบบไม่มีเสากั้น ออกแบบ Knockout Panels ทุบเชื่อมต่อพื้นที่กันระหว่างชั้นได้/ การติดตั้งเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับแก่ผู้เช่า เช่น แอปพลิเคชั่นมือถือสำหรับผู้เช่าอาคาร