พาดูทำเล The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station คอนโดวิวอ่าวไทย ใจกลางสมุทรปราการ นั่งรถไฟฟ้าง่าย ต่อเดียวสู่ใจกลางกรุงเทพฯ
สมุทรปราการ นำร่องการพัฒนาด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ปัจจุบันนี้ การเดินทางทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีความสะดวกเป็นอย่างมาก เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ หลายทำเลกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่จะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากในอนาคตที่โครงการรถไฟฟ้าแล้วเสร็จทุกเส้นทาง จะทำให้ผู้คนเชื่อมต่อกันได้โดยง่ายและไม่ต้องหงุดหงิดการการจราจรที่ติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งรีบอีกด้วย เช่นเดียวกับทำเลสมุทรปราการ ที่เป็นเขตปริมณฑลติดกับกรุงเทพฯ อยู่ในเส้นของรถไฟฟ้าสายหลักอย่างสายสีเขียว เป็นรถไฟฟ้าสายยาวที่ผ่านมากถึง 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ ในอนาคตมีแผนจะสร้างต่อถึงบางปูที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่หลายคนรู้จักกัน ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย
จนส่งผลให้โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่เปิดขายในย่านสมุทรปราการได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายค่อนข้างสูง อีกทั้งยังทำให้ถนนสายรองหรือว่าซอยแยกต่างๆ ที่แยกจากถนนสุขุมวิทมีศักยภาพมากขึ้นกว่าในอดีตค่อนข้างมาก เพราะปัจจัยทางด้านจำนวนนิคมอุตสาหกรรม และโรงงานขนาดใหญ่ ที่กระจายตัวอยู่อย่างหนาแน่นในพื้นที่นี้ ที่มีส่วนส่งเสริมให้ตลาดที่อยู่อาศัยขยายตัว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ในถนนสายรองที่เชื่อมกับถนนสุขุมวิท ทั้ง แพรกษา เทพารักษ์ ปู่เจ้าสมิงพราย หรือตามซอยแยกต่างๆ ที่มีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งอพาร์ตเม้นต์ หอพัก เพื่อรองรับแรงงานที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู หรือว่าตามโรงงานต่างๆ บนถนนปู่เจ้าสมิงพราย และเทพารักษ์
อีกทั้งในปัจจุบันที่มีการเปิดให้ใช้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตั้งแต่ช่วงสำโรงไปจนถึงเคหะสมุทรปราการ ทำให้การเดินทางจากช่วงสุขุมวิทตอนกลางไปยังทำเลสมุทรปราการไม่ได้ยากและใช้เวลานานเท่าเมื่อก่อน จึงทำให้ดีเวลลอปเปอร์หลายรายเข้ามาเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นแต่เกือบทั้งหมดจะเป็นโครงการติดถนนสุขุมวิทไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายทั้งสถานีสำโรง ปู่เจ้าสมิงพราย เอราวัณ แม้กระทั่งสถานีบางปูก็เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายเช่นกัน โครงการเหล่านี้มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาทต่อยูนิต
ซึ่งที่พักอาศัยในกลุ่มของอพาร์ทเม้นท์ และหอพักในทำเลสำโรง – สมุทรปราการนี้ มีเป็นจำนวนมากหลายสิบโครงการ และส่วนใหญ่จะมีราคาค่าเช่าประมาณ 3,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับสภาพ ทำเล และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ซึ่งอัตราเช่าส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะโครงการรอบๆ โรงงานอุตสาหกรรม หรือว่านิคมอุตสาหกรรมบางปู รวมทั้งในโครงการเอื้ออาทรที่มีเจ้าของห้องเปิดให้เช่ารายเดือนอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน อีกทั้งคนจำนวนไม่น้อยต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองทดแทนการเช่าอพาร์ทเม้นท์ หรือหอพัก แต่ยังไม่สามารถไปซื้อคอนโดมิเนียมที่อยู่บนถนนสุขุมวิทช่วงแบริ่งได้เพราะว่าราคาขายอาจจะสูงเกินไป
โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เป็นส่วนต่อขยายมาจากสถานีแบริ่ง ซึ่งถือเป็นการนำร่องการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเข้ามาสู่ทำเลสมุทรปราการอย่างแท้จริง ที่เริ่มจากสถานีสำโรงไปจนถึงสถานีเคหะสมุทรปราการ เป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ผ่านทั้งหมด 9 สถานี ได้แก่ สถานีสำโรง, สถานีปู่เจ้าสมิงพราย, สถานีพิพิธภัณฑ์เอราวัณ, สถานีโรงเรียนนายเรือ, สถานีสมุทรปราการ, สถานีศรีนคริทร์, สถานีแพรกษา, สถานีสายลวด และสถานีเคหะสมุทรปราการ ในอนาคตสามารถเชื่อมต่อไปยังโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรงได้ที่สถานีสำโรง และความถี่การให้บริการระหว่างสถานีสำโรง ถึงสถานีเคหะสมุทรปราการ จะมีระยะห่างระหว่างขบวน 4 นาที 50 วินาที โดยจะมีขบวนรถวิ่งสลับกันให้บริการ
ซึ่งวันนี้เราจะขอแนะนำโครงการใหม่ล่าสุดจากทางออริจิ้น ก็คือ ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น (The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station) ที่อยู่ใกล้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีสายลวด ซึ่งเป็นโครงการต่อจาก ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช” (The Origin Onnut) ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่วงการอสังหาฯ Sold Out ภายใน 1 ชั่วโมง แม้เป็นการเปิดขายออนไลน์แบบ Next Normal ผ่านช่องทางออนไลน์ 100% บนแพลทฟอร์มอีเวนท์การขายออนไลน์ ภายใต้ชื่อ www.evenprop.com โดยไม่มีสำนักงานขาย ไม่มีพนักงานขายแบบออฟไลน์ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างยอดเยี่ยม โดยโครงการ ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น จะมีการเปิดตัวในปลายไตรมาส 3 ปี 2563 นี้ ที่มาพร้อมกับการเปิดตัว “Origin Next Normal, The 2nd Wave” ซึ่งจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับการอยู่อาศัยภายใต้บริบทแห่งอนาคตนั่นเอง
ดังนั้นเราจึงจะพาทุกคนไปยังโครงการ ดิ ออริจิ้น สุขุมวิท สายลวด อี 22 สเตชั่น (The Origin Sukhumvit Sailuat E22 Station) ไปดูว่าโครงการจริงจะตั้งอยู่ส่วนไหนของถนนสายลวด และระยะทางจาก BTS ไปถึงโครงการ ต้องเดินใกล้หรือไกลแค่ไหน โดยการเดินทางด้วย BTS ที่มีความสะดวกและรวดเร็วเป็นอย่างมาก แอบกระซิบว่าตั้งแต่สถานีแบริ่ง- เคหะสมุทรปราการ ตอนนี้ไม่เก็บค่าโดยสารด้วย และการนั่ง BTS ก็จะผ่านทั้งหมด 8 สถานี ก่อนจะถึงพื้นที่ของโครงการ เรามาดูกันดีกว่าแต่ละสถานีเป็นอย่างไร มีที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้าอะไรที่อยู่รอบๆ สถานีบ้าง เพื่อใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อของทุกคนจ้า
มาเริ่มกันที่สถานีสำโรงที่ต่อขยายมาจากสถานีแบริ่ง เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่ปี 2560 และที่ได้พูดไปในข้างต้นว่าสถานีสำโรงสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่กำลังทำการก่อสร้างได้ที่นี้ โดยทางเดินเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสองสายคือศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง
แผนที่ของสถานีรถไฟฟ้าทุกสายในกรุงเทพฯ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้ผู้คนทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสามารถเดินทางเชื่อมไปยังย่านต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น ใช้เวลาเดินทางไม่นาน และเราได้มาร์กจุดให้ดูว่าจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเหลืองอยู่ตรงไหน ตำแหน่งตามลูกศรชี้ด้านล่างตามรูปภาพเลยจ้า
ภาพจาก : https://www.rentconnected.com/blog/map-bangkok-metro-system.pdf
จากสกายวอร์คก็จะมองเห็นบริเวณแยกสำโรงและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีสำโรงได้อย่างชัดเจน
มาถึงหน้าตู้กดบัตรบีทีเอส ใช้ได้ทั้งธนบัตรและหยอดเหรียญ
จิ้มไปที่สถานีสายลวดตามภาพได้เลย นั่งชิล 7 สถานีเองจ้า
บัตรโดยสารแบบเที่ยวเดียวที่เรากดมามีลักษณะแบบนี้ ได้บัตรมาแล้วก็เข้าไปในสถานีกันเลย
สแกนบัตรก่อนเข้าสถานีตรงจุดนี้ ตอนนี้ทุกสถานีจะมีเครื่องวัดอุณหภูมิ ใครที่มีอุณหภูมิเกิน 37 องศา ไม่สามารถใช้บริการรถบีทีเอสได้นะ และเพื่อเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม และป้องกันการแพร่เชื้อที่กำลังระบาดอยู่ในช่วงนี้ ควรยืนห่างกัน 1-2 เมตร ด้วยนะ
ขึ้นไปรอรถชั้นบนกัน
จากจุดนี้มองเห็นบริษัท พานาโซนิค
สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ อยู่ติดบันไดบีทีเอสเลย
ภายในสถานีช่วงบ่าย 2-3 คนไม่เยอะเท่าไหร่ และเป็นช่วงยังไม่เลิกงาน หรือเลิกเรียนด้วย
และเมื่อไม่นานมานี้ บีทีเอสได้เปลี่ยนป้ายชานชาลาแบบใหม่ ซึ่งเป็นป้ายบอกจุดหมายว่าเราจะไปที่ไหน ซึ่งแถบลูกศรบอกทางค่อนข้างเล็กมาก ขอให้ทุกคนเช็คเส้นทางกันดีๆ นะ
สถานีต่อจากสำโรง คือ สถานีปู่เจ้า
มีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ Big C ติดกับบันไดบีทีเอส สะดวกต่อการเดินทางโดยที่ไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว
ฝั่งตรงข้าม Big C มีปั๊ม ปตท ขนาดใหญ่
สถานีนี้ไปยังพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณได้เช่นกัน
สถานีที่สาม สถานีช้างเอราวัณ เดิมทีใช้ชื่อในระหว่างการก่อสร้างว่า สถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ตามชื่อของพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ก่อนที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภา จะมีมติให้แก้ไขชื่อสถานีในช่วงสุดท้ายของการก่อสร้างเป็น สถานีเอราวัณ เพื่อให้ชื่อสถานีมีความเหมาะสม ซึ่งต่อมาบีทีเอสซีและกรุงเทพมหานคร ได้ทำแก้ไขชื่อสถานีอีกครั้งเป็น สถานีช้างเอราวัณ ในปัจจุบัน
มองจากบนสถานีจะเห็นได้ว่า แถวนี้แทบไม่มีตึกสูงขึ้นเลย ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านและอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้นเท่านั้น
มองเห็นพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณได้จากมุมนี้ ก็ยังถือว่าไกลอยู่
ระยะทางจากบีทีเอสไปยังพิพิธภัณฑ์ฯ ประมาณ 800 เมตร
ซึ่งสถานีบีทีเอสกับพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ได้ใกล้กันมาก คนที่ใช้บริการบีทีเอสแล้วอยากไปชมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณก็ไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปว่าจะนั่งรถอะไรต่อไปดี เพราะมีรถไปพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการฟรีจ้า โดยรถรับ-ส่งฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง รถจะจอดใน กศน.ใช้ทางออก 2 ได้เลย
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เป็นประติมากรรมลอยตัวรูปช้าง 3 เศียร ซึ่งเป็นประติมากรรมลอยตัวที่ถูกสร้างขึ้นโดยด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกและแห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันมีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี 2537 ตัวช้างรวมทั้งอาคารรองรับมีความสูง 43.6 เมตร ความกว้างของช้าง 12 เมตร ความยาวลำตัวช้าง 39 เมตร น้ำหนักของลำตัวช้าง 150 ตัน และน้ำหนักของเศียรช้าง 100 ตัน แผ่นทองแดงบุผิวช้างด้านนอกทั้งตัว ช้างมีขนาดใหญ่มาก สามารถมองเห็นได้จากไกลๆ เลย
ไปต่อกันที่สถานีที่สี่เลยจ้า
ถึงแล้วกับสถานีโรงเรียนนายเรือ
ดูจากแผนที่จะเห็นได้ว่าสถานีนี้ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยามาก เป็นช่วงโค้งน้ำพอดีด้วย
ติดบีทีเอสฝั่งนี้มีร้านแจ่วฮ้อนด้วยนะ
ถัดจากร้านอาหารก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เป็นพิพิธภัณฑ์สถานแบบพิเศษที่รวบรวม อนุรักษ์ วัตถุพิพิธภัณฑ์สมัยโบราณของกองทัพเรือไทย ยุทธนาวีการรบครั้งสำคัญ ๆ ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยใช้ในการรบเป็นจำนวนมาก และยังมีเรือจำลองสมัยต่าง ๆ เช่น เรือที่ใช้ในพระราชพิธีกระบวนเรือพยุหยาตราชลมารค ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรือหลวงพระร่วง เรือเหรา และเรือหลวงมัจฉาณุ
ภาพจาก : https://www.museumthailand.com/th/museum/Naval-Museum
ด้านหลังโรงเรียนได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ แบบนี้เลย
ชมวิวโค้งน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสวยงาม
ขึ้นบีทีเอสต่อมาที่สถานีปากน้ำ
ดูจากแผนที่ก็จะเห็นว่าสถานีนี้อยู่ใจกลางเมืองสมุทรปราการ รอบสถานีรายล้อมไปด้วยสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญของเมืองสมุทรปราการ ทั้ง ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ และสำนักงานเทศบาล
วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการติดกับบีทีเอส
ด้านหลังศูนย์ราชการติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด
วัดมหาวงษ์
อีกหนึ่งไฮไลท์ของสถานีปากน้ำก็คือ หอชมเมืองสมุทรปราการ
ระยะทางห่างจากบีทีเอสสถานีปากน้ำประมาณ 950 เมตร