น่าอยู่ทั้ง 2 โครงการ! พบคำตอบที่ใช่ของคนเมืองยุคใหม่ที่ใส่ใจในความยั่งยืนที่ Culture Thonglor และ Culture Chula

ชยางกูร กิตติธีรธำรง 29 July, 2025 at 22.12 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ทำไมแบรนด์ Culture จึงเป็นโครงการคอนโดพร้อมอยู่ที่น่าจับตามองมากที่สุดของปีนี้?

ในช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีนี้ 2025 ทางบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANANผู้นำแห่งการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ซึ่งมุ่งมั่นใน การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์ชีวิตของคนเมือง เตรียมที่จะส่งมอบ 2 โครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ภายใต้แบรนด์ใหม่อย่าง Culture (คัลเจอร์) ที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว บน 2 ทำเลคุณภาพที่ดีที่สุด ใจกลางเมือง ทั้งบริเวณทำเลทองหล่อ และทำเลจุฬา-สามย่าน ซึ่งทั้ง 2 โครงการ นับว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ ของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อคนเมืองที่มี Evolvement ไปอีกขั้น กับการยกระดับให้เป็น Sustainable Living Community ที่จะมาพร้อมกับการบริการโดยแบรนด์ระดับโลกอย่าง The Ascott Limited มี Worldclass services ที่เหมือนได้บริการจากโรงแรมสุดหรูในทุกๆวัน พร้อมกับความมั่นใจ ด้วยมาตรฐานโครงการสร้างระดับมืออาชีพ ตั้งแต่ฐานรากที่แข็งแรง โครงสร้าง วัสดุ รวมถึงระบบการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน ATQPM (Ananda Total Quality Project Management) ระบบบริหารคุณภาพโครงการที่อนันดาฯ ร่วมพัฒนากับพันธมิตรระดับโลกจากญี่ปุ่น เพื่อยกระดับมาตรฐานอสังหาริมทรัพย์ไทยให้มั่นใจได้ในทุกสถานการณ์

สำหรับแบรนด์ Culture คือ แบรนด์ใหม่จากอนันดาฯ ที่พัฒนาต่อยอดจาก DNA ของแบรนด์ไอดีโอ สู่นิยามใหม่ของชีวิตเมืองที่ลึกซึ้งขึ้น เชื่อมโยงขึ้น และมีความหมายมากขึ้น ในขณะที่ Ideo คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจชีวิตคนเมือง Culture คืออีกขั้นของวิวัฒนาการที่ต่อยอดจากความเข้าใจนั้น ให้ลึกไปถึง “คุณค่าของการใช้ชีวิตร่วมกัน” และ “บทบาทของตัวตนในสังคมเมือง” เป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของกลุ่มผู้อยู่อาศัยเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการในการอยู่อาศัยที่แตกต่างออกไป ตอบโจทย์คนเมืองในยุคใหม่โดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่คอนโดทั่วๆไปแต่คือ ที่อยู่อาศัยที่ Customized มาเฉพาะสำหรับกลุ่มคนเมืองที่มี Green Mindset มีความเชื่อในมิติความรักสิ่งแวดล้อม ใส่ใจระบบการจัดการเพื่อความยั่งยืน ชื่นชอบการแลกเปลี่ยนปฏิสัมพันธ์กับผู้คนผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์บนพื้นที่ชีวิตเมืองที่สะดวกสบาย ชีวิตครบพร้อมทุกสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงได้รับบริการครบวงจรที่ตอบโจทย์การพักอาศัยในมหานคร

ดังนั้น Culture จึงไม่ใช่แค่คอนโดมิเนียมแต่คือพื้นที่ชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ “Urban Tribe” รุ่นใหม่ คนเมืองที่ไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวก แต่มองหาความสัมพันธ์ ความยั่งยืน และความเป็นตัวเอง หรือเรียกง่ายๆว่าเป็น Neighborhood Community ในแบบคนคอเดียวกัน ไม่ใช่การต่างคนต่างอยู่โดยไม่มีกิจกรรม contribute อะไรให้ส่วนรวมเลย โดยวางรากฐานผ่าน 4 แนวคิดหลัก ที่หลอมรวมไลฟ์สไตล์ ความคิด และสิ่งแวดล้อมไว้ด้วยกัน ได้แก่

 

1. URBAN LIVING ชีวิตเมืองที่ไม่ใช่แค่เร่งรีบ แต่มีจังหวะของตัวเอง

Culture เข้าใจว่าคนเมืองไม่ได้ต้องการเพียงที่อยู่ใจกลางเมือง แต่ต้องการ “ชีวิตในเมืองที่มีความหมาย” จึงออกแบบโครงการให้เชื่อมโยงกับการเดินทาง ไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมของเมืองอย่างลงตัว

 

2. SERVICED LIVING ใช้ชีวิตสะดวกสบายเหมือนอยู่โรงแรม

ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก Ascott เพื่อยกระดับประสบการณ์การอยู่อาศัย ด้วยบริการ Concierge, Laundry, On-demand service ต่าง ๆ ที่เข้าใจวิถีชีวิตคนเมืองที่ต้องการความสะดวกอย่างแท้จริง

 

3. COMMUNITY LIVING มากกว่าเพื่อนบ้าน คือการได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่มองเห็นคุณค่าแบบเดียวกัน

Culture เชื่อในการอยู่ร่วมกันแบบ Sharing & Caring เราจึงสร้างพื้นที่ส่วนกลางแบบ 24 ชม. พร้อม Co-Working, กิจกรรมพิเศษในวันหยุด และพื้นที่เปิดสำหรับคนที่มีวิธีคิดใกล้กันได้มาเชื่อมต่อ

 

4. SUSTAINABLE LIVING เริ่มต้นจากความใส่ใจเล็กๆ สู่ชีวิตที่ยั่งยืน

ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นหัวใจของการออกแบบ วัสดุ ระบบพลังงาน และไลฟ์สไตล์ในโครงการ ล้วนออกแบบเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีการรักษามูลค่าของโครงการให้ไม่ด้อยค่า ด้วยการเพิ่ม World Class Service มาตรฐานโรงแรมระดับโลก โดยจะมาพร้อมการบริการจากแบรนด์ระดับโลก The Ascott Limited เสมือนได้ Service จากโรงแรมหรูในทุกวัน ในขณะที่ทีม Lyf by Ascott จะเป็นคนบริหารจัดการ Community Program & Activity ด้วยการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น เวิร์กชอป แชร์อาหาร หรือกิจกรรมภายในโครงการที่สร้างการเชื่อมโยง และปฎิสัมพันธ์ได้จริง

 

วิเคราะห์ศักยภาพทำเล พร้อมเจาะจุดเด่นของ Culture ทั้ง 2 แห่ง


CULTURE Thonglor โลเคชั่นที่ใช่สำหรับคนที่หลงใหลในไลฟ์สไตล์ทองหล่อ

พิกัดทำเลคลิก https://goo.gl/maps/ZesWvc28uQAyR3T89

มาเริ่มจาก CULTURE Thonglor กันก่อนเลย โครงการนี้เรียกว่าน่าสนใจมากสำหรับคนที่อยากมีคอนโดมิเนียมอยู่อาศัยในย่านทองหล่อ เพราะทำเลของตัวโครงการจะตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 59 ใกล้สถานี BTS ทองหล่อเพียง 250 เมตร และจากสถานี BTS เอกมัย 400 เมตร หรือแค่ 1 สถานีก็ถึง BTS พร้อมพงษ์ ซึ่งมี Skywalk สามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง The Em District ศูนย์การค้าระดับ World Class ได้ หรือจะนั่งไปต่ออีกหน่อยบริเวณอโศก-สยาม ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที       ตัวโครงการอยู่ห่างจากถนนใหญ่เพียง 100 เมตร ทำให้สภาพแวดล้อมรอบ ๆ โครงการก็ค่อนข้างเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัว เพราะเป็นถนนซอยที่กว้างและด้านในเป็นซอยตัน ซึ่งซอยสุขุมวิท 59 ยังเป็นซอยที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางในบริเวณโซนทองหล่อมากกว่าทองหล่อฝั่งเลขคู่ด้วย โดยบริบทรอบ ๆ โครงการก็รายล้อมด้วยเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ราคาแพงหลายแห่ง รวมถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่าง Intercontinental Bangkok Sukhumvit, Ascott Thonglor, Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit และ MUU Bangkok เรียกได้ว่าได้ใช้ชีวิตบนทำเลเดียวกับโรงแรม 5 ดาวเลย  นอกจากนั้นถัดออกมาหน่อย ก็ยังมีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำ อย่าง EM District, Eight Thonglor, Gateway และ Major Cineplex รวมไปได้ว่าเป็นย่านที่มีความครบครัน ทั้ง Daylife และ Nightlife  พร้อมในทุกๆด้านจริงๆ รวมไปถึงยังมี โรงพยาบาลชั้นนำ ตึกออฟฟิศเกรด A มากมาย โรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียง คาเฟ่ ร้านอาหาร Pubs & Bars ต่างๆ

ส่วนจุดเด่นข้อต่อมาก็คือในเรื่องราคาขายที่คุ้มค่า (Value for Money) โดย Value ของที่ดินย่านทองหล่อ ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาประเมินที่ดินในปี พ.ศ.2566-พ.ศ.2569 จากสำนักงานที่ดินประเมินว่า ถนนทองหล่อในช่วงซอยสุขุมวิท 55 จะมีราคาประเมินอยู่ที่ 240,000-500,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งมีราคาสูงกว่าพื้นที่รอบๆ รวมถึงในอนาคตก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกๆปี

 

ซึ่งถ้าลองเทียบราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.ในปัจจุบันโครงการ CULTURE Thonglor จะถูกกว่าเมื่อเทียบกับ 3 สถานีที่อยู่ใกล้เคียงกัน โดยโครงการที่อยู่ถัดไปเพียงไม่กี่เมตร ราคาเริ่มต้นก็เกินกว่าตารางเมตรละ 250,000 บาทแล้ว หรือถ้าถัดไปอีกสถานีนึงราคาของ CULTURE Thonglor ก็ถือว่ายัง Competitive อยู่ ซึ่งก็เรียกได้ว่าซื้อ CULTURE Thonglor ได้เกินคุ้ม เพราะด้วยความเป็นทำเลแบรนด์ทองหล่อ ตึกสูงโดดเด่น ใจกลางเมือง ทำเลเงียบสงบแต่ใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินไปถึง พ่วงกับบริการที่เหนือระดับกว่า คิดแค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ถือไว้เป็น asset ระยะยาว จะปล่อยเช่า หรือจะใช้อยู่เองก็สะดวกสบายสุดๆ เป็นโครงการ Luxury Affordable ที่เป็นแรร์ไอเทมจริงๆ

 

ส่วนจุดเด่นต่อมา คือรูปแบบตัวโครงการที่จะเน้นเป็นห้อง Hybrid มีขนาดกำลังดีสไตล์ Compact ไม่ได้เป็นห้องใหญ่ที่มีราคารวมสูงมากจนเกินไป ซึ่งเป็นรูปแบบที่มักจะไม่ค่อยเห็นในย่านทองหล่อ เพราะห้องส่วนใหญ่ในโครงการอื่นก็จะเป็นห้องในรูปแบบ Duplex หรือเป็นห้องใหญ่สไตล์ Penthouse ที่มีราคาเกิน 30 ล้านขึ้นไปเลย โดยโครงการเป็นอาคารชุดสูง 36 ชั้น ตั้งบนพื้นที่ 1 ไร่ 3 งาน 56.3 ตารางวา จำนวน 1 อาคาร มีที่จอดรถ 200 คัน จำนวนห้องพักมี 493 ยูนิต มีรูปแบบห้องให้เลือกเป็นสตูดิโอ, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน โดยแบ่งโหมดของการใช้ชีวิตออกเป็นห้องแบบ Simplex เพดานสูง 2.6 เมตร (Sold Out ไปเรียบร้อยแล้ว) และห้องแบบ Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตร โดยห้องแบบ Simplex จะอยู่ที่ชั้น 12-19 ส่วนห้องแบบ Hybrid New Series จะอยู่ที่ชั้น 20 – 36 ซึ่งห้องแบบสตูดิโอและ 1 ห้องนอนจะมีสัดส่วนมากที่สุดในโครงการ

 

ซึ่งห้อง Studio Hybrid ขนาด 27.50 ตร.ม. เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ของโครงการนี้เลย  เพราะห้องรูปแบบนี้ได้ความเป็นสัดเป็นส่วนในการอยู่อาศัย ที่สำคัญด้วยความเป็นห้อง Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตร ที่มาพร้อมกับกระจกเข้ามุม L-shape บานใหญ่ทำให้ห้องมีความโปร่งโล่ง รับวิวเมืองได้เต็มๆ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ชีวิต นั่งทำงาน หรือ WFH ได้อย่างไม่อึดอัด ทั้งบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน หรือในวันชิลๆจะชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ ในพื้นที่ Living ก็ทำได้สบายๆ ซึ่งใครที่ต้องการห้องพื้นที่เยอะๆ ชอบความ unique โดดเด่นไม่เหมือนใคร อาจจะอยู่คนเดียว หรืออยู่กันเป็นคู่ ห้องนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์สุดๆ

CULTURE Chula โลเคชั่นที่ใช่สำหรับ Chula Tribe
พิกัดทำเลคลิก https://goo.gl/maps/DLyxiR5WdG8mP2TeA

ส่วนอีกทำเลนึง คือ CULTURE Chula ซึ่งตัวโครงการ Culture Chula จะตั้งอยู่บนจุดตัดของ CBD อย่างพระราม4 – สีลม บนเนื้อที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษๆ เป็นตำแหน่งที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้สะดวก ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย คือ MRT ที่สถานีสามย่านห่างออกไป 350 เมตร และ BTS ศาลาแดง ที่เป็นสถานี interchange ห่างออกไปประมาณ 400 เมตรเท่านั้น เท่ากับว่า connect การเดินทางได้ครบ loop ทั่วกรุงเทพ ทั้งเหนือใต้ออกตก จะทำงานฝั่งไหน นัดมีตติ้งกับใครก็ไปได้ทั่วไม่ต้องกลัวรถติด หรือถ้าจะใช้รถก็มีทางด่วนให้ขึ้นไม่ไกล ทั้งบ่อนไก่-พระรามสี่ หรือ สะพานเหลือง-หัวลำโพง

 

นอกจากนั้นตัวโครงการยังใกล้กับ Mixed-use มากมายทั้ง One Bangkok, Dusit Central Park, The PARQ, Chula Smart City รวมถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินไปวิ่งออกกำลังกายได้ และถ้าเมื่อตึกเสร็จบริเวณส่วนกลางชั้นบนของตึกก็สามารถมองไปเห็นวิวของสวนลุมพินีได้ด้วย

ส่วนความสะดวกในการเดินทางสำหรับนักศึกษาจุฬาฯที่จะมาอยู่ ใครที่เรียนคณะบัญชี รัฐศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ก็สามารถเดินข้ามทางลอด MRT แล้วไปทะลุผ่านห้างจามจุรีสแควร์ ( Chamchuri Square ) ได้เลย ซึ่งทำเลบริเวณสามย่าน ทาง Ananda ก็ถือว่าเป็นเจ้าตลาด เพราะอนันดาก็มีพัฒนาไปแล้วถึง 3 โครงการ ไม่ว่าจะเป็น Ideo Q Chula-Samyan, Ashton Chula-Silom, Ideo Chula-Sam Yan และล่าสุดก็คือ Culture Chula

 

นอกจากนี้ Culture Chula ยังมาพร้อมจุดเด่นอื่นๆอีกมากมาย อาทิ

เป็นคอนโด Freehold แห่งใหม่แห่งเดียวในย่านนี้ที่แทบจะเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่พระรามสี่ – สุรวงศ์ ใกล้จุฬาฯ ที่สุด ทำเลที่ดีที่สุดของ Chula District (ประมาณ ถ.ราชดำริ ถึง ถ.บรรทัดทอง) พูดง่าย ๆ คือ ถ้าทำงานย่านสีลม-สยาม-สามย่าน หรือ ลูกเรียนจุฬา ฯ จะสะดวกสบายที่สุดแถมยังได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จริง ๆ ไม่ใช่ Leasehold อย่างตึกอื่น ๆ ในย่านนี้ที่ได้แค่เหมือนเป็นผู้เช่าระยะยาว 30 ปี

 

โดยที่นี่เป็นคอนโด Freehold ใหม่เพียงโครงการเดียวบนทำเลที่ทุกโครงการในบริเวณนี้แทบจะเป็นคอนโด Leasehold กันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Dusit Residences หรือ One Bangkok รวมไปโครงการบริเวณฝั่งหลังสวนด้วย ซึ่งราคาเฉลี่ยของคอนโด Freehold ในย่านนี้จะอยู่ที่ประมาณ 220,000 บาทต่อตร.ม. แต่กลุ่มคอนโด Leasehold หรือ เช่าระยะยาว ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 314,000 บาทต่อตร.ม. ซึ่ง Leasehold ก็มีราคาสูงและแพงกว่าด้วย

 

เป็น Campus Condo หนึ่งเดียวใจกลาง CBD ที่มีดีมานท์ต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้อยู่อาศัยหลักของที่นี่ก็จะเป็นนักศึกษา ที่เรียนอยู่ในบริเวณนี้อย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกได้ว่าเป็น Campus Condo ที่มีทำเลที่ดีที่สุดอีกแห่งนึง ของประเทศไทย และเป็น 1 โครงการแรร์ไอเทมพร้อมอยู่แบบ Freehold บนทำเลสามย่าน – พระราม 4 ในปี 2025 ซึ่งแน่นอนว่าอสังหาฯ จะดีหรือไม่นั้น อีกข้อพิสูจน์หนึ่งคือ ความต้องการทั้งเช่าและซื้อขาย ทำเลโซนนี้มี demand การเช่าและการซื้อต่อหมุนเวียนต่อเนื่องค่อนข้างมาก และเป็น demand  ที่มักเลือกของที่ไม่ธรรมดาสามัญแต่ยินดีจ่ายแพง เพื่อให้ได้ความพิเศษทั้งสะดวกและปลอดภัย กลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนดัง สาธิตจุฬาฯ สาธิตปทุมวัน โรงเรียนเตรียมฯ หรือ เซนต์โยคอนแวนต์ และนิสิตจุฬาฯ ที่มีการผัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด ถ้าเป็นการซื้อลงทุนปล่อยเช่า การเช่าก็ได้ระยะยาว 3-6 ปี เช่ากันไปยาวๆ และกลุ่มคนทำงานในโซนไข่แดงของกรุงเทพเงินเดือนสูง รักความสบายไลฟ์สไตล์เมืองหลวงพร้อมที่จะลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเมื่อวิเคราะห์แล้วด้วย supply ที่น้อย และ demand ที่มีจำนวนมาก ก็จึงไม่แปลกใจว่าทำไม Culture Chula ถึงตอบโจทย์ว่าลงทุนทั้งอยู่เองหรือปล่อยเช่าก็ดีไปหมด ทำเลนี้ ถือเป็น All-time favorite ของทั้งนักลงทุนและผู้อยู่อาศัยจริง ดูได้จากผลงานที่ผ่านมาของอนันดาในย่านนี้

 

และก็ข้อมาก็จะเป็นเรื่องของการออกแบบที่ตอบโจทย์ New Tribe of Urban Living ทั้งภายในตัวห้องและพื้นที่ส่วนกลาง โดยเป็นเลย์เอาท์ห้องแบบ Hybrid เพดานสูง 4.3 เมตรทั้งหมดทุกยูนิต ซึ่งเป็นซีรีส์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน มาพร้อมห้องน้ำที่ชั้นลอย (สำหรับบาง Unit Type) ให้รู้สึกโล่งโปร่งสบายไม่เหมือนคอนโดธรรมดาอื่น ๆ ทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่า ได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่าห้องเพดานสูงทั่วไป แต่อยู่ใจกลางเมืองสะดวกสบายกว่าบ้านชานเมืองไกลๆ และยังเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยนักศึกษาที่ชอบวิถีชีวิตแบบ New Tribe of urban living ในหลายด้าน ทั้งกิจกรรมและพื้นที่ส่วนกลางตลอด 24 ชม. ในส่วนของ Co-Working Space / Live Studio / Video call booth เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองหลวงที่ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่าและอิสระ สามารถทำงาน ขายของออนไลน์ หรือประชุมงานได้ทุกเวลาที่สะดวก และไม่ต้องกังวลว่าจะกลับมายิมไม่ทัน จุดนี้โครงการคิดแก้ปัญหามาให้เรียบร้อย

 

โดยโครงการเป็นคอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้น ตั้งบนที่ดินขนาด 2 ไร่ 1 งาน 66.20 ตารางวา มีจำนวนห้องพัก 612 ยูนิต ร้านค้าอีก 2 ห้อง มีที่จอดรถมากเพียงพอตามกฎหมายกำหนดที่ 248 คัน พร้อม EV Charger 5 ช่อง มีลิฟต์ 4 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว

 

ภาพห้องตัวอย่าง 2 Bedroom 33 ตารางเมตร (Hybrid)

ห้องนี้เน้นใช้งานจริง พื้นที่เยอะมาก มีห้องนอนมากถึงสองห้อง มีจุดเด่นที่แตกต่างอย่าง เพดานสูง 4.3 เมตร ที่ไม่เน้นความเพดานสูงโปร่งอลังการด้วยกระจกบานใหญ่ แต่เน้นไปที่การใช้งานจริงด้วยการออกแบบช่อง Void ไว้กลางห้อง มีห้อง Laundry & Storage พื้นที่เก็บเครื่องซักผ้าใต้บันไดเพิ่มขึ้นมาเป็น extra space, มีพื้นที่วางของในครัวเพิ่มขึ้น, มีการแบ่งแยกห้องน้ำให้เป็นสัดส่วน โซนอาบน้ำและโซนสุขภัณฑ์ นอกจากนี้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมากโดยที่ยังคงความโปร่งโล่งตามสไตล์ห้องเพดานสูงไว้ได้อย่างลงตัว ทั้งหมดนี้คือข้อได้เปรียบของการออกแบบห้องพักในโครงการ Culture Chula ที่คิดเพื่อคนเมืองยุคใหม่

ห้องน้ำแบ่งสองฝั่ง โซนสุขภัณฑ์และโซนอาบน้ำและมีประตูกระจกกั้นของใครของมัน ดังนั้นถ้าติดม่านหรือติดฟิล์มก็จะเหมือนได้ห้องน้ำแบ่งส่วน ใช้งานพร้อมกันได้ด้วย

มุมมองภายในห้องชั้นล่าง

โซนห้องนั่งเล่นติดระเบียง

บันไดและทางเดินเชื่อมระหว่างสองห้องนอนที่ชั้นลอย

ทุกพื้นที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด โดยมีส่วนทานอาหาร center ของบ้าน

พบความแตกต่างที่ “ใช้ได้จริง” จากแบรนด์ Culture ในเรื่อง Hotel Services

นอกจากนี้องค์ประกอบที่สำคัญมากๆของแบรนด์ Culture ทั้ง 2 โครงการก็คือ การมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายเหนือระดับด้วย World Class Services โดยโครงการเป็น Services Residences ภายใต้การบริหารและการบริการจาก The Ascott Limited ซึ่งรายละเอียดของ Service ทีได้รับก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

Concierge ในช่วง weekday และ weekend (สะดวกสบายกับการบริการมาตรฐานสากล)
24-hour Technician and Security (การบริการตลอด 24 ชม.)
Housekeeping Common Area (มาตรฐานการดูแลโครงการระดับโรงแรม)
Community Events (ตอบโจทย์ทุกกิจกรรม ครบทุกไลฟ์สไตล์)

มากไปกว่านั้นตัวโครงการยังมี On Demand Service สำหรับผู้ที่มีความต้องการพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง อย่าง การทำความสะอาดห้อง (Room Cleaning Service), บริการซักผ้า (Laundry Service) และบริการเสริมอื่นๆ (On Demand Activity) เช่น คลาสเรียนโยคะ เป็นต้น ซึ่งข้อดีก็คือเหมือนกับเราเป็นเจ้าของ Service Apartment เลย มีบริการต่างๆหลากหลายรูปแบบ สามารถดูแลได้ง่าย หรือถ้าจะปล่อยเช่า ก็ปล่อยได้ง่ายเช่นกัน เนื่องจากแบรนด์ Ascott เป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี นอกจากนี้ Program & Activity ต่างๆที่จะเกิดขึ้นในโครงการ ก็จะได้รับการจัดการภายใต้ทีม Lyf by Ascott ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Co-living และการบริหารจัดการพื้นที่สำหรับคนเมืองรุ่นใหม่ เพื่อส่งเสริมการเกิดกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น เวิร์คช็อป แชร์อาหาร หรือกิจกรรมภายในโครงการที่สร้างการเชื่อมโยงถึงกันได้จริง

 

ย้ำจุดเด่นของแบรนด์ “Culture” บน 2 ทำเลสุดพิเศษ

สุดท้ายต้องย้ำกันอีกสักรอบว่า Culture ทั้ง 2 ทำเลมีจุดเด่นที่ไม่มีใครเหมือน ดังต่อไปนี้

Culture Thonglor ก็ต้องบอกว่าเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่เด่นทั้ง ศักยภาพทำเล มูลค่าที่ดินในอนาคต และราคาที่ดีที่สุด เมื่อเทียบกับโครงการรถไฟฟ้าในระยะห่างไม่ถึง 500 เมตร นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการได้ใช้ชีวิตเช่นเดียวกับการอยู่โรงแรม 5 ดาว เหมาะกับทั้งเลือกอยู่เอง รวมถึงซื้อเพื่อลงทุน โดยราคา ห้อง HYBRID NEW SERIES อยู่ที่ 180,000 ต่อตารางเมตร และมีราคาเริ่มต้น 6.39 ล้านบาท ด้วยศักยภาพของทำเลที่เป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ทุกอย่าง ที่ทองหล่อจึงเป็นหนึ่งในไม่กี่ย่านที่มีโครงการอสังหาที่รองรับการอยู่อาศัยของคนเมืองทั้งชาวไทยและต่างชาติรายล้อมอยู่ตลอดทั้ง 2 ฝั่งถนน โดยที่ราคาขายของคอนโดใหม่ทั้งหมดในย่านนี้ล้วนอยู่ในกลุ่ม Super Luxury คือมีระดับราคาเกินกว่าตารางเมตรละสองแสนขึ้นไปทั้งนั้น ถ้าเป็นโครงการที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าจะเปิดขายที่มากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนโครงการที่ไกลออกไปแต่เป็น High Rise จะมีราคาขายเกินตารางเมตรละ 200,000 บาทเกือบทั้งหมด และมีการปรับขึ้นของราคาขายเฉลี่ยอยู่ในช่วงประมาณ 7 – 8% ต่อปี โดยราคานี้เป็นราคาที่น่าดึงดูดมากสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านพระโขนง – อ่อนนุชด้วยเช่นกัน เพราะเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยก็ได้ใช้ชีวิตในทองหล่อ แถมยังได้รับบริการระดับมาตรฐาน World class service experience จากแบรนด์ระดับโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งห้องในรูปแบบ Simplex ตอนนี้ SOLD OUT ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งใครที่จะรอห้อง Type นี้หลุดออกมาก็คงจะไม่ง่าย เพราะด้วยทำเลที่เป็น Prime Location ใครที่ถืออยู่คงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆแน่นอน ใครที่ลังเลอยู่ก็อาจจะต้องรีบหน่อยเพราะตอนนี้ จะเหลือแต่เพียงห้อง HYBRID NEW SERIES ที่มีอยู่ไม่ถึง 10% ซึ่งห้อง HYBRID NEW SERIES เป็นห้องแบบเพดานสูง 4.3 เมตร ได้ฟิลโปร่งโล่งสบายเสมือนอยู่บ้านในทำเลที่บ้านก็ให้ไม่ได้ เพราะได้ใช้ชีวิตอยู่ในทำเลเดียวกับโรงแรม 5 ดาว   ซึ่งห้อง Type นี้จะอยู่บริเวณชั้น 26 – 36 ทำให้รับแสงธรรมชาติ และวิวเมืองได้เต็มๆ

 

ในขณะที่ Culture Chula ก็โดดเด่นด้วยการเป็นคอนโด Freehold ที่เหลือเพียงไม่กี่แห่งในย่านนี้แล้ว ค่อนข้างมี Value ในอนาคต เพราะโครงการส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็จะเป็นคอนโดแบบ Leasehold กันหมดแล้ว ซึ่งตำแหน่งโครงการยังใกล้จุฬาในระยะเดินได้ มีกลุ่มลูกค้าปล่อยเช่าที่ชัดเจนสำหรับนักลงทุน (Passive income) ทั้งนักศึกษาจุฬาฯ และกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ในโซนสาทร สีลม (ซึ่งเรทราคาค่าเช่าเฉลี่ยก็อยู่ที่ประมาณ 25,000 – 40,000 บาทต่อเดือน – อ้างอิงจาก IDEO, Ashton Chula-Samyan) นอกจากนั้นตัวโครงการยังมาพร้อมกับส่วนกลาง 24 ชม. รองรับการทำงาน การอ่านหนังสือ ติวหนังสือได้ โดยราคา ก่อนเปิดตึกจริงของ Culture Chula จะอยู่ที่ 7.39 ล้านบาท*

เรียกได้ว่าโครงการ Culture ทั้ง 2 ทำเล ทองหล่อ และจุฬา-สามย่าน เป็นโครงการที่สามารถตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตคนเมืองในยุคนี้ได้อย่างแท้จริง

 

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียน เพื่อนัดหมายเข้าชมห้องและรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่นี่
Culture Thonglor –
https://anan.ly/4lsoEXg
Culture Chula –
https://anan.ly/4lz3IOk

#CultureChulaที่สุดของความแรร์ #CultureThonglorคอนโดทำเลรร5ดาว

ชยางกูร กิตติธีรธำรง

ชยางกูร กิตติธีรธำรง

สถาปนิกจบใหม่ กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาโท มีความสนใจด้านอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทตั้งแต่ที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ คอนโด โรงแรม และชอบไปดูโครงการและงานออกแบบอยู่เสมอ เพื่อเก็บเกี่ยวองค์ความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ

เว็บไซต์

ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39

แอสปาย สุขุมวิท – พระราม 4

บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์

มาพร้อมงานดีไซน์แบบใหม่ “Modern Simplicity ความเรียบ...

11 July, 2025

แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น

ASPIRE อ่อนนุช สเตชั่น (ASPIRE Onnut Station) คือคอน...

2 June, 2025

เรฟเฟอเรนซ์ เกษตร ดิสทริค

Reference เป็นแบรนด์ดีไซน์คอนโดในกลุ่ม Mid-Tier ของ ...

9 March, 2025

นิว โคสต์ คูคต สเตชัน

หากถามว่าย่านชานเมือง ช่วงรอยต่อของกรุงเทพฯ และปริมณ...

6 March, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง