จำกัดเน็ต 100GB “Fair Usage Policy (FUP)” นโยบายร้ายเงียบที่ขืนใจผู้คนให้มาแออัดอยู่ใจกลางเมือง

ต่อทอง ทองหล่อ 23 December, 2025 at 11.16 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ในวันที่อสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถแยกออกจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลได้อีกต่อไป นโยบาย Fair Use Policy ไปนโยบายที่มีเจตนารมณ์ที่ดีเพื่อรักษาเสถียรภาพของโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เน็ตให้ทุกคนใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งคำกล่าวนี้เป็นในทางทฤษฎี แต่ทว่าในทางปฏิบัติจริง มันเป็นนโยบายจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือที่ความเร็วสูงไว้ราว 100GB ต่อเดือน จุดนี้เองกำลังกลายเป็นแรงกำหนดรูปแบบเมืองอย่างเงียบๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวเหมือนกบที่กำลังถูกต้มในหม้ออุ่นๆ กว่าจะรู้ว่าร้อนก็ตายไปก่อนแล้ว นี่มันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องแพ็กเกจโทรศัพท์ แต่เป็นกลไกที่บีบให้ผู้คนต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตบ้าน บีบให้การใช้ชีวิตต้องผูกติดกับพื้นที่ที่โครงสร้างพื้นฐาน และท้ายที่สุดก็ดึงคนกลับเข้าสู่ตัวเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

https://unsplash.com/photos/person-using-macbook-pro-npxXWgQ33ZQ

 

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Real Estate Centralization การรวมศูนย์ของการอยู่อาศัยและตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมือง ทั้งที่ในช่วงหนึ่ง เทคโนโลยีเคยเปิดโอกาสให้ผู้คนกระจายตัวออกไปใช้ชีวิตนอกศูนย์กลางได้อย่างอิสระ แต่เมื่ออินเทอร์เน็ตมือถือซึ่งควรเป็นโครงสร้างพื้นฐานแบบพกพา เป็นอิสระที่อยู่ที่ใดก็ได้ กลับถูกจำกัดการใช้งานจริง ใจกลางเมืองจึงกลับมาเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น ผู้ที่ได้เปรียบในเกมนี้คือกลุ่มทุนหรือประชาชนที่มีอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงอย่างทำเลใจกลางเมือง

 

ผู้ที่เสียเปรียบคือพื้นที่ที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง นั่นหมายความว่าผู้ที่ได้รับความเสียหายจากนโยบายจำกัดอินเตอร์เน็ตคือกลุ่มทุนท้องถิ่นและประชาชนที่มีที่ดินทำเลที่อยู่นอกตัวเมืองทั้งหมด

 

ผลกระทบนี้ลุกลามไปถึงวงการธุรกิจครีเอเตอร์และแรงงานดิจิทัลทุกคน รวมถึงพฤติกรรมชาวเน็ตทุกคนที่แต่ก่อนสามารถดู YouTube หรือแอป streaming ต่างๆ ดูหนังฟังเพลงได้อย่างเพลิดเพลินสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ต เปลี่ยนมาเป็นดูไปกังวลไป เน็ตจะหมดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จะซื้อเน็ตเพิ่มก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย อยากจะสมัครดู app streaming เพิ่มก็งบไม่ถึงแล้ว กลายเป็นต้องตัดค่าใช้จ่ายความบันเทิงออกไป ตอนนี้ยังไม่รวมถึงโอกาสการเข้าถึงงานและแหล่งรายได้บนโลกออนไลน์อื่น ๆ อีกมากมาย และแน่นอนว่าความกังวลด้านค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็สะท้อนกลับมาที่ตลาดที่อยู่อาศัย ใจกลางเมืองจะหนาแน่นขึ้น ราคาสูงขึ้น และคุณภาพชีวิตถูกกดทับโดยข้อจำกัดที่ผู้คนไม่ได้เลือกเอง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้กรอบคำว่า Fair Usage Policy (FUP) ซึ่งยิ่งพิจารณาในเชิงนโยบาย ยิ่งต้องตั้งคำถามว่า “Fair” ความยุติธรรมนี้กำลังรับใช้ใครกันแน่

https://unsplash.com/photos/grayscale-photo-of-person-using-macbook-_UeY8aTI6d0

 

เมื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นถนนสายใหม่ของประเทศ การกำหนดเพดานการใช้งานก็เทียบได้กับการออกแบบผังเมืองโดยไม่ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน และนี่คือจุดที่การเมืองไม่สามารถอยู่นอกสมการได้อีกต่อไป หากพรรคการเมืองใดมองเห็นว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเทคนิค แต่คือเรื่องชีวิต เมือง และความเหลื่อมล้ำ พรรคการเมืองนั้นจำเป็นต้องกล้ายกระดับอินเทอร์เน็ตให้เป็นนโยบายสาธารณะอย่างแท้จริง ไม่ใช่ปล่อยให้ถูกกำหนดโดยเงื่อนไขทางการตลาดฝ่ายเดียว

 

สิ่งที่พรรคการเมืองควรทำ คือ ต้องตั้งคำถามเชิงนโยบาย FUP ว่าเหมาะสมกับโครงสร้างสังคมปัจจุบันหรือไม่ และต้องเชื่อมโยงการกำกับดูแลโทรคมนาคมเข้ากับนโยบายการพัฒนาเมืองและอสังหาริมทรัพย์อย่างเป็นระบบ โดยมีหน่วยงานอย่าง กสทช. และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นกลไกสำคัญในการปรับทิศทาง

 

อินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้จริงอย่างเพียงพอ คือเงื่อนไขพื้นฐานของการกระจายเมือง (Urban Decentralization) หากรัฐต้องการลดความแออัดในศูนย์กลาง ลดต้นทุนชีวิต และเปิดโอกาสให้คนเลือกที่อยู่อาศัยได้ตามคุณภาพชีวิต ไม่ใช่ตามข้อจำกัดของสัญญาณ นโยบายด้านอินเทอร์เน็ตต้องถูกมองในระดับเดียวกับผังเมือง ระบบคมนาคม และที่อยู่อาศัย ไม่ใช่แยกส่วนออกจากกัน

 

ในขณะเดียวกัน ประชาชนเองก็ไม่จำเป็นต้องรอการเปลี่ยนแปลงจากเบื้องบนเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ทำได้ในวันนี้คือการทำให้ประเด็นนี้ “มองเห็นได้” ในพื้นที่สาธารณะ การตั้งคำถามต่อแพ็กเกจที่เรียกว่าไม่จำกัด การส่งเสียงผ่านช่องทางร้องเรียน การสะท้อนปัญหาจริงจากการทำงานและการอยู่อาศัย และการเลือกสนับสนุนพรรคการเมืองหรือผู้แทนที่เข้าใจว่าอินเทอร์เน็ตคือสิทธิขั้นพื้นฐานของชีวิตยุคใหม่ ล้วนเป็นแรงกดดันที่สำคัญ

https://unsplash.com/photos/aerial-photography-of-city-during-night-time-1lfI7wkGWZ4

 

เมื่อผู้บริโภคจำนวนมากพูดเรื่องเดียวกัน ตลาดและนโยบายย่อมไม่สามารถเพิกเฉยได้ และเมื่อประเด็นนี้ถูกยกระดับจากเรื่องค่าโทรศัพท์ ไปสู่เรื่องเมืองและที่อยู่อาศัย มันจะกลายเป็นโจทย์ที่การเมืองไม่อาจหลบเลี่ยง

 

ท้ายที่สุด การจำกัดอินเทอร์เน็ตมือถือไม่ใช่แค่การประหยัดโครงข่าย แต่คือการกำหนดทิศทางชีวิตของผู้คน หากอินเทอร์เน็ตคือโครงสร้างพื้นฐานของอนาคต เมืองในอนาคตก็ไม่ควรถูกออกแบบด้วยเพดาน 100GB ที่ประชาชนไม่ได้เลือก และอสังหาริมทรัพย์ไม่ควรถูกบังคับให้เติบโตตามข้อจำกัดของนโยบายที่มองไม่เห็น แต่ทรงพลังอย่างยิ่งนี้

 

ท่ามกลางข้อจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือที่ส่งผลต่อการทำงาน การอยู่อาศัย และทิศทางของเมือง สิ่งหนึ่งที่ประชาชนจำนวนมากมักเข้าใจคลาดเคลื่อนคือ ความรู้สึกว่า “พูดไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น” แต่ในความเป็นจริง ระบบราชการไทยมีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการที่ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมเสียงของประชาชนโดยตรง และข้อมูลเหล่านี้ถูกนำไปใช้เป็นฐานในการประเมินนโยบายจริง

ช่องทางนั้นคือ www.1111.go.th
ศูนย์รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล

 

นี่ไม่ใช่เพียงเว็บไซต์รับเรื่องทั่วไป แต่เป็นกลไกที่เชื่อมต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคม หน่วยงานด้านดิจิทัล หรือหน่วยงานนโยบายระดับกระทรวง ข้อร้องเรียนที่ถูกรวบรวมจำนวนมาก จะกลายเป็น “หลักฐานเชิงโครงสร้าง” ว่าปัญหานี้ไม่ใช่กรณีเฉพาะบุคคล แต่เป็นผลกระทบเชิงระบบที่รัฐไม่สามารถเพิกเฉยได้

 

สิ่งสำคัญคือ ประชาชนไม่จำเป็นต้องร้องเรียนด้วยถ้อยคำทางเทคนิคหรือกฎหมาย สิ่งที่รัฐต้องการคือ ข้อเท็จจริงจากชีวิตจริง เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตมือถือไม่เพียงพอต่อการทำงาน การต้องย้ายที่อยู่อาศัยเพราะพึ่งพาเน็ตบ้าน การเสียโอกาสทางอาชีพ หรือการที่พื้นที่นอกเมืองถูกตัดออกจากเศรษฐกิจดิจิทัลโดยปริยาย ยิ่งเรื่องเล่ามีความเชื่อมโยงกับชีวิต การทำงาน และที่อยู่อาศัยมากเท่าไร น้ำหนักเชิงนโยบายก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

 

การร้องเรียนผ่านระบบนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณไปถึงภาคการเมืองโดยตรง เพราะข้อมูลจากศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของรัฐ ถูกใช้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความเดือดร้อนของประชาชน หากประเด็นอินเทอร์เน็ตมือถือและผลกระทบต่อการอยู่อาศัยถูกสะท้อนซ้ำ ๆ จากหลายพื้นที่ นี่จะกลายเป็น “วาระสาธารณะ” ที่พรรคการเมืองไม่สามารถมองข้ามได้ และสามารถถูกยกระดับเป็นนโยบายหาเสียงได้ทันที

 

ในบริบทของอสังหาริมทรัพย์ การร้องเรียนไม่ได้เป็นเพียงการเรียกร้องสิทธิด้านการสื่อสาร แต่คือการปกป้องสิทธิในการเลือกที่อยู่อาศัย สิทธิในการกระจายตัวของเมือง และสิทธิในการออกแบบชีวิตของตนเอง โดยไม่ถูกบังคับให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่โครงสร้างพื้นฐานพร้อมเพียงเพราะข้อจำกัดเชิงนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน

 

หากเสียงของประชาชนไม่ถูกรวบรวม มันจะกระจัดกระจายและเงียบหายไปในโลกออนไลน์
แต่เมื่อเสียงเหล่านั้นถูกรวมผ่านช่องทางของรัฐ เสียงเดียวอาจไม่เปลี่ยนอะไร
แต่เสียงจำนวนมาก สามารถเปลี่ยนนโยบายได้จริง

 

เพราะในท้ายที่สุด การจำกัดอินเทอร์เน็ตมือถือไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง
มันคือเรื่องของเมือง เรื่องของที่อยู่อาศัย และเรื่องของอนาคตที่ประชาชนทุกคนควรมีส่วนกำหนดเอง

 

หากชอบบทความแบบนี้กรุณากดติดตาม เว็บไซต์ของเรา Propholic.com และแชร์ต่อให้เพื่อนๆ ของคุณ

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

นิว ริเวอร์เรสต์ ราษฎร์บูรณะ

คัลเจอร์ จุฬา

เนอวานา แอทเวิร์ค กรุงเทพกรีฑา

โครงการ Nirvana@Work Krungthep-Kreetha มีหัวใจหลักขอ...

10 November, 2025

นิว เมกา พลัส บางนา

คอนโดภายใต้แบรนด์ Nue คือโครงการ Flagship ที่สำคัญจา...

3 November, 2025

นิว เรน แจ้งวัฒนะ

Nue REN Chaengwattana (นิว เรน แจ้งวัฒนะ) คือโครงการ...

10 October, 2025

ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน - วงเวียนใหญ่

ย่านฝั่งธนฯ นับว่าเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้ว...

29 September, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง