คนอสังหาฯ เฮ! ร่างกฎหมาย Startup พลิกโฉมวงการ! ร่วมโหวตด่วน ก่อน 27 ต.ค. 2025
วันนี้อยากจะชวนมาคุยกันแบบสบายๆ มีเรื่องน่าตื่นเต้นและมีผลกระทบกับพวกเราชาวอสังหาโดยตรง นั่นคือ “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป” ที่กำลังจะคลอดออกมา (หรือไม่…ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน)
หลายคนอาจจะมองว่า “เรื่องสตาร์ตอัปมันเกี่ยวอะไรกับวงการอิฐปูนบ้านคอนโดของเรา?” ขอบอกเลยว่า…เกี่ยวเต็มๆ ครับ! กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มาแค่เปลี่ยนหน้าตาการทำธุรกิจของคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่มันกำลังจะสร้าง Demand ใหม่ๆ และเปิดโอกาสทอง ห้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ของเราอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
ถือเป็นโอกาสดีของวงการอสังหาฯ ถ้ากฎหมายสตาร์ตอัปใหม่คลอดออกมาจริง! คนอสังหาควรเข้าไปร่วมโหวตกฎหมายนี้ได้ หมดเขต 27 ตุลาคม 2025
https://unsplash.com/photos/people-sitting-on-chair-5U_28ojjgms
สรุปให้ว่าสาระสำคัญของกฎหมายสตาร์ตอัปคืออะไร?
แก่นของกฎหมาย “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป” ฉบับนี้คือการติดปีกให้สตาร์ตอัปไทยร่าง พ.ร.บ. นี้เกิดขึ้นเพราะเล็งเห็นแล้วว่าสตาร์ตอัปคือกุญแจสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ที่ผ่านมามีอุปสรรคเยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะข้อจำกัดทางกฎหมายที่ล้าสมัย เช่น เรื่องการระดมทุน การออกหุ้นกู้ หรือการจัดสรรหุ้นให้พนักงาน (Employee Stock Ownership Plan: ESOP) ที่ทำได้ยากมากๆ
หลักๆ เลยที่กฎหมายนี้จะทำคือ:
1. ตั้งกรรมการและหน่วยงานหลัก: จะมีการตั้ง “คณะกรรมการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป” และให้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) https://www.nia.or.th/ เป็นเจ้าภาพหลักในการสนับสนุน ทั้งให้คำปรึกษา ช่วยเหลือด้านเงินทุน ทั้งทุนอุดหนุน, กู้ยืม, ร่วมลงทุน
2. คุณสมบัติสตาร์ตอัป: ต้องเป็นบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนไม่เกิน 10 ปี รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี และไม่เคยปันผล
3. แก้กฎหมายให้คล่องตัว: ที่สำคัญที่สุดคือการปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายที่ขวางทางการเติบโตและการระดมทุนของสตาร์ตอัป เช่น เรื่องการออกหุ้น, การแปลงสภาพหุ้น ซึ่งจะทำให้สตาร์ตอัปเติบโตและระดมทุนได้ง่ายขึ้นหลายเท่าตัว!
ผลกระทบต่อวงการอสังหาฯ
พอสตาร์ตอัปได้ปีกแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคนอสังหา? ง่ายๆ คือ…ดีมานด์พื้นที่จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และไม่ได้จำกัดแค่พื้นที่สำนักงานธรรมดาด้วยนะ
1. Co-working Space & สำนักงานแบบยืดหยุ่นบูมแน่
สตาร์ตอัปจะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด พวกเขาไม่ได้ต้องการออฟฟิศขนาดใหญ่แบบเดิมๆ แต่ต้องการพื้นที่ที่ flexible ยืดหยุ่น ปรับขนาดได้ตามทีมที่เติบโตเร็ว (Scale Up/Down) โคเวิร์กกิ้งสเปซ และสำนักงานให้เช่าขนาดเล็กที่ทันสมัยจึงเป็นตลาดที่จับตาลงทุนมาก
2. ยุคของ Innovation District และ Smart City
เมื่อมีสตาร์ตอัปเยอะขึ้น ก็ต้องมีทำเลทองที่เอื้อต่อการรวมกลุ่ม นักพัฒนาฯ ควรโฟกัสการสร้างพื้นที่ที่เรียกว่า ecosystem ระบบนิเวศที่รวมทั้งที่ทำงาน ที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บาร์เบียร์ เป็นต้น เข้าไว้ด้วยกันเพื่อดึงดูดคนเก่งๆ ให้มา mingle กัน
3. คอนโดฯ ใกล้แหล่งงานจะกลับมาแรง
การจ้างงานจะเกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ คนเก่งๆ เงินเดือนดีๆ จะหลั่งไหลเข้ามา นั่นหมายความว่าความต้องการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการเช่าหรือซื้อ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งงาน (Innovation Hub) จะกลับมาเป็นที่ต้องการอย่างมาก
4. PropTech ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
เราต้องเปิดใจรับ PropTech หรือสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีอสังหาฯ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มซื้อขาย การบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะ (Smart Building) หรือการใช้ AI วิเคราะห์ตลาด ใครที่ร่วมมือกับ PropTech ก่อนก็จะได้เปรียบก่อน
5. พื้นที่ R&D เฉพาะทางกำลังจะมา
สตาร์ตอัปบางประเภทไม่ได้แค่นั่งโต๊ะ แต่ต้องการพื้นที่สำหรับงานวิจัย (R&D) ห้องปฏิบัติการ (Lab) หรือพื้นที่สำหรับผลิตสินค้าต้นแบบ (Prototyping) นี่คือความต้องการพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่มีลักษณะเฉพาะที่เราต้องตามให้ทัน