นอกจากนี้ พื้นที่นี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นพักอาศัยอยู่มากที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่งผลให้โครงการคอนโดมิเนียม พื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์กลายเป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่ราคาขายคอนโดมิเนียมสูงที่สุดในประเทศไทย โครงการที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์มีราคาขายอยู่ที่ 300,000 บาทต่อตารางเมตร ถ้าเป็นโครงการที่ไกลออกไปก็ไม่ต่ำกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร และโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ไกลเกิน 2 กิโลเมตรขึ้นไป โดยอยู่ในซอยย่อยก็จะมีราคาขายต่ำกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร ย่านพร้อมพงษ์ยังคงน่าติดตามต่อเนื่องว่าราคาที่ดินและคอนโดมิเนียมในอนาคตจะขึ้นไปถึงเท่าไหร่ เพราะมีศูนย์การค้า 2 แห่งแล้วในปัจจุบัน คือ เอ็มโพเรียม และเอ็มควอเทียร์ โดยมีเอ็ม สเฟียร์ ศูนย์การค้าแห่งที่ 3 กำลังก่อสร้าง ประกอบกับอาคารสำนักงานของธนาคารยูโอบีก็ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว อีกทั้งพื้นที่นี้ยังมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างอุทยานเบญจสิริ ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นยากจะหาพื้นที่ใดในกรุงเทพมหานครที่มีความพร้อมแบบนี้ อาจจะเป็นรองเพียงแค่พื้นที่รอบสวนลุมพินี (Central Lumpini District) เท่านั้นในปัจจุบัน
ในขณะที่ทองหล่อก็เป็นอีกหนึ่งทำเล ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่าจะไม่มีโครงการพื้นที่ค้าปลีกขนาดใหญ่ แต่ก็มีโครงการพื้นที่ค้าปลีกขนาดเล็กเปิดให้บริการบ้าง พื้นที่รอบๆ สถานีรถไฟฟ้าทองหล่อเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นทำเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใครมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันยิ่งมีความน่าสนใจมากขึ้นเพราะด้วยความที่เป็นทำเลที่มีการพัฒนามาต่อเนื่องมากกว่า 20 ปีจนแทบจะหาที่ดินว่างเปล่าไม่ได้แล้วในปัจจุบัน ประกอบกับการมีสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ และอาคารสำนักงาน Grade A แห่งใหม่อย่าง T-ONE เป็นตัวเพิ่มศักยภาพที่สำคัญในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาที่ดินในพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อมีราคาสูงมากเปิดขายกันที่ไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านบาทต่อตารางวาแล้ว
ทำเลทองหล่อแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งเลขคี่และเลขคู่ โดยเลขคี่เป็นฝั่งซอยสุขุมวิท 55 ซึ่งเป็นถนนทองหล่อ สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเพชรบุรีได้ง่าย และการเดินทางภายในซอยต่างๆ สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้โดยสะดวกแม้ว่าหลายซอยจะมีขนาดเล็กก็ตาม บริเวณกลางซอยเรียกได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของทองหล่อ เนื่องจากมีทั้ง Community Mall ร้านอาหาร คาเฟ่ และผับชั้นนำในย่านทองหล่อ อีกทั้งยังเดินทางได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถไปสู่ย่านใจกลางเมืองได้รวดเร็ว หรือจะเลือกใช้บริการของรถไฟฟ้า แท็กซี่ และวินมอไซค์ ก็มีให้เห็นตลอดทั้งซอย มั่นใจได้เลยว่าไม่ว่าจะดึกแค่ไหนคุณก็ยังหารถกลับที่พักได้อย่างแน่นอน และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายจากอาคารพาณิชย์ ร้านอาหารขนาดใหญ่ มาเป็นโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ และคอนโดหรู จนพื้นที่ริมถนน 2 ข้างทางกลายเป็นตึกสูงหมดแล้ว แม้ว่าราคาขายที่ดินจะแพงมหาศาล แต่ก็ยังได้รับความนิยมในการพัฒนาจากดีเวลลอปเปอร์เสมอมา
ในขณะที่ฝั่งเลขคู่ ก็ได้รับความนิยมไม่ต่างกันมาก เพียงแต่พื้นที่ในฝั่งนี้จะมีขนาดเล็กกว่า อาจจะเป็นเพราะว่าซอยที่แยกจากถนนสุขุมวิทในฝั่งเลขคู่ส่วนใหญ่ มีความกว้างน้อยกว่าฝั่งเลขคี่แบบชัดเจน สามารถใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 40 และ 42 เข้า – ออกไปยังถนนพระรามสี่ได้ และถนนพระรามสี่ปัจจุบันก็มีอาคารสำนักงานมากมายเช่น ตึกมาลีนนท์ และแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ เช่น สวนเพลิน มาร์เก็ต และ K-Village รวมถึง The PARQ ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ ที่ โดยในปัจจุบันเริ่มมีคอนโดระดับ Super Luxury เข้ามาพัฒนาในบริเวณฝั่งเลขคู่แล้วเช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณสุขุมวิท 36 – 38 ที่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ที่กำลังก่อสร้างและเพิ่งสร้างเสร็จหลายโครงการ
ในปัจจุบันหากเป็นที่ดินที่อยู่ในซอยทองหล่อก็ไม่ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อตารางวาเช่นกัน ในขณะที่พื้นที่ในฝั่งซอยสุขุมวิท 36 – 38 ก็มีความน่าสนใจมากขึ้นเช่นกัน เพราะราคาที่ดินที่ยังคงต่ำกว่าฝั่งซอยทองหล่อ แต่ก็ไม่น้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อตารางวาไปแล้ว สำหรับที่ดินที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทแต่ถ้าเป็นที่ดินที่อยู่ในซอยก็อาจจะลดต่ำลงไปมากกว่านี้ได้อีกประมาณ 15 – 30% ขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินว่าสามารถพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูงได้หรือไม่ ดังนั้น พื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อจึงมีแต่โครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ ไม่มีโครงการรูปแบบอื่นๆ เพราะว่าราคาที่ดินที่สูงมากนั่นเอง
ราคาที่ดินในพื้นที่พร้อมพงษ์และทองหล่อ

ที่มา: คุณสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด
ราคาที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญในการตั้งราคาขายคอนโดมิเนียมเพราะเป็นต้นทุนเริ่มต้นของการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ดังนั้น เมื่อทั้งพื้นที่พร้อมพงษ์ และทองหล่อมีราคาขายที่ดินที่สูงเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ราคาขายคอนโดมิเนียมจึงสูงมากเช่นกัน แม้ว่าราคาประเมินราชการอาจจะไม่ใช่พื้นที่ที่มีราคาสูงที่สุด แต่เมื่อดูจากราคาซื้อขาย และราคาที่ตั้งขายกันในปัจจุบันก็ถือได้ว่าสูงมากแล้ว อีกทั้งยังอาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนา 2 พื้นที่นี้ในอนาคต เพราะราคาที่ดินสูงเกินกว่าจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายสอดคล้องกับกลุ่มผู้ซื้อในกรุงเทพมหานคร
คอนโดมิเนียมย่านทองหล่อฝั่งซอยเลขคู่ ได้แก่
THE ESSE Sukhumvit 36 (ดิ เอส สุขุมวิท 36)
คอนโดมิเนียม High Rise ที่ดินประมาณ 2-2-0 ไร่ สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 338 ยูนิต มีห้องพักอาศัยให้เลือกด้วยกัน 4 แบบ คือ 1 Bedroom 38.50 – 43.25 ตร.ม., 2 Bedroom 73.50 – 77 ตร.ม., 3 Bedroom 116.75 – 124.25 ตร.ม. และ Penthouse 252 ตร.ม.

BEATNIQ (บีทนิค)
ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1-3-69 ไร่ สูง 34 ชั้น แต่มีจำนวนยูนิตเพียงแค่ 197 ยูนิตเท่านั้น มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ 1 Bedroom ขนาด 43 -59 ตารางเมตร, 2 Bedroom ขนาด 80 – 83 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องแบบ 2 นอน 100 กว่า ตร.ม. ที่มีทั้งขนาด 109 – 122 ตารางเมตร 2 ห้อง Duplex ขนาด 96 – 103 ตารางเมตร

ส่วนคอนโดมิเนียมที่อยู่ในทองหล่อฝั่งเลขคี่ ในซอยสุขุมวิท 55 ที่เป็นย่านไข่แดงของทองหล่อ ได้แก่
TELA Thonglor (เทลล่า ทองหล่อ)
ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-3-63 ไร่ กับความสูง 32 ชั้น ที่จอดรถใต้ดิน 2 ชั้น รวม 169% กับจำนวนยูนิตพักอาศัยเพียง 84 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุด 4 รูปแบบ ได้แก่ Tela Sienna และ Tela Amber ห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน ขนาด 111 ตารางเมตร, Tela Legacy Suite A & B ซิกเนเจอร์ยูนิตของโครงการ แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 201 – 202 ตารางเมตร, Signature Suite 3-Bedroom Duplex ขนาด 235 ตารางเมตร และ 3 Plus 1 Bedroom Duplex Penthouse หรือ TELA Sky Villa A & B Sky Duplex Suite ขนาด 349 ตารางเมตร
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

KHUN by YOO inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค)
คอนโดมิเนียมแบบ High Rise สูง 27 ชั้น บนพื้นที่โครงการประมาณ 1 ไร่ มีเพียง 148 ยูนิต มีห้องให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ เน้นห้องขนาด Compact ที่เป็นขนาด 1 นอนที่หาได้ยากสำหรับคอนโด Super Luxury เปิดใหม่ในย่านทองหล่อ คือ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ จำนวน 74 ยูนิต ขนาด 41.50 – 49.75 ตารางเมตร

โนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ (NOBLE FORM THONGLOR)
ตั้งอยู่ทำเลใจกลางทองหล่อ อย่างทองหล่อ 18 (คลิกดูแผนที่ Google Maps ที่นี่ https://goo.gl/maps/Spkua2ga5U3HETPF7 ) สร้างบนที่ดินขนาด 2-2-56.7 ไร่ (4,225.60 ตารางเมตร) มี 1 อาคารสูง 46 ชั้น (211 เมตร)

Noble Form Thonglor มีจำนวนห้อง 546 ยูนิต รูปแบบห้อง ได้แก่ Simplex แบบ 1 Bedroom 31.77 ตร.ม., 1 Bedroom 36.61 ตร.ม., 1 Bedroom Plus 52.20 ตร.ม., 2 Bedroom 63.55 ตร.ม., 2 Bedroom 73.25 ตร.ม. ,1 Bedroom Fullplex 46.35 ตร.ม. 1 Bedroom Fullplex 46.73 ตร.ม., 1 Bedroom Fullplex 53.94 ตร.ม. , 2 Bedroom Fullplex 76.17 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยของห้องแบบ Fullplex นั้นรวมพื้นที่ส่วนตกแต่งเพิ่มเติมแล้ว)

พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ ย่านที่คนส่วนใหญ่ ไม่ได้ใช้ถนนใหญ่ในการเดินทาง
พร้อมพงษ์ และทองหล่อเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นพื้นที่ที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจซื้อที่ดินเพื่อนำมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมต่อเนื่อง ไม่ว่าจะซอยใหญ่หรือซอยเล็กล้วนมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขาย แม้ว่าบางโครงการจะอยู่ในซอยที่ไกลออกไปจากสถานีรถไฟฟ้ามากกว่า 1.5 กิโลเมตร หรืออยู่บนถนนเส้นทางอื่นๆ แต่ก็ยังจำเป็นต้องหาจุดเชื่อมโยงกับพร้อมพงษ์ และทองหล่อให้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นจุดขายของโครงการ
ย่านพร้อมพงษ์ – ทองหล่อ สามารถเดินทางลัดเลาะเชื่อมต่อกันได้ทางซอยย่อย คือ ซอยทองหล่อ 13 และซอยทองหล่อ 23 ทะลุไปยังซอยสุขุทวิท 49/11 (ซอยพร้อมศรี) ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงซอยสุขุมวิท 39 ที่อยู่ในย่านพร้อมพงษ์แล้ว อีกทั้งยังเป็นย่านที่สะดวกสบายทั้งการขับรถ และการเดินเท้า รวมถึงใช้รถสาธารณะ เพราะว่าซอยส่วนใหญ่เชื่อมต่อกันหมด ไม่ว่าจะเป็น ซอย 31 – 33 – 39 – 49 – 53 – 55 ซึ่งเป็นการเดินทางที่สะดวกกว่าการออกไปที่ถนนใหญ่
ดังนั้น แม้ว่า 2 พื้นที่นี้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมไม่มากนัก แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตรจะพบว่าอยู่ใน 2 พื้นที่นี้มากที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของกรุงเทพมหานคร โดยย่านดังกล่าวยังเป็นย่านที่คอนโด Low Rise กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมไม่แพ้โครงการ High Rise เนื่องจาก เดินทางสะดวก มีร้านอาหารชั้นนำกระจายตัวอยู่ตามซอยต่างๆ ทั้งร้านอาหารไทย ร้านอาหารต่างชาติ มีซอยย่อยที่เต็มไปด้วยแหล่งแฮงค์เอ้าท์ และเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติมานาน อีกทั้งคอนโด Low Rise ส่วนใหญ่ก็ยังมีราคาขายที่ถูกกว่าคอนโด High Rise ในย่านนี้
Runesu Thonglor 5 (รูเนะสุ ทองหล่อ 5)
คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 156 ยูนิต ที่ดินประมาณ 0-3-9 ไร่ ตั้งอยู่ในทองหล่อซอย 5 เป็นคอนโดหนึ่งเดียว ที่เอาใจใส่ทุกรายละเอียดการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น มีห้องให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ 1 Bedroom ขนาด 29-46 ตารางเมตร และ 2 Bedroom ขนาด 51-75 ตารางเมตร

Walden Thonglor 8 (วาลเด้น ทองหล่อ 8)
คอนโดมิเนียมลักซ์ชัวรี่ Low-Rise ขนาด 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 117 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 8 บนพื้นที่ 1-0-2.7 ไร่ มีห้องให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ คือ ห้องแบบ 1 Bed Room ขนาด 32 ตร.ม., ห้องแบบ 1 Bed Room Plus ขนาด 40 – 47 ตร.ม., ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 45 – 58 ตร.ม. และห้องแบบ 2 Bedroom Deluxe ขนาด 59 – 71 ตร.ม. พร้อมกับการออกแบบในสไตล์ของโมเดิร์นลักซ์ชัวรี่ ที่มอบความเป็นส่วนตัวจากความวุ่นวายใจกลางเมือง

Chewathai Residence Thonglor (ชีวาทัย เรสซิเดนส์ ทองหล่อ)
คอนโดมิเนียม Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 130 ยูนิต ที่ดินประมาณ 1-0-94 ไร่ ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 20 มีห้องให้เลือก 3 แบบ คือ 1 Bedroom 30-35 ตารางเมตร 1 Bedroom Plus 46 ตารางเมตร และ 2 Bedrooms 43-55 ตารางเมตร

‘SCOPE Promsri’ คอนโดมิเนียม 8 ชั้นมูลค่า 1,350 ล้านบาท บนสุดยอดทำเลใจกลางสุขุมวิท ที่ซอยพร้อมศรี โดยร่วมมือสร้างสรรค์ กับ Ligne Roset แบรนด์ระดับโลก จากฝรั่งเศส เพื่อตกแต่งโครงการโดยเฟอร์นิเจอร์ของ Ligne Roset ทั้งส่วนกลางและในห้องพักที่ผลิตพิเศษจากฝรั่งเศสเพื่อโครงการ SCOPE Promsri เท่านั้น โครงการ SCOPE Promsri เป็นคอนโดมิเนียมระดับ International Premium ความส่วนตัวสูงมีห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 2 ห้อง และห้องชุดพักอาศัย 148 ห้อง มีขนาดตั้งแต่ 28 ถึง 34.99 ตารางเมตร ห้องทุกห้องที่ SCOPE Promsri มาพร้อมกับวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้คุณภาพ International Premium ตามมาตรฐานของสโคป เช่น ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวจาก MÍELE แบรนด์ชั้นนำจากเยอรมนี ทั้ง Built-in Combi Oven Microwave เตาไฟฟ้าระบบ Induction และ เครื่องดูดควัน ตู้เย็น Built-in แบรนด์ Liebherr อีกทั้งสุขภัณฑ์ Wall-hung Washlet จาก Kohler รวมถึงกระจก Reflective Glass ติด Acoustic Film และม่าน Motorised Blackout Blind เปิดตัวด้วยราคาที่มาพร้อมกับ ‘Promsri Edition Fully-Furnished Package’ ที่ 6.3 ล้านบาท


คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่พร้อมพงษ์และทองหล่อ

ที่มา: คุณสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด
พื้นที่ตามแนวถนนสุขุมวิทตอนต้น อาจจะมีโครงการเปิดขายใหม่ไม่มากนักในช่วงตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 เป็นต้นมาเพราะว่าที่ดินราคาแพง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์หลายราย เริ่มซื้อที่ดินในซอยสุขุมวิท 22 – 40 เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่สูงเกินไป แม้ว่าพื้นที่หลายซอยอาจจะไม่สามารถพัฒนาอาคารสูงได้ เพราะความกว้างของซอยต่ำกว่า 10 เมตร รวมไปถึงพื้นที่ตามซอยสุขุมวิท 35 – 53 และสุขุมวิทซอย 57 – 59 ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือเริ่มมีดีเวลลอปเปอร์หาซื้อที่ดินในพื้นที่เหล่านี้เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมกันต่อเนื่อง ซึ่งคอนโดมิเนียมทั้งหมดในทำเลรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ และทองหล่อรวมไปถึงในซอยที่อยู่ระหว่าง 2 สถานีนี้ที่เปิดขายตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 เป็นต้นมามีทั้งหมดประมาณ 17,970 ยูนิต ซึ่งถ้าพิจารณาจากข้อมูลแล้วจะพบว่ามีเพียง 2 ปีเท่านั้นที่มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากกว่าปีอื่นๆ แบบชัดเจน เพราะเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจอยู่ในทิศทางขาขึ้น มีกำลังซื้อจากชาวต่างชาติเข้ามามากมาย ดีเวลลอปเปอร์จึงเลือกเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงในทำเลเมืองชั้นใน ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงส่วนใหญ่ที่เปิดขายในปีพ.ศ.2560 – 2561 จะอยู่ในพื้นที่พร้อมพงษ์ และทองหล่อ
คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่รายปีในพื้นที่พร้อมพงษ์และทองหล่อ

ที่มา: คุณสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด
จากข้อมูลด้านบนจะพบว่ามีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่พร้อมพงษ์และทองหล่อต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา เพิ่งมาชะลอตัวลงในช่วงปีพ.ศ.2561 – 2563 จนมีผลให้ทั้ง 2 พื้นที่มีคอนโดมิเนียมใหม่สะสมในช่วง 12 ปีที่ผ่านมาประมาณ 17,970 ยูนิต ก่อนหน้านี้ทองหล่ออาจจะมีการขยายตัวน้อยกว่า แต่พอมีโครงการเปิดขายใหม่ในทั้งพื้นที่ที่ไกลออกไปจากสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อมากขึ้นในช่วงระหว่างปีพ.ศ.2561 จึงส่งผลให้จำนวนคอนโดมิเนียมในพื้นที่ทองหล่อมากกว่าพร้อมพงษ์
ปีพ.ศ.2564 และหลังจากนี้ คาดว่าจะยังมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ใน 2 พื้นที่นี้ เพียงแต่จำนวนยูนิตอาจจะไม่ได้มากเหมือนช่วง 3 – 4 ปีที่ผ่านมา เพราะปัจจัยสำคัญยังคงเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ และเรื่องของชาวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ อีกทั้งหลายโครงการที่สร้างเสร็จแล้วมีปัญหาเรื่อของการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งจากผู้ซื้อชาวต่างชาติ และคนไทยที่ติดปัญหาเรื่องของการขอสินเชื่อธนาคาร อีกทั้งผู้ซื้อจำนวนหนึ่งที่เป็นนักลงทุนเลือกที่จะไม่โอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมที่พวกเขาซื้อไว้เพราะตั้งใจว่าจะขายทำกำไรก่อนโอนกรรมสิทธิ์อยู่แล้ว หากขายไม่ได้ก็ยอมให้ดีเวลลอปเปอร์นำห้องกลับไปขายใหม่
อัตราการขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่พร้อมพงษ์และทองหล่อ

ที่มา: คุณสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด
อัตราการขายเฉลี่ยของทั้ง 2 พื้นที่สูงมาก แสดงให้เห็นว่าราคาขายคอนโดมิเนียมไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เมื่อเทียบกับทำเล เพราะแม้ว่าราคาขายคอนโดมิเนียมใน 2 พื้นที่นี้จะสูงกว่าอีกหลายพื้นที่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางเดียวกัน แต่ผู้ซื้อทุกคนรับรู้ได้ว่า 2 พื้นที่นี้มีศักยภาพ จึงไม่แปลกที่อัตราการขายเฉลี่ยใน 2 พื้นที่นี้จะสูงถึง 78% และ 81% แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกโครงการที่เปิดขายจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่ปิดการขายได้เพราะดีเวลลอปเปอร์เจ้าของโครงการลดราคาขาย หลังจากที่โครงการสร้างเสร็จแล้ว
คอนโดมิเนียมเหลือขายใน 2 พื้นที่ยังมีอีกไม่น้อย ดังนั้น ดีเวลลอปเปอร์จึงเลือกที่จะเร่งปิดการขายโครงการที่เปิดขายแล้วใน 2 พื้นที่นี้ก่อน แทนที่จะเปิดขายโครงการใหม่ ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อชาวต่างชาติ ดีเวลลอปเปอร์ที่มีที่ดินอยู่ในทั้ง 2 พื้นที่นี้อยู่แล้ว จึงเลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปก่อน อาจจะมีบางโครงการที่เปิดขายในปีพ.ศ.2564 หลายโครงการในทั้ง 2 พื้นที่ยังมียูนิตเหลือขายอยู่ และคาดว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีก 1 – 2 ปีในการระบายสต็อกเหล่านี้ในภาวะเศรษฐกิจแบบปัจจุบัน
ราคาขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่พร้อมพงษ์และทองหล่อ

ที่มา: คุณสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด
ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมในทั้ง 2 พื้นที่ไม่ต่างกันมาก แต่ถ้าพิจารณาจากราคาขายจริง จะพบว่าช่วงของราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่ต่างกันมากมาย เพราะบางโครงการเปิดขายที่ประมาณ 140,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคอนโด Low Rise ในขณะที่บางโครงการเปิดขายที่มากกว่า 350,000 บาทต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับรูปแบบโครงการและทำเลที่ตั้งของโครงการ ถ้าเป็นโครงการที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าจะเปิดขายที่มากกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตรในทั้ง 2 พื้นที่ ส่วนโครงการที่ไกลออกไปจะมีราคาขายต่ำกว่า 300,000 บาทต่อตารางเมตร การปรับขึ้นของราคาขายเฉลี่ยในทั้ง 2 พื้นที่อยู่ในช่วงประมาณ 7 – 8% ต่อปี อาจจะมีบางปีที่มีโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงกว่า 350,000 บาทต่อตารางเมตรเปิดขาย ก็อาจจะมีผลทำให้ราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นมาก

นอกจากนี้ จากการที่ย่านดังกล่าวมีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ ทำให้ดีเวลลอปเปอร์หลายรายที่พัฒนาคอนโดมิเนียมในย่านนี้ ได้ชูจุดเด่นในเรื่องของบริการ Rental Management จากบริษัทผู้เชี่ยวชาญมาใช้ภายในโครงการ เพื่อดึงดูดกลุ่มนักลงทุน และสร้างความน่าเชื่อถือจากลูกค้าคนญี่ปุ่นที่ตัดสินใจเช่าระยะยาว โดยที่ห้องส่วนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำซึ่งเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานในที่พักอาศัยของชาวญี่ปุ่นทั่วไป อีกทั้งยังมีการนำรูปแบบของพื้นที่ส่วนกลางที่มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นห้องแช่ออนเซ็น, ห้อง Golf Simulator, บริการ Concierge ทั้งภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น บริการซักรีดและทำความสะอาด การซ่อมบำรุงภายในห้อง ไปจนถึงอินเทอร์เน็ตทีวีญี่ปุ่น รถรับ-ส่ง หรือ บริการรับ-ส่งสนามบิน ประกันภัยสำหรับผู้เช่า ความช่วยเหลือเร่งด่วนตลอด 24 ชม. และบางที่ก็อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้
พร้อมพงษ์และทองหล่อ จะยังคงเป็นพื้นที่ Prime Location ของกรุงเทพมหานครต่อไปในอนาคต เพราะศักยภาพของทั้ง 2 พื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เป็นบวกต่อเนื่อง ทั้งการเปิดให้บริการของศูนย์การค้า อาคารสำนักงานที่พร้อมพงษ์ และการปรับปรุงโครงการพื้นที่ค้าปลีก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวกของเอกมัยทั้งเรื่องของราคาที่ดินและโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ที่มีราคาขายสูง มีส่วนช่วยให้ย่านทองหล่อมีศักยภาพสูงขึ้น เนื่องจากเอกมัยและทองหล่อในปัจจุบันแทบจะเป็นย่านเดียวกันแล้ว นอกจากนี้ยังมีโครงการคอนโดมิเนียมราคาแพงเตรียมเปิดขายในปีพ.ศ.2564 และในอนาคตอีกไม่ต่ำกว่า 7 – 8 โครงการ ซึ่งแน่นอนว่าโครงการเหล่านี้จะผลักดันให้ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ทองหล่ออยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไป