PropStat Exclusive: บทวิเคราะห์ศักยภาพทำเล พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา

เกริก บุณยโยธิน 24 May, 2017 at 00.16 am

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ถ้าพูดถึงย่านที่อยู่อาศัยยอดนิยมในบริเวณกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก หลายคนอาจจะถึงนึกบริเวณช่วงสุขุมวิทส่วนต่อขยายบริเวณแยกบางนา ต่อเนื่องสมุทรปราการ ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมในการพัฒนาโครงการคอนโดมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เมื่อเส้นทางทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จากอ่อนนุชไปสถานีแบริ่ง เริ่มเปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2554 แต่หากเรานึกถึงทำเลที่มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ประเภทแนวราบมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนหน้าที่รถไฟฟ้าจะเริ่มเปิดใช้งานล่ะ จะเป็นทำเลไหน?…ก็คงจะเป็นทำเลที่เป็นจุดเชื่อมต่อโครงข่ายการคมนาคมทางถนนที่สำคัญในบริเวณกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก อาทิ พระราม 9, ศรีนครินทร์, พัฒนาการ, รามคำแหง และ อ่อนนุช อย่างย่านพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา

 

ย่านพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ในปัจุบันเป็นถนนที่มีความหลากหลายในการเดินทางมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผู้ที่อยู่อาศัยในย่านนี้สามารถเลือกเดินทางเข้าไปยังย่าน CBD ของกรุงเทพฯ หรือออกเมืองไปยังจังหวัดในภาคตะวันออกของประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย ด้วยทางด่วนพระราม 9 – ศรีนครินทร์, ถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันออก และมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ บริเวณถนนกรุงเทพกรีฑา จะเป็นย่านที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ทั้งสองสาย คือสายสีเหลืองที่สถานีศรีกรีฑา และสายสีส้มที่บริเวณสถานีลำสาลี ซึ่งเป็นจุดตัดกับสายสีเหลืองเช่นกัน โดยปัจจุบันหากไม่ได้ใช้รถยนต์เป็นพาหนะหลักในการเดินทาง ก็สามารถเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ได้เช่นกัน

รถไฟฟ้าสายสีส้ม: ทางเลือกใหม่ในการเดินทางที่จะช่วยยกระดับ ย่านพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา สู่การเป็นทำเลเมืองส่วนต่อขยาย

 

ถนนกรุงเทพกรีฑาสามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถยนต์ ทั้งขับตรงจากถนนพระราม 9 ตัดถนนศรีนครินทร์ ไปเข้าถนนกรุงเทพกรีฑาผ่านทางถนนเลียบมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขับรถง่ายที่สุดหากใช้ทางด่วนเป็นประจำ หรือหากเป็นคนที่คุ้นเคยกับย่านรามคำแหงก็สามารถเข้าถนนกรุงเทพกรีฑาผ่านรามคำแหง 24 ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัย และสถาบันการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในย่านรามคำแหงอย่าง ม.รามคำแหง และม.อัสสัมชัญ บริเวณถนนพระราม 9

 

ย่านพระราม 9 – ศรีนครินทร์ – รามคำแหง จนถึงกรุงเทพกรีฑา เป็นย่านที่แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าพร้อมใช้งาน แต่ในอนาคต จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มพาดผ่าน ซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมทั้งย่านรามคำแหง และลำสาลี ไปสู่ BTS ราชเทวี และ MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ที่อยู่ใจกลางเมือง ก็จะยิ่งเพิ่มทางเลือกในการเดินทางที่ง่ายขึ้น

 

พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 9 ตอนปลาย ช่วงตั้งแต่แยกรามคำแหง จนถึงจุดตัดถนนศรีนครินทร์ เป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ประเภทบ้านเดี่ยวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากดีเวลลอปเปอร์หลัก 2 รายได้แก่ หมู่บ้านเสรี (เจ้าของโครงการ 99 Residence) และกลุ่มเนอวานา ที่ล้วนแต่มีการพัฒนาโครงการในบริเวณอุโมงค์ทางลอดถนนรามคำแหง-พัฒนาการ-ถาวรธวัช และซอยรามคำแหง 24 มาเป็นเวลาช้านาน จากการที่บริเวณดังกล่าวเป็นย่านที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น ทำให้ปัจจุบันได้มีโครงการ Retail Commercial ขนาดกลาง เข้ามาเปิดตัวเพื่อรองรับดีมานท์จากกลุ่มคนที่อยู่ในย่านนี้ให้มีทางเลือกในการใช้ชีวิตมากกว่าโครงการค้าปลีกแบบ Traditional อย่าง The Mall รามคำแหง โดยนอกจากจะมีโครงการ The Nine และตลาดเสรีมาร์เก็ต เป็นศูนย์รวมแหล่งไลฟ์สไตล์ประจำย่านแล้ว ยังมีห้าง Home Pro ที่เพิ่งเปิดดำเนินการไปเมื่อช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา เข้ามาร่วมสร้างความคึกคักด้วยเช่นกัน

 

สำหรับพื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหง อาจจะเป็นพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงและขยายตัวมาต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีต ด้วยความที่เป็นพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายทั้ง ศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต บริษัทห้างร้าน มหาวิทยาลัยทั้งของเอกชนและรัฐบาลขนาดใหญ่ รวมไปถึงโรงพยาบาล เรียกได้ว่าพื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหงได้รับความสนใจมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายปีแล้ว

 

ซึ่งในอนาคตจะมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ผ่านทั้งถนนพระราม 9 และตามแนวถนนรามคำแหงตลอดเส้นทาง ทำให้เป็นที่คาดการณ์กันจากหลายฝ่าย ทั้งภาคราชการและเอกชนว่าจะทำให้พื้นที่ตามแนวถนนพระราม 9 ตอนปลาย, รามคำแหง รวมถึงพื้นที่ต่อเนื่องต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและมีศักยภาพสูงขึ้น เพราะจะทำให้คนที่อาศัยอยู่พื้นที่นี้สามารถเดินทางเมืองชั้นในได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี  (สุวินทวงศ์)  มีรายละเอียดและความคืบหน้าดังนี้

พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านถนนสายหลักสองเส้นทางคือ ถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหง ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อจากพื้นที่ธุรกิจอย่างถนนรัชดาภิเษก และตลอดทั้งสองฝั่งของถนนรามคำแหงเอง ก็เป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยมีบ้านจัดสรร อพาร์ทเม้นต์ อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็ก คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาล เรียกได้ว่าทำเลนี้มีความพร้อมและศักยภาพเพียงพอในการเป็นที่อยู่อาศัยหรือว่าทำงานอีกทั้งมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง และอัสสัมชัญ แม้ว่าทั้งสองมหาวิทยาลัยนี้ในปัจจุบัน จะมีสาขาอีกแห่งที่อยู่นอกเมือง แต่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งบนถนนรามคำแหงนี้ ก็ยังมีนักศึกษามาเรียนอยู่ ส่งผลให้รอบๆ มหาวิทยาลัยมีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีความเป็นชุมชนอยู่เช่นเดิม

 

และยิ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มมีการเซ็นสัญญาการก่อสร้างแล้วเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมาโดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานในการเซ็นสัญญาก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กับบริษัทผู้รับจ้างที่ผ่านการคัดเลือกด้านราคาทั้ง 6 บริษัท

 

ตามที่มีการแบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 6 สัญญาวงเงินรวมทั้งหมดประมาณ 79,000 ล้านบาท ระยะทางรวมทั้งหมด 22.57 กิโลเมตรและมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปีพ.ศ.2566 ซึ่งเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นสายแรกที่มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างของปีพ.ศ.2560 เส้นทางอื่นๆ น่าจะทยอยมาภายในปีนี้และปีหน้า

 

เส้นทางรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง: เชื่อมต่อกรุงเทพฯตอนเหนือสู่ Gateway ภาคตะวันออก

 

นอกจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว ในพื้นที่ตามแนวถนนศรีนครินทร์ ยังเป็นจุดที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองผ่าน โดยเส้นทางสายสีเหลืองเริ่มจากบริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษกมาตามแนวถนนลาดพร้าว จากนั้นก็ลงไปทางใต้ตามแนวถนนศรีนครินทร์ไปสิ้นสุดที่สถานีสำโรงของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนแบริ่ง – สมุทรปราการ รวมระยะทางทั้งหมด 30.4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าอีกสายที่ตัดผ่านพื้นที่สำคัญและตัดกับเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นๆ ซึ่ง ณ ปัจจุบันอาจจะยังไม่มีความคืบหน้าเท่ากับสายสีส้ม

 

แต่รัฐบาลประกาศมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองจะต้องได้ผู้รับเหมาตลอดเส้นทางภายในปีพ.ศ.2560 โดยความคืบหน้าล่าสุดนั้น ในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้เปิดซองพิจารณาข้อเสนอการร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ผลปรากฏว่า กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ ให้ข้อเสนอดีที่สุด และรับเงินชดเชยจากรัฐบาลน้อยที่สุด ซึ่ง ณ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา และจัดเตรียมเอกสาร คาดว่าจะลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2560 โดยคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้ในปีพ.ศ.2563 หรือ 2564 เร็วกว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มเพราะเป็นระบบโมโนเรลซึ่งมีขนาดเล็กกว่า

 

นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้าง ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า ซึ่งเป็นถนนที่สร้างเชื่อมระหว่างถนนศรีนครินทร์ ผ่านถนนรามคำแหง 24 ถนนร่มเกล้า ไปสิ้นสุดที่ถนนเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รวมความยาว 12.18 กิโลเมตร ซึ่งถนนเส้นทางนี้จะช่วยให้คนที่อยู่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกขึ้นมีทางเลือกในการเดินทางได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีการเชื่อมต่อกับบถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก ทำให้การเดินทางของคนที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้มีความสะดวกมากขึ้น โดยโครงการนี้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2558 ทางกรุงเทพมหานครกำลังเร่งงานก่อสร้างถนนเส้นทางนี้เพราะมีกำหนดแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2560 โดย ณ ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมากกว่า 50% แล้ว

กรุงเทพกรีฑา ทำเลยอดนิยมในอนาคตสำหรับโครงการแนวราบไฮเอนด์

 

การมาของรถไฟฟ้าใหม่ทั้ง 2 เส้นทาง ยังทำให้พื้นที่ต่อเนื่องอื่นๆ ยังมีการขยายตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวถนนกรุงเทพกรีฑาที่เป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยมาก่อนหน้านี้เป็น 10 ปีมีความน่าสนใจตามไปด้วย เพราะในอดีตเป็นพื้นที่ที่มีโครงการที่อยู่อาศัยหลายสิบโครงการรวมทั้งมีการพัฒนาโครงการค้าปลีกเพื่อรองรับกำลังซื้อจากคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย พื้นที่ตามแนวถนนกรุงเทพกรีฑาจึงกลายเป็นทำเลที่มีการขยายตัวค่อนข้างมากในพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตเมืองชั้นในและเมืองชั้นนอก เพราะด้วยศักยภาพของทำเลและความสะดวกในการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์ ทางพิเศษศรีรัช มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ – ชลบุรี และวงแหวนกาญจนาภิเษก ทำให้ทำเลนี้น่าสนใจมาหลายปีติดต่อกัน

 

โดยในปัจจุบันย่านกรุงเทพกรีฑาเป็นย่านที่เป็นศูนย์รวมของโครงการบ้านเดี่ยวราคาแพงทั้งจากแบรนด์ชั้นนำ และ Local Developer รวมถึง Neighborhood Facilities ระดับไฮเอนด์ อาทิ กรุงเทพกรีฑาสปอร์ตคลับ สนามกอล์ฟ Unico Grande และ Community Mall แนวรักษ์ธรรมชาติท่ามกลางต้นไม้ใหญ่อย่าง Kurve 7

 

กรุงเทพกรีฑาสปอร์ตคลับ มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อคนรักสุขภาพอยู่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ 18 หลุม, สนามไดร์ฟกอล์ฟ, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้องลีลาศ, ห้องอาหาร, สปา และห้องคาราโอเกะ

เครดิตภาพ: http://www.krungthepkreetha.co.th

 

สนามกอล์ฟ Unico Grande Golf Course

เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/unico.golfcourse/photos/

 

นอกจากนี้ยังมีโครงการ Boutique Lifestyle Mall บนพื้นที่กว่า 8,900 ตร.ม. เปิดใหม่ ตรงข้ามกันกับสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ทั้ง 2 แห่ง นั่นคือ โครงการ “The Park – Feel Good Mall” ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดคู่กับบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ “PARK AVENUE – 36 Private Residences” ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ที่มีคอนเซปท์แหวกแนว ตรงที่บนพื้นที่ชั้น 3 ของโครงการ The Park จะสามารถเพลิดเพลินไปกับสระว่ายน้ำแบบ infinity edge pool ที่จะได้สัมผัสกับวิวสุดสวยของสนามกอลฟ์กรุงเทพกรีฑา

เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/theparkth.mall

 

เจ้าของโครงการ The Park – Feel Good Mall” ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็น กลุ่มโฟร์วิงส์ ที่มีประสบการณ์นการทำธุรกิจโรงแรม เดอะ โฟร์วิงส์เรสซิเดนส์ และ เดอะแกรนด์โฟร์วิงส์โฮเทล ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในย่านศรีนครินทร์นั่นเอง

 

การทยอยกันมาของโครงการ Community Mall ใหม่ๆ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงจำนวนประชากรที่อยู่อาศัยกันค่อนข้างหนาแน่นในบริเวณย่านกรุงเทพกรีฑา และยังเป็นการตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุด จากเดิมที่ผู้คนย่านนี้ต้องไปพึ่งพิงบรรดามอลล์ต่างๆ ที่อยู่บนถนนพระราม 9 และถนนศรีนครินทร์เป็นหลัก…โดยย่านกรุงเทพกรีฑา ยังมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มากในอนาคตถึง 2 โครงการจากสองดีเวลลอปเปอร์ดัง ที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการในย่านนี้ได้แก่ กลุ่มเนอวานา และพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

 

ซึ่งกลุ่มเนอวานาได้มีการประกาศแผนการพัฒนาโครงการแนวราบมูลค่า กว่า 13,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 300 ไร่ ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2017 นี้

และบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เฟอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ที่ได้มีการนำ Land bank เก่าของบริษัท รวม 340 ไร่ บนถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ มาพัฒนาโครงการด้วยมูลค่าโครงการกว่า 9,200 ล้านบาท

 

เมื่อพูดถึงตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ตามแนวถนนกรุงเทพกรีฑาจากการสำรวจพบว่ามีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายอยู่ 10 โครงการ ยูนิตรวมทั้งหมดประมาณ 1,331 ยูนิต โดยโครงการส่วนใหญ่เปิดขายในช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2555 – 2557 จากนั้นก็ลดลงอาจจะเป็นเพราะว่าที่ดินในการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเหลือน้อยลง ราคาที่ดินสูงขึ้น ส่งผลให้โครงการที่เปิดขายในปีพ.ศ. 2558 – 2559 มีราคาขายสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและมีขนาดของโครงการที่เล็กลงเมื่อเทียบกับขนาดของโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้

โครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขายอยู่ในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่คือประมาณ 79% เป็นโครงการบ้านเดี่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับราคาขายและความต้องการในพื้นที่นี้ อย่างที่บอกไปแล้วว่าราคาที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกที่จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว มากกว่าโครงการที่มีบ้านขนาดเล็กรูปแบบอื่น เนื่องจากบ้านเดี่ยวสมัยใหม่ที่มีแบบบ้านทันสมัยสามารถตั้งราคาขายได้ค่อนข้างสูงและเป็นที่ต้องการของกำลังซื้อในพื้นที่นี้ทำให้อัตราการขายค่อนข้างสูงในเวลาไม่นาน

 

อัตราการขายเฉลี่ยของโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมดในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 86% ซึ่งถือว่าสูงมากสำหรับโครงการบ้านจัดสรร นอกจากนี้ในพื้นที่นี้ ยังมีบ้านจัดสรรอีกหลายโครงการที่ปิดการขายไปแล้วหลังจากที่เปิดขายในเวลาไม่นาน แสดงให้เห็นถึงกำลังซื้อในบริเวณนี้ โดยบ้านเดี่ยวที่มีจำนวนเปิดขายมากที่สุด มีอัตราการขายค่อนข้างยากกว่าทาวน์โฮมคือขายไปได้ประมาณ 85% แม้ว่าราคาขายของบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่มากกว่า 7.5 ล้านบาทต่อยูนิตก็ตาม ส่วนทาวน์โฮมที่มีราคาต่ำกว่าบ้านเดี่ยวแทบไม่เหลือยูนิตเหลือขายแล้วเพราะอัตราการขายสูงเกือบ 100% ส่วนโฮมออฟฟิศอาจจะเพิ่งเปิดขายในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจึงมีอัตราการขายที่ไม่สูงมาก

 

บ้านจัดสรรที่เปิดขายในพื้นที่นี้แยกตามระดับราคาขายและประเภท

บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ที่เปิดขายในพื้นที่นี้มีราคาขายอยู่ในระดับราคาประมาณ 7.5 ล้านบาทขึ้นไปถึงมากกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิต แม้จะมีบางโครงการที่ขายในราคาต่ำกว่าคือประมาณ 3 – 5 ล้านบาทต่อยูนิตและได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างสูงโดยสามารถพิจารณาจากอัตราการขายเฉลี่ยได้ดังนี้

บ้านจัดสรรในพื้นที่นี้ที่มีราคาขายต่ำกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิต ล้วนมีอัตราการขายสูงเกิน 80% ทั้งหมดแต่โครงการที่มีบ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิต ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ แต่อาจจะมีอัตราการขายต่ำกว่าและใช้เวลาในการขายนานกว่าเท่านั้น

แต่ในอนาคตเมื่อที่ดินในพื้นที่บริเวณนี้มีราคาขายปรับตัวสูงขึ้น และมีความต้องการมากขึ้น จากการขยายตัวของสารพัดโครงการทั้งของภาครัฐและเอกชนในพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการถนนตัดใหม่ ทางด่วน และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มกับสายสีเหลืองที่ แม้จะไม่ได้ผ่านถนนกรุงเทพกรีฑาโดยตรง แต่ก็มีจุดที่ตัดกับถนนกรุงเทพกรีฑา ซึ่งแน่นอนว่ามีผลทำให้ศักยภาพของพื้นที่นี้มากขึ้นแน่นอนในอนาคต พื้นที่ตามแนวถนนกรุงเทพกรีฑาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยแบบในปัจจุบัน ไปสู่พื้นที่ที่มีที่อยู่อาศัยกึ่งที่ทำงานมากขึ้น เหมือนในพื้นที่ตามแนวถนนรามคำแหง พระราม 9 หรือพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองชั้นในแบบที่เห็นได้แล้วในปัจจุบัน

 

บ้านนวัต พระราม 9 (Baan Nawat Rama 9) บ้านเดี่ยวแนว Sustainable Living แห่งแรกบนถนนพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา

ด้วยการที่ย่านพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา เป็นย่านที่มีการพัฒนาโครงการแนวราบอยู่ค่อนข้างหนาแน่นที่สุดย่านหนึ่งในฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก และก็ยังเป็นย่านที่มีอัตราการขายโครงการค่อนข้างสูง ถึงแม้ว่ารูปแบบการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าทั้งสองสายหลัก ยังเพิ่งอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นก่อนการก่อสร้าง แต่ก็ดูจะไม่ค่อยเป็นปัญหาสำหรับบรรดาผู้ที่พักอาศัยในย่านนี้เท่าไหร่นัก โดยปัจจุบันรูปแบบโครงการบ้านเดี่ยวที่มีราคาสูงกว่า 20 ล้านบาท ยังค่อนข้างมีน้อย ถ้าเทียบกับโครงการที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้าน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ล่าสุดบริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์จำกัด หนึ่งในบริษัทของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ซึ่งมีสายงานธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค อสังหาริมทรัพย์ ไอที จนถึงการพัฒนาความยั่งยืนทางสังคม ได้ตัดสินใจพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้คอนเซปท์ที่แตกต่างกว่าโครงการอื่นใดในย่านเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า “บ้าน นวัต – พระราม 9 (Baan Nawat – Rama 9)”

บริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ จำกัด นั้นหาใช่หน้าใหม่ในวงการนักพัฒนาอสังหาฯ แต่อย่างใด โดยโครงการที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ที่อยู่อาศัยในย่าน พระราม 9 – รามคำแหง ก็ได้แก่ โครงการหมู่บ้านเสรี และโครงการบ้านเดี่ยว Pool Villa สไตล์ Thai Contemporary ที่มีชื่อว่า 99 Residence นอกจากนี้ยังทำธุรกิจค้าปลีก ศูนย์การค้าพาวิลเลียน ไนท์ บาร์ซาร์ เชียงใหม่ และตลาดเสรีมาร์เก็ต

 

ตลาดเสรีมาร์เก็ตสาขาพระรามเก้า

เครดิตภาพ: https://www.facebook.com/serimarket

 

โครงการ 99 Residence เครดิตภาพ: http://www.99residence.com/gallery

บ้านนวัต พระราม 9 เป็นอีกหนึ่งโครงการบ้านเดี่ยว ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ที่อยากเห็นสังคมไทยที่มีความสุขอย่างยั่งยืนร่วมกัน โดยที่ไม่ได้มองเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเพียงแค่ผลกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว

 

แบรนด์บ้านนวัต จึงเป็นโครงการ Private Residence ที่ทางบริษัท พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ มีความตั้งใจในการสร้างคุณค่าให้แก่พื้นที่ และชุมชนโดยรอบ ให้สมกับคอนเซปท์ของโครงการคือ “Thoughtful Innovation for Sustainable Living” ที่นำเอาความยั่งยืน สอดคล้อง เหมาะสมกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ของท้องถิ่นนั้นๆ มาผสานกับนวัตกรรมสมัยใหม่แต่ง่ายต่อการดูแลในการสร้างทื่อยู่อาศัย โดยยังคงมุ่งเน้นการรักษาความเป็นไทยในรูปแบบที่ต่างไปจากโครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกัน

ด้วยจำนวนยูนิตทั้งหมดเพียงแค่ 8 ยูนิต บนพื้นที่โครงการทั้งหมดเพียง 2 ไร่ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น หน้ากว้าง พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว แต่ละยูนิตมีพื้นที่ขนาด 84 ตารางวา แต่ให้พื้นที่ใช้สอยถึง 550 ตร.ม. บ้านนวัต พระราม 9 คือ โครงการ Private Residence ที่มอบความเป็นส่วนตัว และความภาคภูมิใจสูงสุดให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ

คอนเซปท์ Sustainable Living ของบ้านนวัต พระราม 9 ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดสวยหรู เพื่อใช้เป็น Gimmick ทางการตลาด แต่ใช้สอยจริงไม่ได้ เหมือนกับโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ในท้องตลาด ความยั่งยืนของการอยู่อาศัยที่นี่ถูกถ่ายทอดออกมาทางงานดีไซน์ของโครงการฯ จนออกมาเป็นรูปธรรมจับต้องได้หลายอย่าง แนวคิดบ้านประหยัดพลังงาน “Energy Saving Design” ของที่นี่ ถูกต่อยอดออกมาเป็นนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรม ที่ยังคงรักษาความเป็นไทยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น

 

การจัดวางทิศทางของตัวบ้านให้สอดรับกับการถ่ายเทอากาศ และมีแสงแดดตามธรรมชาติเข้าถึงแทบทุกจุดภายในตัวบ้าน

เลย์เอ้าท์ห้องที่มอบความเป็นส่วนตัว ด้วยการที่ไม่มีผนังห้องไหนใช้ร่วมกัน ห้องแต่ละห้องตลอดจนโถงทางเดินมีหน้าต่างมากกว่า 1 ด้าน รับลมอย่างเพียงพอ โดยที่ผู้อยู่อาศัยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ หรือเปิดแอร์ในตอนกลางวันเลยก็ได้

 

โดยบานกระจกด้านทิศใต้กับทิศตะวันตกจะเป็น Double Glaze เพื่อลดทอนความร้อนที่เข้าภายในตัวบ้านรวมถึงเสียงรบกวนตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี

แผงเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ จะถูกนำมาติดตั้งไว้ทุกหลัง เพื่อนำเอาแสงแดดมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน

ระบบนำความร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์มา Reuse ผลิตน้ำร้อนใช้ทั้งบ้าน โดยไม่พึ่งพาพลังงานไฟฟ้า ความร้อนที่เหลือยังส่งผ่านไปยังสระว่ายน้ำ ให้น้ำในสระไม่เย็นจนเกินไปเพื่อให้การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายเสริมสุขภาพตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงสระน้ำ

ระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้

นอกจากนี้ยังมีระบบ Home Automation ที่สามารถควบคุมการการปิด เปิดสวิทซ์ไฟภายในบ้านได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ผ่าน application และยังดู CCTV ได้ด้วย

จากข้อมูลที่ได้กล่าวไปแล้วในเรื่องของอัตราการขาย และราคาขายของบ้านเดี่ยวในทำเลพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ว่ามีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างต่อเนื่อง และอัตราการขายก็ค่อนข้างสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในอนาคตอันใกล้จะมีดีเวลลอปเปอร์หลายราย รวมทั้ง พรีเมียร์ แอสเซ็ทส์ซึ่งจะก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองในย่านนี้ ด้วยการเปิดตลาดบ้านเดี่ยวไฮเอนด์แนว Sustainable Living เป็นรายแรก ซึ่งก็ต้องคอยเฝ้าดูกันต่อไปว่าบ้านนวัต พระราม 9 จะเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้มีรสนิยมในการพักอาศัยที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม ในย่านพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา มากน้อยแค่ไหน

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับทราบข้อมูล และสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่ premierassets.co.th

หรือโทร 02-074-5477

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

นิว เอปิค อโศก-พระราม 9

นิว คอร์ คูคต สเตชัน

ศุภาลัย แกรนด์ เอสเซ้นส์ อรุณอมรินทร์

ทำเลฝั่ง “ธนบุรี” ในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง...

6 November, 2024

ศุภาลัย ธาม เจริญนคร

เป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ของศุภาลัย ที่เป็นผู้เชี่ย...

2 November, 2024

นิช ไพรด์ เอกมัย

Unimaginable Life ชีวิตเกินจินตนาการใจกลางเอกมัย หาก...

21 October, 2024

ศุภาลัย บลู สาทร-ราชพฤกษ์

ทำเลสถานีบางหว้า คือสถานี Interchange สำคัญของชาวฝั่...

17 October, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง