TOA ผนึก Green Partner ร่วมวิจัยพัฒนาและส่งต่อ นวัตกรรมสีรักษ์โลก ‘TOA Shield Expert’ ถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดตัวนวัตกรรมสีรักษ์โลก ‘TOA Shield Expert’ สีน้ำ 2in1 แบบพร้อมใช้ที่รวมสีทับหน้าและรองพื้น ตอบรับตลาดผู้บริโภคยุคใหม่ ทาเองได้ง่ายในขั้นตอนเดียว ทนทานนาน 10 ปี ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการใช้การทรัพยากร และลดโลกร้อน การันตีจากพันธมิตรโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ที่ร่วมวิจัยพัฒนาและใช้จริง พร้อมส่งต่อสู่ผู้บริโภคผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงที่มาของการร่วมคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมสีทับหน้ารวมรองพื้นไว้ในกระป๋องเดียว ‘TOA Shield Expert’ ที่มาจากทิศทางภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างในอนาคต ทั้งการสร้างบ้านตอบรับกลุ่มผู้สูงอายุที่คำนึงถึงเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้น ผนวกกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง และ AI ที่จะเข้ามามีบทบาท ทำให้ลดขั้นตอน ช่วยย่นระยะเวลาการก่อสร้างให้เสร็จไวและแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร และช่วยลดโลกร้อนได้
ประกอบกับปัจจุบันภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มองหานวัตกรรมสีที่ตอบโจทย์การทำงานให้ได้ตรงตามมาตรฐานของโครงการ และช่วยลดขั้นตอนการทำงานของช่างให้ง่าย สะดวก รวดเร็วขึ้น รวมทั้งลดปัญหาการผสมน้ำที่ไม่สัดส่วนหรือน้ำปนเปื้อน อันจะเป็นเหตุทำให้ประสิทธิภาพของสีลดลง ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งมอบบ้านให้ลูกค้าด้วยคุณภาพที่ดีที่สุด เราจึงได้ร่วมกับพันธมิตร Green Partner ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ในการวิจัยและพัฒนาสี จนได้มาเป็น ‘TOA Shield Expert’ ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความสะดวกสบาย ลดการใช้ทรัพยากร ลดปริมาณขยะ ทนทาน ช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิล์มสีนาน 10 ปี จึงช่วยลดการทาสีซ้ำ ปลอดภัย เพราะไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา ซึ่งสอดรับกับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มุ่งขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้นโยบาย TOA Green Mission สู่ความยั่งยืน
นายธนาฒย์ เกรียวสกุล ผู้บริหารสูงสุดสายงานความยั่งยืน บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยแนวคิดการดำเนินธุรกิจของพฤกษาที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์การอยู่อาศัยที่ “อยู่ดี มีสุข” เพื่อขับเคลื่อนทุกชีวิตและสังคมให้เติบโตได้ อย่างยั่งยืนทั้งในวันนี้และวันพรุ่งนี้ เราให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน เราจึงคิดเพื่อลูกบ้าน ชุมชน สิ่งแวดล้อมและโลกของเรา ด้วยการคัดสรรและเลือกใช้วัสดุก่อสร้างรักษ์โลกให้กับโครงการบ้านของพฤกษา ซึ่งแม้แต่ ‘สีทาบ้าน’ ที่หลายคนอาจมองว่าไกลตัว แต่เรามองว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวและสำคัญมากสำหรับผู้อยู่อาศัย เพราะสีที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติที่นอกจากอึด คงทนแล้ว สียังต้องปลอดภัย ไร้สารอันตรายต่อสุขภาพ และต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
ดังนั้น พฤกษา จึงได้ริเริ่มวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Expert ร่วมกับทีโอเอ เนื่องจากพบ painpoint การใช้งานสีในระบบเดิมที่อาจไม่สามารถควบคุมคุณภาพสีจากการผสมน้ำที่ไม่ได้สัดส่วนของช่างหน้างาน หรือแม้แต่การปนเปื้อนของน้ำ จึงได้ร่วมกันพัฒนานวัตกรรมสีระบบใหม่ TOA Shield Expert สีน้ำ 2in1 สูตรพร้อมใช้ ไม่ต้องผสมน้ำ มีสีรองพื้นในตัว ทำให้ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของช่างให้สะดวกและจบงานได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกบ้านของพฤกษาในการทาสีใหม่ repaint ได้นานเป็น 10 ปี อีกทั้งยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้ำ ถังพลาสติก และปิโตรเลียม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจัง ในการพัฒนาบ้านเพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ด้าน นายสุภัทร์ รัตนะโสภณชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสำนักพัฒนาโครงการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เสนาฯ ยึดแนวทางการดำเนินธุรกิจตามการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ภายใต้แนวคิด ‘บ้านพลังงานเป็นศูนย์’ (Zero Energy Housing) ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้านเสนาฯ และตั้งเป้าหมายการลดคาร์บอนขององค์กร รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน สำหรับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง มีปัจจัยหลัก 3 ประการสำคัญ ได้แก่ Time ประหยัดเวลาการทำงาน Cost คุ้มค่าเหมาะสมกับราคา และ Quality ที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งการสรรหานวัตกรรมใหม่ๆ นั้น เราไม่สามารถจะดำเนินการได้เพียงลำพัง หากต้องอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตร เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ พัฒนานวัตกรรมต่างๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและโลกของเราให้มากยิ่งขึ้น