SHR โชว์ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2565 พลิกบวกสองไตรมาสติดต่อกัน ชูกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท พร้อมรับอานิสงส์ท่องเที่ยวโตต่อ ดันกำไรปีหน้าโดดเด่น
SHR ชูผลการดำเนินงานเพิ่ม 93% กวาดรายได้ 8,693 ล้านบาทในปี 2565 เติบโตทะลุเป้าหมาย รับอานิสงส์การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว พร้อมสัญญาณบวกจากโรงแรมในประเทศไทย ดันรายได้ในไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ 2,570 ล้านบาท และรายงานผลกำไรจำนวน 108 ล้านบาท ซึ่งเป็นการพลิกฟื้นติดกันสองไตรมาสติด ตอกย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจ พร้อมดันรายได้และกำไรปีหน้าโตเด่น
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ บริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท รายงานรายได้จากการขายและการให้บริการในปี 2565 ที่ 8,693 ล้านบาท เติบโตขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งผลักดันจากการเติบโตของผลประกอบการของโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเติบโตขึ้นทั้ง 4 พอร์ตโฟลิโอ
นำทัพโดยผลประกอบการที่โดดเด่นในโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์ และพอร์ตโรงแรมสหราชอาณาจักร ที่ได้พิสูจน์ศักยภาพในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมาตลอดในปี 2565 โดยโรงแรมทั้ง 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS มีความโดดเด่นและมีความแตกต่างแบบเฉพาะตัว ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม หนุนให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy rate) เติบโตสู่ 66% พร้อมปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ได้เพิ่มขึ้นกว่า 28% จากปีก่อนหน้า สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานโครงการมา จากการมุ่งเน้นปรับกลยุทธ์ในการบริหารพอร์ตโฟลิโอให้มีประสิทธิภาพ ร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงห้องพักอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองกระแสนิยมในการท่องเที่ยว และสำหรับกลุ่มโรงแรมสหราชอาณาจักรสามารถเพิ่ม Occupancy rate ได้ 10% และ ADR เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2564 ทำให้มีรายได้ต่อห้องพักต่อคืน (RevPAR) ที่ 48 ปอนด์ ฟื้นตัวขึ้นไปสูงกว่าปี 2562 ซึ่งถือเป็นปีก่อนเกิดโควิด-19 ได้สำเร็จ
เสริมทัพด้วยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดการณ์ของโรงแรมในพอร์ต Outrigger สอดคล้องกับ Pent up Demand ระดับสูง ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 64% พร้อมปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันได้เพิ่มขึ้น 48% จากปี 2564 ส่งผลให้รายได้และกำไรจากผลการดำเนินงานของพอร์ตโรงแรม Outrigger เติบโตขึ้นกว่าปีก่อนเกิดโควิด-19
ในขณะที่พอร์ตโรงแรมในประเทศไทย เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในช่วงปลายปี 2565 เนื่องจากมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ Occupancy rate ฟื้นตัวมาที่ 57% ทั้งนี้ ผลสำเร็จในการปรับโครงสร้างธุรกิจ รวมไปถึงผลตอบรับที่ดีในการปรับใช้แนวคิดแบรนด์ทราย (SAii) มาสู่โรงแรมที่บริษัทฯ บริหารงานเอง ส่งผลให้ ADR ปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 67% จากปีก่อนหน้า
สำหรับในไตรมาสที่ 4 เป็นไตรมาสที่เราสร้างรายได้ได้ที่สุดของปี โดยการผลักดันรายได้ได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2565 ตอกย้ำการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคการท่องเที่ยว และการเข้าสู่ช่วง Peak seasons ของการท่องเที่ยวของพอร์ตโรงแรมในประเทศไทย และสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่สะท้อนภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการเดินทางเพื่อการพักผ่อน เสริมแกร่งด้วยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงแรมในประเทศไทยของบริษัทฯ ผนวกกับความสำเร็จในการปรับโครงสร้างธุรกิจ และผลตอบรับที่ดีในการปรับใช้แนวคิดแบรนด์ SAii มาสู่โรงแรมที่เราบริหารงานเอง ส่งผลให้ ADR เฉลี่ยของโรงแรมในประเทศไทย ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 เติบโตขึ้น 17% จากไตรมาส 4 ของปี 2562 และผลักดันให้ระดับ RevPAR สูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้สำเร็จ โดยเราเห็นผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องของโรงแรมในประเทศไทยและสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่มีอัตราการเข้าพักสูงกว่า 90%ในเดือนมกราคม 2566 และคาดว่าจะรักษาโมเมนตัมที่ดีได้ตลอดในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ซึ่งจะหนุนให้รายได้รวมของทั้งสองพอร์ตโฟลิโอหลักนี้เติบโตราว 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยแรงส่งของทั้งสองพอร์ตโฟลิโอสำคัญนี้ จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2566