ณภัทร บูรณพงษ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานบริหารสินทรัพย์

บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนรุ่นใหม่ รักความเป็นอิสระ ใช้ชีวิตในแบบของตนเอง พอเริ่มทำงาน จึงมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต โดยอาจเริ่มต้นจาการเช่าคอนโดในทำเลสะดวกใกล้ออฟฟิศ หรืออยู่กับครอบครัวตามเดิม แต่ต้องยอมรับว่าปัจจุบันการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางในแต่ละเดือนก็ไม่น้อย บางรายมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานเฉลี่ยถึง 20-25% ของรายได้ในแต่ละเดือน ดังนั้นกลุ่ม First Jobber หากทำงานสักระยะ เริ่มมีความมั่นคงเพียงพอ จึงเริ่มพิจารณาความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงานหรือสะดวกต่อการเดินทางมากยิ่งขึ้น

จากการเก็บข้อมูลลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพและปริมาณฑล จำนวนกว่า 12,600 คน ของฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าลูกค้าที่เป็นกลุ่ม First Jobber หรืออยู่ในช่วงอายุระหว่าง 21 – 30 ปี มีสัดส่วน 13% ของลูกค้าทั้งหมด แม้จะไม่ใช่กลุ่มหลักแต่ลูกค้ากลุ่มนี้มีการเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ 2556 – 2560 มีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 25% ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความสนใจซื้อคอนโดของคนกลุ่มนี้ที่มีเพิ่มขึ้น

กลุ่ม First Jobber หากอยากซื้อคอนโดต้องวางแผนการเงินอย่างไร ควรเริ่มจากตรงไหน

1. หาตัวเลือกคอนโดที่ใช่

– เรื่องทำเลเป็นสิ่งสำคัญ ควรเป็นโครงการที่อยู่ในโซนไม่ไกลจากที่ทำงานหรือสามารถเดินทางได้สะดวก และควรพิจารณาถึงศักยภาพทำเลในอนาคตด้วย หากเป็นทำเลที่มีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในอนาคต ก็จะเป็นโครงการที่มีแนวโน้มมูลค่าสูงขึ้นและมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น จะสามารถขายต่อ-ปล่อยเช่า ในอนาคตได้ง่ายหากมีเหตุจำเป็น

– รูปแบบโครงการที่ตอบโจทย์ความชอบส่วนตัว ตรงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ชอบอยู่คอนโดตึกสูงหรือตึกเตี้ย ขนาดและรูปแบบฟังก์ชั่นห้องที่ชอบ สิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางที่ต้องการต้องมีอะไรบ้าง

– ศึกษาข้อมูลโครงการ พิจารณาความน่าเชื่อถือของดีเวลล็อปเปอร์ ความเหมาะสมของราคาและคุณภาพ ความคืบหน้างานก่อสร้าง หรือหากเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วก็ต้องดูเรื่องการบริหารโครงการว่ามีสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร มีการจัดการที่ดีหรือไม่ ความเป็นอยู่ในโครงการเป็นอย่างไร หรือขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาอสังหาฯ หรือใช้เอเจ้นท์มืออาชีพ นอกจากให้คำปรึกษาและจัดการหาคอนโดที่ตอบโจทย์ให้แล้ว ยังเหมาะกับผู้ที่อยากได้ข้อมูลคำแนะนำเชิงการลงทุนต่อในอนาคตอีกด้วย

2. วางแผนการเงิน

– วางแผนการผ่อนชำระ โดย First Jobber เงินเดือนแรกเริ่มโดยเฉลี่ยประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน โดยยอดผ่อนต่อเดือนสูงสุดควรจะไม่เกิน 40% ของรายได้ (สมมติเงินเดือน 20,000 บาท ความสามารถในการผ่อนสูงสุดประมาณ 8,000 บาท) และหากขอสินเชื่อในช่วงอายุไม่เยอะ ก็สามารถเลือกผ่อนแบบระยะเวลาสูงสุด 30 ปีได้ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่อเดือนก็จะถูกลง แต่ยิ่งกู้นานก็ยิ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารเยอะเช่นกัน

– หากเป็นคอนโดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ต้องมีการเตรียมเงินดาวน์ไว้ด้วย โดยปกติเงินดาวน์จะอยู่ที่ 10% – 30% ของราคาขาย

– เตรียมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินของกรมที่ดิน (ส่วนใหญ่ผู้ซื้อกับโครงการจะแบ่งจ่ายคนละครึ่งหรือ 1%) ค่าอากร จำนวน 0.05% ของวงเงินกู้ รวมไปถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามระเบียบของกรมที่ดิน และยังมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับโครงการด้วย เช่น เงินกองทุนสำรองส่วนกลาง ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย ค่าส่วนกลางรายปี เป็นต้น

3. ซื้อคอนโดจากผู้ขายที่น่าเชื่อถือ

– ซื้อคอนโดจากเซลล์ประจำโครงการ หรือซื้อผ่านเอเจ้นท์มืออาชีพที่เชื่อถือได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและช่วยให้การซื้อคอนโดดำเนินไปอย่างราบรื่นและสะดวกขึ้น เพราะมีตัวกลางที่คอยให้คำแนะนำและประสานจัดการเรื่องเอกสาร การติดต่อหน่วยงานต่างๆ และการจ่ายเงิน

แม้จะเพิ่งเริ่มทำงานมีเงินเดือน แต่หากมีการวางแผนจัดการการเงินที่ดีและรัดกุม มีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ ก็จะทำให้การซื้อคอนโดเป็นเรื่องง่ายขึ้น หากได้คอนโดที่ดี สอดคล้องกับสถานะทางการเงินของเรา ย่อมช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ทั้งในแง่การประหยัดเวลาไปทำงาน การใช้ชีวิตที่ง่ายสะดวกขึ้นที่สามารถทำทุกอย่างได้ในคอนโด ทั้งการออกกำลังกาย พักผ่อน พบปะกับเพื่อน จะช่วยเริ่มต้นชีวิต First Jobber ให้เป็นรูปแบบในฝันที่เป็นจริงได้ และนอกจากการซื้อคอนโดเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองแล้วยังซื้อเพื่อการลงทุนได้อีกด้วย โดยสามารถซื้อแล้วปล่อยเช่า ให้ผู้เช่าช่วยจ่ายค่างวด และสามารถขายต่อได้เมื่อคอนโดมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตจนได้รับผลตอบแทนการขายต่อ (Capital Gain) ในอัตราที่น่าพอใจ ก็นับเป็นการลงทุนที่น่าสนใจครับ