แอบส่อง! Lab Room และอีก 2 คอนโด Next Normal แบรนด์ “ดิ ออริจิ้น” สุขุมวิท-สายลวด E22 สเตชั่น และ ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามอินทรา
หลังจาก บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ประสบความสำเร็จกับโครงการดิ ออริจิ้น อ่อนนุช แบบ Next Normal ด้วยการขายผ่านแพลทฟอร์มออนไลน์ Evenprop 100% ไม่มีสำนักงานขาย จนสามารถสร้างราคาที่คุ้มค่าและเซอร์ไพรส์ตลาด ล่าสุด เครือออริจิ้น ยังเตรียมส่งคอนโดมิเนียมแบรนด์ “ดิ ออริจิ้น” (The Origin) บุกตลาดต่อเนื่องอีก 2 โครงการ 2 ทำเล แถมยังมีเครื่องมือใหม่ มาช่วยหนุนการขายแบบ Next Normal อีกด้วย
Lab Room เครื่องมือช่วยขายในวันที่ไม่มีสำนักงานขาย
แบรนด์ ดิ ออริจิ้น ถือเป็นแบรนด์ที่เจาะตลาดแมส โดยเฉพาะตลาดคนรุ่นใหม่กลุ่ม Gen Z เน้นพัฒนาโครงการให้ดูวัยรุ่น ทันสมัย ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและภายในห้องพัก และที่สำคัญคือ มีราคาที่จับต้องได้จริง
วิธีหนึ่งที่จะช่วยให้โครงการแบรนด์ดิ ออริจิ้น ทำราคาได้คุ้มกว่าโครงการอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน คือการประหยัดต้นทุนการพัฒนาสำนักงานขาย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ค่าพนักงานขายประจำสำนักงาน ค่าพนักงานรักษาความปลอดภัย ค่าพนักงานทำความสะอาด นับตั้งแต่เริ่มพรีเซลจนปิดการขายโครงการ รวมราว 30 ล้านบาท นำไปปรับราคาคอนโดให้คุ้มค่าและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น และขายผ่าน Online Presales Event Platform แทน เพราะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่เองก็นิยมค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการต้องชมห้องตัวอย่างจริงมากเหมือนในอดีต
ล่าสุด ออริจิ้น ยังมีเครื่องมือใหม่ คือการพัฒนา “Lab Room” ไว้ที่สำนักงานใหญ่ออริจิ้น ชั้น 21 อาคารภิรัชทาวเวอร์@ไบเทค บางนา โดยตัว Lab Room นี้ จะมีหน้าตาเสมือน “ห้องตัวอย่างกลาง” ของแบรนด์ดิ ออริจิ้น เป็นเสมือนมาสเตอร์แพลนที่พนักงานขายรวมถึงพนักงานของออริจิ้นทุกคนสามารถถ่ายรูปและถ่ายวิดีโอจาก Lab Room นี้ให้ลูกค้าที่สนใจชมได้ ว่าห้องของแบรนด์ดิ ออริจิ้นแต่ละแบบจะมีหน้าตาอย่างไร มีฟังก์ชันโดดเด่นแค่ไหน
เบื้องต้น ออริจิ้น พัฒนา Lab Room ออกมา 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ 1.ห้องแบบ Smart Closet 22 ตร.ม. 2.ห้องแบบ 1 ห้องนอน 26 ตร.ม. และ 3.ห้องแบบ 1 ห้องนอนพลัส 34 ตร.ม.