แสนสิริ จ่อคิวเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ เคาะดอกเบี้ย 5 ปีแรก ที่ 7.00% ต่อปี ผ่าน 9 สถาบันการเงินชั้นนำ เปิดจอง 20 และ 23 – 25 มิ.ย. นี้
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (“SIRI” หรือ “บริษัทฯ”) บริษัทฯ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2568 (“หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ”) หรือ Perpetual Bond ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) อัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกอยู่ที่ 7.00% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ เตรียมเปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 20 และวันที่ 23 – 25 มิถุนายน 2568 โดยอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ อยู่ที่ระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” และของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่ระดับ “BBB-” แนวโน้ม “คงที่” โดยทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)
“การออกเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯในครั้งนี้ เพื่อทดแทนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดเดิม ที่บริษัทฯ จะใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดเมื่ออายุครบ 5 ปี เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของโครงสร้างเงินทุน ด้วยกลยุทธ์การบริหารที่รัดกุมและรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมเติบโตอย่างมีศักยภาพ รองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ในระยะยาว จากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการพร้อมโอน และการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตอบรับทุกความต้องการ โดยคาดว่าไตรมาส 2 จะเปิดตัว 4 โครงการใหม่ (แนวราบ 3, คอนโดมิเนียม 1) รวมมูลค่า 6,000 ล้านบาท พร้อม Backlog รอรับรู้รายได้กว่า 22,000 ล้านบาท โดยผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท เติบโตสูงกว่าเป้าไตรมาสแรกที่วางไว้และคิดเป็นสัดส่วน 28% จากเป้ายอดขายปี 2568 ที่ตั้งไว้ 53,000 ล้านบาท ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 6,891 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 814 ล้านบาท” นายวิชาญ กล่าว