แสนสิริ จับมือ ยูนิลีเวอร์ เสริมแกร่งโครงการ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” เดินหน้าจัดการขยะพลาสติกแบบย่อยสลายไม่ได้ เข้าสู่กระบวนการ Upcycle ผนึก สภาอุตสาหกรรม เป็นอสังหาฯ รายแรก มุ่งผลักดันการจัดการขยะเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย
– แสนสิริ ผู้นำแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย จับมือกับกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ผู้นำในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วมด้วย PPP Plastics ภายใต้การนำของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) สานต่อการจัดการขยะจากที่อยู่อาศัย ส่งเสริมและสร้างความเข้าใจในการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้เกิดประโยชน์ กับ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก”
– ชวนลูกบ้านและทุกคน ‘ล้าง-ตาก-ทิ้ง’ เพื่อส่งต่อขยะพลาสติกแบบย่อยสลายไม่ได้ ตั้งจุดรับขยะที่ Habito Mall ชั้น 1 และขยะพลาสติกที่ลูกบ้านคัดแยกในอีกกว่า 50 โครงการแสนสิริ จะถูกนำส่งกับ Recycle Day หรือนิติฯ ในโครงการ ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Upcycle ต่อไป
– ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่สอดคล้องกันด้านความยั่งยืนของ 3 องค์กร และขึ้นแท่นเป็นผู้นำของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยรายแรกเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ALL_Thailand กับผลสำเร็จสูงสุดในการจัดการขยะเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริได้ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมและสร้างองค์กรที่ดี ภายใต้พันธกิจ “Sansiri Sustainability: Everyday Better” เรายึดมั่นที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวันให้กับลูกบ้าน สังคมและทุกคน โดยเฉพาะในด้าน Waste Management ที่เราได้ดำเนินการมาอย่างจริงจัง โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำมากมากมาย เพื่อเก็บรวบรวมและจัดการขยะในแต่ละประเภท ตั้งแต่ การร่วมมือกับโคคา-โคล่าในการจัดการขยะประเภทบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มและวัสดุที่สามารถนำมารีไซเคิลได้, การร่วมมือกับ SCG Packaging ในการจัดการขยะรีไซเคิลประเภทกระดาษ ตลอดจนการร่วมมือกับ AIS เพื่อคัดแยกขยะ e-Waste ในโครงการแสนสิริ ทำให้ในปีที่ผ่านมา เราสามารถรวบรวมและคัดแยกเพื่อนำขยะเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างเหมาะสมไปทั้งหมด 205,815 กิโลกรัม ใน 148 โครงการ แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้หลายองค์กรออกนโยบาย Work from Home และคนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้แนวโน้มจำนวนขยะในครัวเรือนได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จเพื่อจัดการขยะพลาสติกแบบย่อยสลายไม่ได้ จับมือยูนิลีเวอร์ กับ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” ตั้งจุดรับขยะที่ Habito Mall และร่วมกับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อขยายผลไปในอีกกว่า 50 โครงการของเรา ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้เกิดประโยชน์ เพื่อชะลอขยะพลาสติกลงสู่ภูเขาขยะให้ได้มากที่สุด พร้อมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ALL_Thailand ภายใต้ทุนสนับสนุนจาก Alliance to End Plastic Waste (AEPW) กับเป้าหมายในการเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้าง Business Model ต้นแบบการจัดการขยะพลาสติกกับ PPP Plastics มุ่งผลักดันการจัดการขยะเพื่อเปลี่ยนประเทศไทย”
ด้านสถานการณ์ ‘ขยะพลาสติก’ ในไทย มีข้อมูลจากเสวนาออนไลน์ของ PPP Plastics ในหัวข้อ “ขยะพลาสติก : การจัดการและโอกาส Post COVID-19” ระบุว่า ในช่วงก่อนโควิด-19 ไทยมีขยะพลาสติกเฉลี่ย 2 ล้านตัน/ปี หรือเฉลี่ยประมาณ 90 กรัม/คน/วัน (ม.ค.-ธ.ค. 2562) โดยมีขยะพลาสติกถูกนำกลับไปใช้ประโยชน์คิดเป็น 0.5 ล้านตัน/ปี และได้ ถูกนำไปกำจัดโดยวิธีฝังกลบหรือเตาเผา 1.5 ล้านตัน/ปี แม้ว่าในช่วงต้นปี 2563 มีการรณรงค์ลดใช้พลาสติก โดยมีประชาชนให้ความสนใจ พร้อมหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น แต่หลังจากที่มีสถานการณ์โควิด -19 จนถึงการระบาดระลอกใหม่ ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึง 45% เฉลี่ยประมาณ 139 กรัม/คน/วัน (เม.ย.2564) และคาดว่าอาจจะมากกว่าเดิม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมไปถึงความจำเป็นในการใช้พลาสติกจากสถานการณ์โควิด-19
นายโรเบิร์ต แคนเดลิโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียน กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์มีความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อความยั่งยืนในทุกรูปแบบ เพราะเห็นได้ชัดว่าเราไม่สามารถมีธุรกิจที่แข็งแกร่งบนโลกที่ป่วยได้ นี่คือเหตุผลที่ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นทุ่มเทในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องขยะพลาสติก”
“ภายในปี พ.ศ. 2568 บรรจุภัณฑ์ของเราจะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิลได้ หรือย่อยสลายได้ 100% นอกจากนี้ เราจะลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ (Virgin Plastic) ลง 50% และเราจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและจับมือกับพันธมิตรเพื่อรับประกันว่าเราจะเรียกเก็บบรรจุภัณฑ์พลาสติกให้มากกว่าที่เราจำหน่าย นั่นหมายถึงการป้องกันพลาสติกไปยังบ่อฝังกลบและรั่วไหลไปยังแหล่งน้ำของเรา โดยการนำกลับเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ ความร่วมมือกับแสนสิริถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน โครงการ “waste to WORTH: แยกไม่ยาก” จะช่วยสร้างความเข้าใจและเป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมให้ลูกบ้านในโครงการของแสนสิริคัดแยกพลาสติกจากครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซองหรือถุงเติมพลาสติกที่มีมูลค่าต่ำจากบ้าน ซึ่งทั้งหมดสามารถรวบรวมและแปรรูปให้สามารถใช้ใหม่อย่างมีความรับผิดชอบ ถือเป็น วิน วิน วิน อย่างแท้จริง”