แสนสิริโชว์แบรนด์แกร่ง ยอดจองหุ้นกู้ล้น ตอกย้ำการเติบโตยั่งยืน ภายใต้แผน “Dynamic Growth”
– นักลงทุนให้การตอบรับหุ้นกู้แสนสิริล้น ตอกย้ำถึงความสำเร็จจากการเดินหน้าตามแผน “Dynamic Growth” เติบโตแข็งแกร่ง
– สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ความมั่นคงทางการเงิน และแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนและยั่งยืน
– ยันเดินหน้าตามแผน เปิด 29 โครงการ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท พร้อมรักษาสภาพคล่องที่ เหมาะสมรองรับได้ทุกสถานการณ์
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า แสนสิริได้เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ครั้งที่ 1/2568 (“หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ”) หรือ Perpetual Bond ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) อัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกอยู่ที่ 7.00% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 20 และวันที่ 23 – 25 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฎว่า ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดจากนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้นกู้แสนสิริล้นหลามจน Oversubscribe ไปมากกว่า 50% ตอกย้ำถึงความสำเร็จจากการเดินหน้าตามแผน “Dynamic Growth” เติบโตแข็งแกร่ง และสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ความมั่นคงทางการเงิน และแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนและยั่งยืน
สำหรับความสำเร็จจากการออกเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของแสนสิริในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินระดมทุนดังกล่าวบางส่วนชำระคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดเดิม ที่บริษัทฯ จะใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนดเมื่ออายุครบ 5 ปี เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของโครงสร้างเงินทุน ด้วยกลยุทธ์การบริหารที่รัดกุมและรักษาสภาพคล่องทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมเติบโตอย่างมีศักยภาพ รองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในอนาคตต่อไป
นายวิชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับหุ้นกู้ชุดที่จะครบกำหนดในปี 2568 นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสม เนื่องจากแสนสิริมีสภาพคล่องอยู่สูงถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมาตลอดโดยพยายามรักษาสภาพคล่องให้เหมาะสมรองรับได้ทุกสถานการณ์ ดังนั้นบริษัทยังสามารถชำระคืนหุ้นกู้ดังกล่าวได้แม้จะไม่มีการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมก็ตาม”