เอสซีจี เซรามิกส์ แถลงผลประกอบการปี 2564 ยอดขายโต กำไรเพิ่ม เชื่อตลาดเซรามิกฟื้นตัว มุ่งเป็นผู้นำชูสินค้าตอบโจทย์เมกะเทรนด์ทั้งสุขอนามัยและไลฟ์สไตล์ ปรับกลยุทธ์เตรียมรับมือพลังงานก๊าซธรรมชาติพุ่ง
ผลประกอบการปี 2564 เอสซีจี เซรามิกส์ มีรายได้จากการขาย 11,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 39 จากยอดขายในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น คาดเศรษฐกิจปีนี้เติบโต เตรียมปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและเทคโนโลยีรับมือราคาพลังงาน พร้อมชู “Dream Space” สร้างแบรนด์ขึ้นเป็นผู้นำด้านสุขอนามัยบวกไลฟ์สไตล์ เชื่อผู้บริโภคยังต้องการสินค้าที่ตอบโจทย์หลากหลายแม้ว่าจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมไปตามแนวทางวิถีใหม่
นายนำพล มลิชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องภายใต้แบรนด์ “คอตโต้” (COTTO) โสสุโก้ (SOSUCO) และ คัมพานา (CAMPANA) เปิดเผยงบการเงินรวมก่อนตรวจสอบของ COTTO ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง ร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน โดยมีผลกำไร 57 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง ร้อยละ 65 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตควบคู่กันมาโดยตลอด
สำหรับผลประกอบการปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 11,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปี 2563 ร้อยละ 10 โดยมีกำไรสุทธิรวม 584 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 164 ล้านบาท เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค
นายนำพล เปิดเผยว่า “การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสถานการณ์ตลาดกระเบื้องเซรามิกในปี 2564 เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างภาคเอกชนได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ก็ถือว่าปีที่ผ่านมานั้นเป็นปีที่ทุกภาคส่วนได้เรียนรู้และมีความพร้อมในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น เริ่มคุ้นชินกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สามารถวางแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ในส่วนของความต้องการสินค้ากระเบื้องเซรามิคในประเทศยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านั้น เช่นเดียวกับสถานการณ์การแข่งขันที่ยังคงรุนแรงทั้งจากผู้ผลิตในประเทศเองและจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ และในปี 2565 นี้ ปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติม คือ เรื่องราคาพลังงานที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับธุรกิจเซรามิค