เอสซีจีตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดหลังคาอันดับ 1 เดินหน้าขับเคลื่อน “SCG Roof Green Innovation” ยกระดับนวัตกรรมหลังคาเพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด เดินหน้าสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดวัสดุก่อสร้าง ด้วยแนวคิด “SCG Roof Green Innovation” นวัตกรรมระบบหลังคารูปแบบใหม่ที่พัฒนาภายใต้แนวคิด “ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย” ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การออกแบบ เทคโนโลยีการผลิต ไปจนถึงระบบการติดตั้ง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สะท้อนจุดยืนในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องหลังคา และผู้นำตลาดหลังคาอันดับ 1 ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก SCBEIC พบว่า ผู้บริโภคไทยที่มีประสบการณ์สูง ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมากกว่า 70% ของผู้บริโภคกลุ่มนี้มีทัศนคติเชิงบวกต่อสินค้า Green และยินดีจ่ายเพิ่มหากสินค้าได้รับการรับรองคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของเอสซีจีที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันเพื่อตอบสนองแนวโน้ม Mindful Living ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน
คุณอนุสรณ์ พจนบรรพต Head of Housing Product Solution Business บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด กล่าวว่า “เอสซีจีไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมและระบบหลังคาที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนไทยได้ครบทุกมิติ ปัจจุบัน ‘SCG Roof Green Innovation’ เป็นมากกว่านวัตกรรมเชิงเทคนิค แต่คือระบบที่ตั้งต้นจากความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เพื่อยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัยของคนไทย พร้อมสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของสังคม”
“SCG Roof Green Innovation” กับนวัตกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
หลังคาเอสซีจีให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่กระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ การคัดเลือกวัตถุดิบ จนถึงเรื่องของกระบวนการผลิต เช่น การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคาร์บอนต่ำอย่างปูนซีเมนต์ไฮบริดซึ่งปัจจุบันในกระบวนการผลิตของเอสซีจี ปรับมาใช้ปูนเอสซีจีคาร์บอนต่ำเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ยังเลือกใช้วัสดุหมุนเวียนทดแทนวัสดุจากธรรมชาติ เช่น เศษกระเบื้องบด Fly Ash รวมไปถึงการปรับเปลี่ยน และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด
คุณกรกฤธ เฟื่องวุฒิ Product and Solution Development Director บริษัท เอสซีจี รูฟฟิ่ง จำกัด กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาในทุกกระบวนการ ตั้งแต่วัตถุดิบ ไปจนถึงระบบติดตั้ง เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น อาทิ การใช้พลังงานสะอาด โดยใช้ฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า (EV Forklift) , โซลาร์พาแนล (Solar Panel) จากพลังงานแสงอาทิตย์, Solar Farm รวม 21% และ พลังงานชีวมวล (Biomass) 22% รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรให้ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าสูงสุด ส่งผลให้หลังคาเอสซีจี สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 27% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2020 เทียบเท่ากับการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 12,400 Ton CO2 ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 1.3 ล้านต้น ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของเอสซีจีในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม”