เรนวูด ปาร์ค (REIGNWOOD PARK) โครงการ MIXED-USE ใจกลาง ธรรมชาติ ที่มุ่ง สร้าง เมือง แห่งคุณภาพชีวิตที่สมดุลผนึกพลังแห่งความสร้างสรรค์ร่วมกับ GET GROWING แบรนด์พื้นที่เรียนรู้ท่าม กลางธรรมชาติสำหรับเด็กและครอบครัว ประกาศเปิดตัว “GET GROWING REIGNWOOD PARK” บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ภายในโครงการ PARK11 ลำลูกกา คลอง 11 จังหวัดปทุมธานี

โดยพื้นที่ใหม่แห่งนี้จะเป็นสาขาที่ 2 ของ GET GROWING ซึ่งต่อยอดจาก ความสำเร็จ ของสาขา แรกที่คุ้งบางกะเจ้าที่ยังคงแนวคิดหลักในการให้เด็กๆ ได้เติบโตผ่านการเล่น ท่ามกลางธรรมชาติ อย่าง ปลอดภัย และเพิ่มเติมประสบการณ์เชิงสิ่งแวดล้อมด้วยธีม “ใต้ทะเล” ที่เน้นเรื่องการอนุรักษ์ แหล่งน้ำและ สัตว์น้ำท้องถิ่น “ที่ PARK11 เราเชื่อในการสร้าง COMMUNITY FOR MULTIGENERATIONAL LIVING คือการใช้ชีวิตร่วมกันของคนทุกเจเนอเรชัน ทั้งปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และลูกหลาน และเราเห็นว่า GET GROWING คือพาร์ตเนอร์ที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจน” นางสาว โสมวิสาข์ จมะวัตร   ผู้จัดการ ทั่วไปโครงการ PARK11 กล่าว

พื้นที่ที่เด็ก “ต้องเผชิญความเสี่ยง” เพื่อจะเติบโตอย่างมั่นคง

สนามเด็กเล่นของ GET GROWING ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและเป็นพื้นที่ “ที่ปลอดภัย มากพอ” ที่เด็กจะได้ฝึกการตัดสินใจและรับมือกับความท้าทาย เช่น เครื่องเล่นที่ต้องปีนป่าย กระโดดข้ามหรือ คลานลอดซึ่งล้วนแต่กระตุ้นทักษะทางกายภาพและการแก้ปัญหา ตามแนวคิดของเราคือ CHILDREN MUST TAKE RISKS  เด็กควรได้เผชิญความเสี่ยงในพื้นที่ที่เราดูแลอย่างปลอดภัย เพราะจะทำให้เด็ก

สามารถเติบโตเข้าใจโลกและเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง” นาย นิธิศ สโรบล ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ GET GROWING กล่าวถึงพลังที่มาแห่งคุณค่าของแบรนด์ “ส่วนของเครื่องเล่น ในสนามจะเน้นที่ ผลิตจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุรีไซเคิล เช่น ไม้เก่าที่นำกลับมาใช้ เชือกจากเรือที่เคยใช้งาน หรือแม้ แต่ถังน้ำมันเก่าที่กลายเป็นฐานปีนต้นไม้ ทำให้สนามเด็กเล่นของ GET GROWING มีความเป็น เอกลักษณ์และสะท้อนจิตวิญญาณของ CIRCULAR DESIGN ได้อย่างแท้จริง

ธีมใหม่ “ใต้ทะเล” การเสริมจินตนาการ ที่มาพร้อมกับการสอนการอนุรักษ์อย่างลึกซึ้ง

“GET GROWING REIGNWOOD PARK”  พร้อมจะนำเด็ก ๆ สู่ “โลกใต้น้ำ” ผ่านกิจกรรม และสภาพแวดล้อมจำลองที่เชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตในทะเลไทย ซึ่งเด็กจะได้รู้จักปลาท้องถิ่น พืชน้ำ และสิ่งมีชีวิตใต้น้ำอื่นๆที่มีบทบาทต่อระบบนิเวศ และเรียนรู้ถึงความสำคัญของแหล่งน้ำ ซึ่งครอบ คลุมพื้นที่กว่า 70% ของโลก “สาขาแรกที่บางกะเจ้า เราสอนเด็กให้รักต้นไม้ แต่ในสาขาใหม่ที่ PARK11 เราอยากสอนให้เด็กรู้จักรักและอนุรักษ์แหล่งน้ำ เพราะธรรมชาติไม่ใด้มีเพียงแค่บนบกโลกของเรายังมีใต้ ทะเลที่รอให้เขาเข้าใจและดูแลด้วย” นาย นิธิศ สโรบล กล่าวเสริม

เป้าหมายที่โฟกัส “ทั้งครอบครัว” ให้พร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน

“GET GROWING REIGNWOOD PARK” เป็น “พื้นที่เรียนรู้ร่วมกันของทั้งครอบครัว” โดยออก แบบกิจกรรมที่ทั้งเด็กและผู้ปกครองสามารถทำร่วมกันได้ เราอยากให้ GET GROWING เป็นจุดเริ่มต้น ให้เด็กและครอบครัวกลับมาใช้เวลาด้วยกัน ผ่านกิจกรรมที่ไม่ใช่แค่สนุกแต่สร้างรากฐานทางจิตใจของ ครอบครัวไปตลอดชีวิต” นาย นิธิศ สโรบล กล่าว

REIGNWOOD PARK เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้คนทุกเพศทุกวัยได้มาใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ มีทั้ง SPORT COMPLEX, โรงเรียน, และ COMMUNITY MALL และวันนี้เรากำลังจะมี GET GROWING มาเติม เต็มอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญคือ “คุณภาพของครอบครัว” นางสาว โสมวิสาข์ จมะวัตร สะท้อน ให้แนวคิดการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ลูกค้า

เชื่อมต่อกลุ่มเป้าหมายใหม่ในกรุงเทพฯ ตอนเหนือและลำลูกกา

การเปิดตัว GET GROWING REIGNWOOD PARK เป็นการตอบโจทย์ของครอบครัวในเมือง ที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายมาสัมผัสธรรมชาติและยังเปิดโอกาสให้โรงเรียนในพื้นที่รอบลำลูกกา ปทุมธานี หรือแม้แต่เขตกรุงเทพตอนเหนือเช่น โซนดอนเมืองรังสิตได้เข้ามาทัศนศึกษา และจัด กิจกรรมแบบ OUTDOOR EDUCATION ได้สะดวกยิ่งขึ้น“มีโรงเรียนเป็นจำนวนมากในโซนนี้ที่อยาก จัดกิจกรรม นอกห้องเรียน และกำลังมองหาพื้นที่ธรรมชาติที่ตอบโจทย์แบบ PARK11 และ GET GROWING ที่จะ เป็นตัวเลือกใหม่ที่ดีเยี่ยมทั้งสำหรับครอบครัวและโรงเรียน ”นางสาว โสมวิสาข์ จมะวัตร กล่าวสรุป

การจับมือที่มากกว่า “ธุรกิจ” แต่คือการลงทุนพัฒนาอนาคตแห่งคุณภาพของสังคม

ความร่วมมือระหว่าง REIGNWOOD PARK และ GET GROWING ในครั้งนี้ เป็นการพัฒนา พื้นที่ กิจกรรมสำหรับครอบครัว และเป็น “พันธกิจร่วม” ในการลงทุนกับการเติบโตของเด็กและเยาวชนไทย ผ่านการสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ที่ผูกโยงกับธรรมชาติ “เด็กบางคนที่เคยเล่นกับเราตอนอนุบาล วันนี้กลับ มาในฐานะนักออกแบบ หรือนักอนุรักษ์ ทำให้เราเชื่อมั่นว่า ถ้าเราให้เด็กได้สัมผัสธรรมชาติตั้งแต่เล็ก พวก เขาจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่อยากปกป้องธรรมชาติกันจริงๆ” นาย นิธิศ สโรบล กล่าวสรุป