เทรนด์การออกแบบที่อยู่อาศัย 2026
ในปี 2025 ที่ผ่านมาเทรนด์ Longevity เป็นที่นิยมและถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง การมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพดีเป็นหนึ่งในเป้าหมายของใครหลายคน องค์ประกอบที่ถูกนำมาพูดถึงเมื่อมีการกล่าวเรื่อง Longevity
สรุปโดยภาพรวม คือการมีสุขภาพที่ดีทั้งทางด้านกายภาพและทางด้านจิตใจ ด้วยการปรับพฤติกรรมเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีไปตลอดทุกช่วงวัย ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม นอนหลับเพียงพอ จัดการความเครียดได้ดี อยู่ในสังคมที่ดี เรียนรู้ฝึกฝนสมอง อยู่เสมอ และดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เป็นหัวข้อหลัก
จากการศึกษาแนวความคิดเบื้องต้นเราพบว่าการมีที่อยู่อาศัยที่ดีคือพื้นฐานที่จะช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิต ให้เป็นไปตามแนวทางที่เหมาะสม และคนจะหันมาเลือกที่อยู่อาศัยโดยให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้น
เราสามารถปรับการออกแบบบางพื้นที่ หรือ เพิ่มรายละเอียดในการเลือกใช้วัสดุบางอย่าง เพื่อรองรับกิจกรรมที่เปลี่ยนไป LWS จึงสรุปภาพรวมเทรนด์การอยู่อาศัยในปี 2026 โดยแยกตามหัวเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ ดังนี้
ภาพรวมอาคาร
– อาคารที่สามารถผลิตพลังงานทดแทนที่เพียงพอต่อการใช้งาน ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนในอาคาร เช่น แผงโซลาร์เซลล์ หรือ กระจกโซลาร์เซลล์
– เพิ่มการ Recycle ของเสียจากการก่อสร้าง แยกประเภทขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อลดปริมาณขยะฝังกลบ และจัดการขยะอันตรายอย่างถูกวิธี
พื้นที่ใช้สอยภายใน
– ออกแบบพื้นที่ที่สะท้อนบุคลิกภาพและตัวตนของผู้ใช้งาน และสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายรองรับการทำกิจกรรมที่หลากหลาย
– ออกแบบเพื่อรองรับคนทุกเพศทุกวัย ให้สามารถอยู่อาศัยได้แม้มีข้อจำกัดของร่างกาย และรองรับการเลี้ยงสัตว์ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม
– สร้างอารมณ์ในการอยู่อาศัยด้วย แสง เสียง และกลิ่น เพื่อช่วยให้ผ่อนคลายจากความเครียดที่สะสมระหว่างวัน
– ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ ให้ร่างกายได้สัมผัสพื้นผิว ได้มองเห็นโทนสีสบายตา และได้กลิ่นธรรมชาติ อย่างการใช้ไม้หอม การใช้หินตกแต่งผนังหรือพื้น ซึ่งเป็นการดึงธรรมชาติให้เข้ามาในอาคารโดยไม่จำเป็นต้องปลูกต้นไม้ภายในอาคาร
พื้นที่ชุมชน
– จัดพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมในชุมชน อย่างตลาดนัดขนาดเล็ก การจัด Workshop เพิ่มทักษะหรือจัดกิจกรรมตามเทศกาลต่างๆ เพื่อให้คนในชุมชนได้ทำความรู้จักและได้พบปะพูดคุยกัน
– สวนสาธารณะขนาดเล็กให้คนได้พักผ่อน ด้วยแนวคิด Grounding เปรียบเสมือนการต่อสายดิน ด้วยการปล่อย ให้เท้าเปล่าได้สัมผัสพื้นดิน ทราย หิน หรือหญ้า ให้ร่างกายได้สัมผัสธรรมชาติโดยตรงเพื่อปรับประจุไฟฟ้าในร่างกายให้สมดุล อาจใช้พื้นที่มุมเล็กๆในบ้านจัดเป็นสนามหญ้าไว้เดินเล่น หรือ ออกแบบให้มีพื้นที่สวนส่วนกลางบนชั้นพื้นดินสำหรับอาคารพักอาศัยให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
– สร้างความยั่งยืนด้านอาหาร ตัวอย่างเช่น แนวคิด Agrihoods (Agriculture + Neighborhood) คือ การสร้างพื้นที่ให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการทำการเกษตรเพื่อแบ่งปันกันภายในชุมชนและยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย โดยอาจปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตในเมืองด้วยการจัดพื้นที่แปลงผักสวนครัวในหมู่บ้านหรืออาคารพักอาศัยและแบ่งปันผลผลิตกัน





