เซ็นทรัลพัฒนา เผยเมกะโปรเจ็กต์ ‘The Central’ พหลโยธิน ศูนย์การค้าแฟล็กชิพแห่งอนาคต มูลค่า 21,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์กสำคัญแห่งใหม่ ช่วยยกระดับกรุงเทพฯ และประเทศไทยสู่ระดับโลก
– ปักหมุด The Landmark of Northern Bangkok บนที่ดิน 49 ไร่, พื้นที่ (GBA) 457,409 ตร.ม. พร้อมด้วย Convention Hall ขนาดใหญ่กว่า 6,700 ตร.ม. รองรับคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ระดับโลก คาดแล้วเสร็จ Q4/2569
– World-Class Design & Concept ดึงดูด Flagship Brands ทั้งไทยและระดับโลก ตอบรับ ดีมานด์แห่งอนาคต
– ย่านพหลโยธินเทียบชั้นราชประสงค์ ติด Top 10 ราคาที่ดินแพงของประเทศ มีการขยายตัว BTS & MRT โดย Catchment Area วงกว้างครอบคลุม 5 ล้านคน พร้อมโครงการอสังหาฯ และออฟฟิศขยายตัวต่อเนื่องทุกปี เติบโตก้าวกระโดดพร้อมเป็น The Next CBD กรุงเทพฯ
– ฐานกำลังซื้อ Wealth Segment ย่านลาดพร้าวแข็งแกร่ง สูงกว่าค่าเฉลี่ยคนกรุงเทพฯ ถึง 3 เท่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืน ตอกย้ำความสำเร็จโมเดลธุรกิจ ‘The Ecosystem for All’ แถลงวิสัยทัศน์การพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ The Central พหลโยธิน – The Flagship of the Future ศูนย์การค้าระดับแฟล็กชิพมูลค่าโครงการ 21,000 ล้านบาท ปักหมุดแลนด์มาร์กใหม่พร้อมยกระดับกรุงเทพฯ สู่มหานครระดับโลก สะท้อนศักยภาพย่านพหลโยธินที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเทียบชั้น CBD กรุงเทพฯ เตรียมเป็นย่านที่อยู่อาศัยและย่านเศรษฐกิจคุณภาพสูงทางตอนเหนือของเมือง ทั้งนี้โครงการตั้งอยู่บนที่ดิน 49 ไร่ พื้นที่ (GBA) 457,409 ตร.ม. พร้อมด้วย Convention Hall ขนาดใหญ่กว่า 6,700 ตร.ม. คาดก่อสร้างแล้วเสร็จใน Q4/2569
รับชมวิดีโอโครงการ : https://youtu.be/ltawSUuWHVs
คุณชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและกลุ่มงานพัฒนาโครงการ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ตลอด 45 ปีที่ผ่านมาเซ็นทรัลพัฒนาภูมิใจที่โครงการระดับ World-Class และทุกโครงการของเราเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับย่านต่างๆ ของเมือง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง จากจุดเริ่มต้นของ ‘เซ็นทรัล ลาดพร้าว’ ซึ่งเป็น Mixed-Use แห่งแรกของไทย และ เป็นโครงการ Visionary Shift สร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการรีเทลของไทย ซึ่งยังคงประสบความสำเร็จอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้ย่าน ลาดพร้าว –พหลโยธิน ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและ “The Central พหลโยธิน” มูลค่าโครงการกว่า 21,000 ล้านบาท จะเป็นอีกหนึ่งโครงการระดับโลกที่ต่อยอดความสำเร็จของเรา เพื่อผลักดันย่านนี้ให้เต็มศักยภาพสูงสุด และยกระดับสู่ The Next CBD แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ของปี 2569”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา Chief Marketing Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “โครงการต่างๆ ของเราได้บุกเบิกย่านและกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญทั่วกรุงเทพฯ สำหรับการพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ เรามุ่งมั่น พัฒนาเมืองให้ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิต สร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่มี Quality of Life ที่ดีที่สุดเมืองหนึ่ง รวมถึงลงทุนพัฒนาโครงการในระดับ Flagship ที่จะมาพลิกโฉมย่าน สร้าง New Cultural Hub & Business District แห่งใหม่ให้กับเมือง เช่นเดียวกับมหานครชั้นนำของโลกอย่างนิวยอร์ก, ลอนดอน, กรุงโซล และโตเกียว ทั้งนี้เรามีความเชื่อมั่นในโครงการ The Central ด้วยศักยภาพใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่
– Location Power: ศักยภาพของโลเคชั่น โครงการตั้งอยู่บนถนนสองสายหลัก คือ วิภาวดีรังสิต และ พหลโยธิน ปัจจุบันมีรถยนต์สัญจรผ่าน 337,000 คันต่อวัน รวมถึง MRT สายสีน้ำเงินมีผู้โดยสาร 15,600 คนต่อวัน และ BTS สายสีเขียวมีผู้โดยสาร 35,100 คนต่อวัน และในอนาคตหลังศูนย์เปิดคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 30% อีกทั้งย่านนี้ยังเชื่อมไปสู่ สนามบินดอนเมืองที่ปัจจุบันรองรับผู้โดยสารราว 30 ล้านคนต่อปี และกำลังเตรียมขยายโครงการเพื่อเพิ่มศักยภาพตามแผนงานของรัฐ ทำให้ดึงคนไทยและต่างชาติเข้ามายังย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน
– Market Magnet: โครงการ The Central พหลโยธินจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการเติบโตใหม่ๆ และจะเป็นตัวเร่งสำคัญที่ยกระดับย่านให้กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยย่านนี้มีดีมานด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง Catchment Area มีประชากรประมาณ 5 ล้านคนและจากฐานข้อมูลของเราอ้างอิงจากเซ็นทรัลพัฒนา พบว่าในย่านนี้มีกลุ่มลูกค้า Wealth Segment กำลังซื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยคนกรุงเทพฯ ถึง 2.3 เท่า, อีกทั้งยอดขายต่อพื้นที่ (Sales per GLA) สูงกว่าค่าเฉลี่ยศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ถึง 45% และจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยถึง 2.19 เท่า
– Flagship of Sub-Culture Communities: พื้นที่ที่เปิดรับคนรุ่นใหม่และคนทุกกลุ่ม รองรับกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่ Urban Sport Community, Immersive Art Destination, Experiential Discovery Zone และ Family Entertainment อีกทั้งยังเป็น Collective Social Ground พื้นที่ของทุกคน นอกจากนี้ พื้นที่การจัดงานยังรองรับ Multi-Cultural Events และในส่วน Convention Hall มีพื้นที่กว่า 6,700 ตร.ม. สามารถรองรับคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ระดับโลกอีกด้วย”
คุณอิศเรศ จิราธิวัฒน์ Head of Leasing – Fashion & Luxury บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “The Central พหลโยธิน มีศักยภาพที่โดดเด่น รองรับการเปิดแฟล็กชิพของแบรนด์ทั้งไทยและระดับโลก เพื่อให้แบรนด์ได้แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ด้วยการออกแบบโครงการแบบ Flagship-Reimagined Destination สร้างมาตรฐานใหม่ของรีเทลให้กรุงเทพฯ ตอนเหนือ ทั้งนี้พหลโยธินกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยกระดับสู่การเป็น Commercial & Business District ดังนี้
– พหลโยธินมีศักยภาพเทียบชั้นย่านราชประสงค์: ในฐานะย่านที่เป็นทำเลยุทธศาสตร์เหมาะกับการพัฒนาโครงการระดับ World-Class ได้แก่ 1) Transit-Oriented Development: เติบโตบนฐานโครงสร้างคมนาคมหลัก ทั้ง BTS, MRT และถนนสายสำคัญ เป็นจุดเชื่อมต่อการใช้ชีวิต–การทำงาน–การเดินทาง, 2) High-Density & Mixed Demand: รายล้อมด้วยดีมานด์คุณภาพสูง ทั้งที่อยู่อาศัยระดับกลาง–บน อาคารสำนักงาน โรงแรม และสถาบันการศึกษา และ 3) Anchor of Flagship Brands: เช่นเดียวกับที่ centralwOrld เป็น ‘Flagship Landmark’ ของราชประสงค์ ดังนั้น The Central พหลโยธิน จะเป็น ‘The Landmark of Northern Bangkok’ ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของย่าน
– อัตราการเติบโตสูงเทียบชั้นย่าน Central CBD: จากข้อมูลปีล่าสุด พหลโยธินช่วงต้นติด Top 10 ทำเลราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทยปี 68 โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 9 ล้านบาทต่อตารางวา อัตราการเติบโตสูงถึง 5% (มากกว่าย่าน เพลินจิต-ชิดลม, สุขุมวิท, สีลม, สาทร) ซึ่งตัวเลขนี้การันตีถึงศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจน
– ย่านที่มีฐานกำลังซื้อแข็งแกร่ง: เรามองเห็นการเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน โครงการที่อยู่อาศัยที่แวดล้อมศูนย์การค้า The Central พหลโยธิน มีมากถึง 472 โครงการและมากกว่า 50% เป็นโครงการในระดับ Upper Segment ขึ้นไป นอกจากนี้ อาคารสำนักงานต่างๆ ยังมีแนวโน้มขยายตัวสู่ย่านรอบนอก โดยเฉพาะในแนว North Corridor พหลโยธินและวิภาวดีรังสิต ดังนั้นกลุ่มคนทำงานจะเข้ามาในพื้นที่และเป็นกำลังซื้อที่มหาศาล ในส่วนอาคารสำนักงานที่ตั้งรอบโครงการมีถึง 52 แห่งในจำนวนนี้ 15 แห่งเป็น Grade A Office สะท้อนถึงคุณภาพของทำเลและศักยภาพการเป็นศูนย์กลางWorkplace แห่งอนาคตของกรุงเทพฯ ในส่วนของ Quality Neighbourhood โครงการยังแวดล้อมด้วยโรงเรียนชั้นนำ 51 แห่ง (เป็นโรงเรียนอินเตอร์ 6 แห่ง), มหาวิทยาลัยชั้นนำ 9 แห่ง, และโรงแรม 41 แห่ง”


























