ส่องเคล็ดลับวางแผนซื้อบ้านฉบับ “ชาวฟรีแลนซ์” ทำอย่างไรให้ผ่านฉลุย
เทรนด์ Gig Economy หรือระบบเศรษฐกิจที่เน้นการจ้างงานแบบชั่วคราวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย หลังจากหลายบริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กร ประกอบกับเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น และคนรุ่นใหม่มีแนวคิดต้องการความอิสระในการทำงานที่ยืดหยุ่นด้านเวลา ส่งผลให้อาชีพอิสระ (Freelance) อาทิ แม่ค้าออนไลน์, พนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่, บริการแม่บ้านออนไลน์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ ฯลฯ ขยายตัวอย่างรวดเร็วและเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย
ข้อมูลจากการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร สำนักงานสถิติแห่งชาติ ไตรมาส 2 ปี 2568 และรายงานสถานการณ์ด้านแรงงานไตรมาส 2 ปี 2568 ของกองเศรษฐกิจการแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 มีสัดส่วนของผู้ประกอบอาชีพอิสระถึง 50.01% ของผู้มีงานทำทั้งหมด 39.51 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 49.81% ขณะที่ข้อมูลจาก Fastwork เผยว่า ตั้งแต่ปี 2565–2566 แพลตฟอร์มจ้างงานประเภทฟรีแลนซ์ในไทยมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 50%
ด้วยรูปแบบการทำงานที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ทำให้ชาวฟรีแลนซ์จำนวนไม่น้อยเลือกทำงานที่บ้าน (Work From Home) บางครั้งจึงจำเป็นต้องขยับขยายพื้นที่บ้าน/คอนโดฯ เพื่อให้สามารถจัดสรรสัดส่วนพื้นที่พักผ่อนและทำงานได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าชาวฟรีแลนซ์จะได้รับอิสระในการใช้ชีวิตและมีรายได้สูง แต่เมื่อยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย มักถูกมองว่ามีรายได้ไม่แน่นอน เนื่องจากในมุมมองสถาบันการเงินยังคงพิจารณาจากความสม่ำเสมอของรายได้ประกอบด้วย ส่งผลให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องเผชิญกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดกว่าผู้มีรายได้ประจำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่องความท้าทายของฟรีแลนซ์เมื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย
ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคที่มีต่อตลาดที่อยู่อาศัย DDproperty Thailand Consumer Sentiment Study ของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย พบว่า เกือบ 3 ใน 5 (56%) ของผู้ตอบแบบสอบถาม เผยว่าอุปสรรคสำคัญเมื่อขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยมาจากอาชีพและรายได้ที่ไม่มั่นคง รองลงมาคือมีประวัติทางการเงินไม่ดี 41% และมีสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio) ไม่เอื้ออำนวย 30% สะท้อนให้เห็นว่าความมั่นคงทางการเงินยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ยื่นกู้ และตอกย้ำให้เห็นว่าชาวฟรีแลนซ์ซึ่งไม่มีเงินเดือนประจำจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือด้วยการวางแผนการเงินอย่างรัดกุม
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เผยให้เห็นความท้าทายที่ผู้ประกอบอาชีพอิสระต้องเผชิญเมื่อยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร ดังนี้
– ความมั่นคงของรายได้ ปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ในการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารคือต้องมั่นใจว่าผู้กู้จะมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ตลอดระยะเวลาในสัญญา ขณะที่ผู้ประกอบอาชีพอิสระมักมีรายได้เข้ามาไม่สม่ำเสมอ โดยรายได้มักผันแปรตามปริมาณงานในแต่ละเดือน แตกต่างจากพนักงานประจำที่มีรายได้หลักมาจากเงินเดือน จึงดูมีความมั่นคงกว่า เมื่อเปรียบเทียบกันจึงทำให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้มากกว่ากลุ่มพนักงานประจำ
– เอกสาร/หลักฐานยืนยันรายได้ เมื่อยื่นขอกู้ซื้อที่อยู่อาศัย หากเป็นพนักงานประจำจะมีเอกสารยืนยันรายได้ที่ชัดเจน ได้แก่ สลิปเงินเดือนและหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัท แสดงให้เห็นความสามารถในการชำระหนี้ ต่างจากผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ธนาคารต้องขอเอกสารแสดงหลักฐานทางการเงินอย่างละเอียด ซึ่งจำเป็นต้องเก็บเอกสารทางการเงินเพื่อแสดงรายได้ไว้ทุกฉบับ รวมทั้งหลักฐานแสดงทรัพย์สินอื่น ๆ หากขาดเอกสารบางส่วนไป อาจไม่เพียงพอที่จะแสดงให้ธนาคารเห็นความสม่ำเสมอและความมั่นคงของรายได้หลังหักรายจ่ายออกแล้ว
– อายุงานที่ธนาคารกำหนด บางธนาคารจะกำหนดให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระต้องมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพนั้น ๆ อย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของอาชีพและความต่อเนื่องของรายได้ในระยะยาว หากเพิ่งเริ่มต้นทำงานอิสระได้ไม่นานหรือเปลี่ยนสายงานบ่อยครั้ง อาจกลายเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการพิจารณาสินเชื่ออย่างมีนัยสำคัญ
 
                         
    

 
    

 
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
             
               
               
               
               
               
               
               
              



 
                                         
                                         
                                        