“โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ” (BASIS International School Bangkok) หนึ่งในเครือข่ายของ “เบซิส” เครือข่ายโรงเรียนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาพร้อมเปิดสาขาแรกในอาเซียน ชูแนวคิดการก่อสร้างในรูปแบบ Eco-friendly Concept สถานศึกษาที่มีนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยึดมั่นการก่อสร้างบนหลักการของมาตรฐานอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกา รวมถึงพื้นที่การเรียนรู้ ศิลปะ วัฒนธรรมไทย “เรือนไทยทองสิมาวิชชาลัย” ที่ทำให้โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ มีความแตกต่างจากโรงเรียนนานาชาติแห่งอื่น โดยโรงเรียนได้เปิดภาคการศึกษาแรกอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา

นางสาวเพ็ญศิริ ทองสิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทูดีวัน จำกัด เจ้าของโครงการ โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ และผู้ดำเนินธุรกิจในกลุ่มทองสิมา กล่าวว่า “กลุ่มทองสิมามุ่งมั่นคัดสรรโรงเรียนนานาชาติที่มีมาตรฐานสูงระดับโลกเข้ามาในประเทศไทย โดยมุ่งหวังและตั้งใจสร้างสิ่งแวดล้อมภายในโรงโรงเรียนที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ด้านความความปลอดภัยและการเรียนรู้อย่างมีความสุขของนักเรียนและคณาจารย์ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาเมืองย่านพระราม 2 ให้เป็น New Urbanized District เต็มรูปแบบ โดยสร้างความร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียว พร้อมทั้งเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่ครบครันและมีการสัญจรอย่างสะดวกสบาย ซึ่งสามารถเดินเท้าได้ถึงกันใน 10-15 นาทีเท่านั้น โดยบริเวณนี้มีทั้งโรงพยาบาลนครธน ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง รวมถึงศูนย์ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ตลาด อาคารพาณิชย์ และล่าสุดคือโรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นโรงเรียน ‘เรือธง’ แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นวิทยาเขตที่ 35 ของเครือข่ายโรงเรียนหลักสูตรเบซิส นอกจากนี้โรงเรียนยังอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 2 สร้างความสะดวกสบายให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก และด้วยความห่วงใยที่เรามีต่อชุมชนในย่านนี้ ทำให้เราออกแบบอาคารต่างๆ ของโรงเรียนตามมาตรฐานอาคารสีเขียวของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคำนึงถึงด้านสิ่งแวดล้อมแวดล้อมเป็นหลัก โดยมองว่าเด็กที่เข้ามาศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้จะได้ประโยชน์ทั้งทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต รวมถึงปลูกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กนักเรียนตั้งแต่เล็ก”

โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ ยึดมั่นแนวทางการก่อสร้างบนหลักการของมาตรฐานอาคารเขียวของสหรัฐอเมริกา (Leadership in Energy & Environmental Design : LEED) โดยแนวทางนี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอนุรักษ์พลังงานและสาธารณูปโภค ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้อาคาร ภายในโรงเรียนมีอาคารต่างๆ ได้แก่ อาคารอนุบาล อาคารวิชาการ อาคารศิลปะ อาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และอาคารกีฬา นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโรงเรียน ได้แก่ โรงละครแบล็กบ็อกซ์ที่มีฟังก์ชั่น Tension Grid ออกแบบให้เพดานด้านบนสามารถใช้ประโยชน์ในการจัดแสงไฟ บนเวทีสำหรับงานแสดงต่างๆ แบบโรงละครชั้นนำห้องศิลปิน ห้องเรียนดนตรีที่ได้มาตรฐานทั้งการซ้อมดนตรีและสตูดิโอฝึกเต้น ศูนย์ทดลองวิทยาศาสตร์ โดยมีห้องแล็บวิทยาศาสตร์ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้ช่วยส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนและครูผู้สอน ตลอดจนสระว่ายน้ำเพื่อการแข่งขัน 8 เลน ความยาว 25 เมตร ที่ก่อสร้างโดยใช้มาตรฐานของสหพันธ์ว่ายน้ำระหว่างประเทศ (FINA-certified) ให้เป็นสระว่ายน้ำที่ได้มาตรฐานสากลโดยโรงเรียนคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย และความปลอดภัยของเด็กนักเรียนทุกคนเป็นอันดับแรก อีกทั้งสปอร์ตคอมเพล็กซ์ในร่มขนาดใหญ่กว่า 1,600 ตารางเมตร และสนามกีฬากลางแจ้ง 12 ไร่ โรงเรียนยังมีพื้นที่กิจกรรม สนามเด็กเล่น และพื้นที่การเกษตร โดยรวมเอาพืชพันธุ์กว่า 35 ชนิดมาปลูก ส่งผลให้เกิดบรรยากาศทางธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ซึ่งการออกแบบอาคารภาพรวมจะเน้นไปที่การก่อสร้างเพื่อประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การออกแบบเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบตัวอาคาร ในส่วนของผนังและหลังคาที่ช่วยลดการใช้พลังงานภายในอาคาร โดยใช้ฉนวนกันความร้อนหลังคา ความหนามากกว่า 200 มิลลิเมตร ส่วนผนังเป็นระบบผนังสองชั้นมีช่องอากาศตรงกลาง บุฉนวนความหนา 75 มิลลิเมตร โดยผนังมีความหนาตั้งแต่ 200-250 มิลลิเมตร รวมถึงระบบแสงสว่างและพลังงาน ที่ช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน โดยจะใช้ระบบควบคุมแสงสว่างที่สามารถตั้งเวลาและควบคุมจากศูนย์กลางได้และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับผู้ใช้งานในพื้นที่ส่วนใหญ่  ซึ่งควบคุมระบบแสงสว่าง เติมอากาศบริสุทธิ์ และปรับอากาศอัตโนมัติ ในขณะที่พื้นที่ด้านนอกถูกควบคุมด้วยระบบตั้งเวลาและระบบตรวจจับแสงธรรมชาติ จึงทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้พลังงานไฟฟ้า

ทางด้านระบบปรับอากาศในโรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ นับเป็นนวัตกรรมโดดเด่นที่สุดภายในอาคาร เนื่องจากโรงเรียนมีความต้องการให้อากาศภายในอาคารมีคุณภาพสูงสุดของโรงเรียนในประเทศไทย โดยยังคงคอนเซ็ปต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเอาไว้ ซึ่งทางโรงเรียนใช้ระบบปรับอากาศแบบเติมอากาศเย็น (Pre-Cooled Fresh Air System) สามารถแลกเปลี่ยนอากาศ 3-5 รอบต่อชั่วโมง ในทุกพื้นที่ และมีระบบกรองอากาศ (Air Filtration System) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเติมอากาศเย็น โดยเลือกใช้แผ่นกรองอากาศรุ่น MERV 13 ซึ่งสามารถกรองมลภาวะทางอากาศ PM10 และ PM2.5 ได้มากกว่า 90% และยังมีโซนแรงดันอากาศต่ำ (Negative Pressure Zones) เพื่อลดการแพร่กระจายของมลภาวะจากพื้นที่บางส่วน เช่น ห้องน้ำ ครัว และพื้นที่เคมีภัณฑ์ ซึ่งผู้ปกครองสามารถมั่นใจได้ว่านักเรียนทุกคนจะปลอดภัยและมีอากาศบริสุทธิ์หายใจภายในอาคารเรียน

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งความโดดเด่นที่โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ มีความแตกต่างของโรงเรียนแห่งอื่น นั่นคือการสร้าง “เรือนไทยทองสิมาวิชชาลัย”ภายในโรงเรียน ซึ่งออกแบบโดยอาจารย์ตั้น ณัฐกฤต สุนทรีรัตน์ เรือนไทยนี้สร้างขึ้นเพื่อสืบทอดเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยให้กับนักเรียน โดยโรงเรียนจะใช้เป็น Learning Space เพื่อการเรียน การสอนวิชาภาษาและวัฒนธรรมไทย ตลอดจนสถาปัตยกรรมไทย และจัดกิจกรรมตามประเพณีต่างๆ ของไทย โดยมุ่งเน้นให้เด็กไทยได้สัมผัสความเป็นไทยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนแบบสากล “เรือนไทยทองสิมาวิชชาลัย เกิดขึ้นจากแนวคิดที่ต้องการนำคุณค่าของวัฒนธรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ไปอยู่ท่ามกลางกระแสสากล เพื่อให้ทุกอย่างในโลกมีความสัมพันธ์กัน และพร้อมที่จะพัฒนาไปร่วมกัน ในส่วนของด้านสถาปัตยกรรมตัวอาคารเรือนไทยก่อสร้างโดยใช้ลักษณะของการเข้าไม้เป็นหลัก ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเรือนไทย เราออกแบบเรือนไทยให้รู้สึกปลอดโปร่ง เมื่อเห็นแล้วมีความดึงดูดให้อยากเข้ามาพักด้านใน นอกจากนี้หากอยู่ในบริเวณเรือนไทยก็จะสามารถมองเห็นอาคารเรียนทั้งหมดของโรงเรียนนานาชาติ เบซิส กรุงเทพฯ ได้ และเรามีความมุ่งหมายว่าเรือนไทยแห่งนี้จะสามารถสอนและเป็นต้นแบบให้กับผู้ที่สนใจเรื่องการออกแบบเรือนไทยได้อีกด้วย”

อีกหนึ่งสิ่งที่โรงเรียนให้ความใส่ใจคือการเคลื่อนย้ายของผู้ที่ต้องใช้รถเข็น โดยจัดให้ทุกอาคารมีลิฟท์หรือทางเชื่อม เพื่อให้สมาชิกครอบครัวผู้สูงอายุสามารถมาร่วมกิจกรรมของโรงเรียนได้ ตลอดจนนักเรียนที่อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้รถเข็นหรือไม้ค้ำยันให้เข้าถึงทุกพื้นที่ในโรงเรียนได้สะดวก  นอกจากนี้ภายในโรงเรียนยังมีระบบอื่นๆ ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ อาทิ สระว่ายน้ำในร่มระบบน้ำเกลือ ที่มีการนำ waste heat (ความร้อนเหลือทิ้ง) จากระบบปรับอากาศมาทำให้สระว่ายน้ำอุ่นขึ้นและเหมาะกับการเรียนโดยไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า การจัดให้มีระบบกรองน้ำดื่มทั่วแคมปัสและรณรงค์การใช้ขวดน้ำแบบใช้ซ้ำ การนำเอาน้ำที่ใช้แล้วมากรองและนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ และระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติที่มีการวัดค่าความชื้นในอากาศ การตกแต่งจัดสวนปรับภูมิทัศน์ภายในโรงเรียนด้วยพันธุ์ไม้ดอกไม้ใบนานาชนิด สนามกีฬาที่ปูด้วยหญ้าสายพันธุ์ที่ทนแล้งและทนต่อแมลง ดูแลรักษาง่ายและใช้สารเคมีต่ำ เป็นต้น