ผ่อนบ้านไม่ไหว อย่าเพิ่งยอมแพ้! ทางรอดยังมี อ่านก่อนบ้านหลุดมือ
6 ทางออกสำหรับคนมีบ้าน ที่ไม่อยากเสียทั้งทรัพย์และเครดิต
บ้านคือฝันของใครหลายคน แต่เมื่อความฝันมาพร้อมหนี้ก้อนโต การผ่อนบ้านอาจกลายเป็นภาระที่หนักหนากว่าที่คิด โดยเฉพาะในยุคที่ค่าครองชีพสูง รายได้ไม่แน่นอน หรือเกิดเหตุไม่คาดฝันในชีวิต หลายคนจึงต้องเผชิญกับคำถามสำคัญว่า “ถ้าผ่อนบ้านไม่ไหว จะทำยังไงดี?”
แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่การเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างมีสติ ยอมรับสถานการณ์ และลงมือแก้ไขอย่างถูกวิธี คือจุดเริ่มต้นของทางรอดที่เป็นไปได้จริง บทความนี้จะพาไปดูทางเลือกต่างๆ สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญภาระผ่อนบ้านไม่ไหว พร้อมคำแนะนำที่ทำได้จริง และควรรีบทำก่อนบ้านจะหลุดมือไปตลอดกาล
ผ่อนไม่ไหว อย่าปล่อยให้ยึด
หลายคนเข้าใจผิดว่า หากปล่อยให้ธนาคารมายึดบ้าน ทุกอย่างจะจบลงไปเอง แต่ความจริงคือ “ปัญหาจะเริ่มต้น” เมื่อบ้านถูกขายทอดตลาดในราคาต่ำ และธนาคารยังสามารถเรียกเก็บค่าส่วนต่างที่ขาดไปจากผู้กู้ได้ หากผู้กู้ไม่มีเงินชำระเพิ่ม อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย หรือถึงขั้นถูกฟ้องล้มละลาย ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือชื่อจะถูกบันทึกในเครดิตบูโรว่าเป็นลูกหนี้ที่ผิดนัด ทำให้อนาคตทางการเงินพังทลายอย่างรุนแรง ดังนั้น สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดเมื่อรู้ว่าผ่อนไม่ไหว คือ “นิ่งเฉย”
ตั้งหลักให้มั่น แล้วเริ่มลงมือ
วิธีที่ดีที่สุดคือการรีบติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ให้กู้โดยตรง อย่ารอจนเกิดการค้างชำระ เพราะธนาคารหลายแห่งมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อน หรือชะลอการชำระชั่วคราวในบางกรณี การแสดงความตั้งใจที่จะชำระหนี้ แม้จะมีอุปสรรคทางการเงิน จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวผู้กู้ และเป็นทางออกที่ดีกว่าการปล่อยให้กลายเป็นหนี้เสีย
แต่หากรายรับกับรายจ่ายยังไม่สมดุล การมองหาทางเลือกอื่น เช่น การรีไฟแนนซ์ หรือขายบ้านเพื่อลดภาระ อาจเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง รีไฟแนนซ์คือการเปลี่ยนธนาคารเจ้าหนี้ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง หรือยืดระยะเวลาผ่อนออกไป ซึ่งจะช่วยลดค่างวดรายเดือนให้อยู่ในระดับที่รับไหว แต่ทั้งนี้ต้องดูเงื่อนไขอย่างละเอียด และควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายธนาคารก่อนตัดสินใจ
ในกรณีที่บ้านหลังนั้นกลายเป็นภาระมากกว่าความสุข และไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า การขายบ้านและย้ายไปอยู่ในที่ที่มีภาระน้อยลง อาจเป็นการตัดสินใจที่เจ็บแต่จบ หากขายได้ในราคาที่ครอบคลุมหนี้สินก็จะช่วยให้ปลดภาระได้ทันที และเริ่มต้นวางแผนการเงินใหม่ได้เร็วขึ้น
อีกทางเลือกที่หลายคนไม่รู้ คือการ “คืนบ้านให้ธนาคารโดยสมัครใจ” หรือที่เรียกกันว่า ‘short sale’ หากธนาคารยอมรับเงื่อนไข ผู้กู้สามารถหลุดพ้นจากภาระหนี้ได้โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์และฟ้องร้อง แต่ต้องเจรจากันอย่างโปร่งใส และมีข้อตกลงชัดเจน
อย่ามองข้ามพฤติกรรมการเงินของตัวเอง
ก่อนจะไปถึงจุดที่ต้องขายหรือคืนบ้าน ลองทบทวนว่าคุณใช้จ่ายอย่างมีวินัยหรือไม่? งบประมาณในครอบครัวชัดเจนแค่ไหน? รายจ่ายใดที่สามารถลดได้? การปรับพฤติกรรมการเงิน เช่น การทำบัญชีรายรับรายจ่าย หารายได้เสริม ลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย อาจช่วยให้คุณรักษาบ้านไว้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งมาตรการรุนแรง
การพูดคุยกับครอบครัวเป็นอีกเรื่องสำคัญ เพราะบ้านเป็นเรื่องของทุกคนในบ้าน การเข้าใจและร่วมมือกันลดรายจ่าย หรือหารายได้เพิ่ม ย่อมดีกว่าการให้ใครคนใดคนหนึ่งรับภาระไว้คนเดียวจนล้มไม่เป็นท่า
หากสถานการณ์ซับซ้อนจนเกินจะตัดสินใจเอง การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักวางแผนการเงิน ทนายความ หรือหน่วยงานของรัฐที่มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ อาจเปิดทางใหม่ที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน