จระเข้ คอร์ปอเรชั่น โตแกร่ง 9.5% กางโรดแมปสู้ศึกเศรษฐกิจไทย รักษาเบอร์หนึ่งมาร์เก็ตแชร์ตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ลุยตลาดต่างประเทศเต็มสูบ ตั้งเป้ายอดขาย ตปท. เป็น 16%
คาดตลาดก่อสร้างไทยปี 68 มูลค่าแตะ 1.4 ล้านล้านบาท หนุนโดยโปรเจกต์ใหญ่รัฐ-เอกชนและงานรีโนเวตหลังแผ่นดินไหว
บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตัวจริงนวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรด้วยสินค้าคุณภาพครอบคลุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งตั้งแต่รากฐานถึงหลังคา เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโต 9.5% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า และคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจไทยและการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น บริษัทยืนหยัดด้วยแนวคิด “Build Today, Beyond Tomorrow” สร้างวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่ยั่งยืนกว่า ผ่านนวัตกรรมสินค้าก่อสร้างที่มีคุณภาพได้มาตรฐานในทุกกระบวนการผลิต ความสำเร็จในปีนี้เกิดจากแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการรับมือความท้าทายและการรองรับดีมานด์ใหม่ ๆ ทั้งการเพิ่มขึ้นของความต้องการวัสดุก่อสร้างสำหรับงานซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเติบโตอย่างต่อเนื่องของโครงการก่อสร้างภาครัฐและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการขยายตัวในตลาดต่างประเทศและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เริ่มสร้างยอดขายได้ดี
ดร. จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยว่า “แบรนด์จระเข้ ยังคงครองความเป็นเจ้าตลาดในกลุ่มนวัตกรรมกาวซีเมนต์และกาวยาแนวที่มีมูลค่าตลาด 5,500 ล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างมีเติบโตโดดเด่นที่ 24% โดยที่ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มนี้ไว้ที่ 900 ล้านบาท ในปี 2568 จระเข้ ดำเนินแผนขยายธุรกิจระยะยาวในตลาดต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าและเสริมช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านค้ากว่า 3,000 แห่งทั้งในไทยและต่างประเทศ”
ตลาดก่อสร้างไทยในปี 2568 แสดงสัญญาณทรงตัวถึงติดลบเล็กน้อย มูลค่าตลาดก่อสร้างรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนโดยภาครัฐและเอกชน และการท่องเที่ยว ขณะที่ตลาดวัสดุเคมีก่อสร้าง เช่น กาวซีลแลนต์ และกันซึม เติบโตมากกว่า 5.5% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5% (CAGR) ไปจนถึง 2030 สะท้อนโอกาสขยายตัวที่มั่นคงในระยะยาว
มูลค่าการลงทุนก่อสร้างภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 3-5% ในปีนี้ จากการลงทุนก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ทั้งโครงการเดิมและใหม่ อาทิ โปรเจกต์ท่าเรือ ทางด่วน รถไฟความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานในแถบอีอีซี ส่วนภาคเอกชนมีแนวโน้มหดตัว -4 ถึง -5.6 % นอกจากนี้ ตลาดวัสดุก่อสร้างยังได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้เกิดความต้องการซ่อมแซมเร่งด่วน โดยพบว่าผู้ว่าจ้างให้ความสำคัญกับสินค้าคุณภาพที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและความสามารถในการรับมือภัยพิบัติมากขึ้น