เครดิตภาพ: https://www.archdaily.com

งาน Dubai World Expo 2020 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งตลอดช่วง 170 ปีที่ผ่านมา มีงานจัดงาน World Expo หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทีวีเครื่องแรกที่ถูกโชว์ในงาน New York World’s Fair ในปีค.ศ. 1939 หรือโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่ถูกโชว์ในงาน Japan World Exposition Osaka ในปีค.ศ. 1970 จนถึงในครั้งนี้ที่เป็นโอกาสของเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพของงานยิ่งใหญ่ระดับโลก รวบรวมตัวแทนของแต่ละประเทศไว้ เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ได้พัฒนาขึ้นมาเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก

หนึ่งในไฮไลท์ของงานที่ได้รับความสนใจอย่างมากก็คืองานดีไซน์ Pavilion ที่ประเทศต่างๆ ได้เนรมิตพื้นที่ให้ดึงดูดผู้คนในงานเข้าไปเยี่ยมชมภายใน เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศของพวกเขาให้มากขึ้น และยังแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัดอีกด้วย ซึ่ง Pavilion สิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งใน Pavilion ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก จากงานดีไซน์ภายใต้แนวคิด “เมืองที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ”

จากอดีตสู่ปัจจุบันของสิงคโปร์

เครดิตภาพ: https://unsplash.com

ในปีค.ศ. 1965 หลังจากประกาศอิสรภาพ ประเทศสิงคโปร์เคยมีอัตราคนว่างงานจำนวนมาก ขาดแรงงานที่มีทักษะ ใชีชีวิตอย่างยากลำบาก เมืองสกปรก และขาดโครงสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับผู้คนในเมือง แต่เวลาผ่านไปเพียง 55 ปี ประเทศเล็กๆ ในฝั่งเอเชียประเทศนี้กลับพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเป้าหมายของการสร้างเมืองที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ

จากประเทศที่แทบจะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย กลายเป็นประเทศที่เลือกจะสร้างทรัพยากรขึ้นมาเอง ทั้งทรัพยากรคนที่มีการศึกษาที่ได้รับการยอมรับเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และทรัพยากรทางธรรมชาติ ที่มีการวางแผนไว้ว่าจะปลูกต้นไม้บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ให้ได้ถึง 1 ล้านต้นภายในปี 2030!

แนวคิดของ Singapore Pavilion

เครดิตภาพ: https://www.archdaily.com/

สถานที่จัดแสดงงานของประเทศสิงคโปร์ในงาน Dubai World Expo 2020 ได้ถูกตกแต่งขึ้นภายใต้แนวคิด “Nature Nurture Future” ซึ่งออกแบบโดย WOHA Architects ที่ตีความออกมาผ่านการเสนอมุมมองที่มีต่อเมืองที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติแห่งอนาคต ซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ ไม่ใช่แค่เพียงสิงคโปร์เท่านั้น ผ่านการออกแบบเมืองอย่างชาญฉลาด เพื่อให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพ: https://www.archdaily.com

ผู้ชมที่ย่างก้าวเข้าไปสู่ Pavilion ของสิงคโปร์จะได้รู้สึกเหมือนกับว่าได้เข้าไปอยู่ในเมืองสิงคโปร์จริง ๆ และเรียนรู้ผ่านสายตาและประสาทสัมผัสได้ว่า เมือง ๆ หนึ่งสามารถพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน แม้จะมีข้อจำกัดนานาประการ เพราะสิงคโปร์คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนข้อจำกัดให้กลายเป็นโอกาส และสร้างเมืองที่น่าอยู่และเติบโตได้อย่างยั่งยืนได้จริง ผ่านงานนำสมาร์ทดีไซน์ เทคโนโลยี และธรรมชาติเข้ามาผนึกกำลังไว้ด้วยกัน และได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ใช่แต่เมืองแห่งอนาคตเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองสำหรับอนาคตของทุกคนอีกด้วย

ย่างก้าวใน Singapore Pavilion

เครดิตภาพ: https://www.archdaily.com

ภายใน Pavilion ได้ตกแต่งด้วยพืชพันธ์หลากหลายชนิดในหลากหลายมิติ เพื่อแสดงให้ผู้ชมในงานเข้าใจถึงแนวคิดของการเป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติของสิงคโปร์ได้อย่างแท้จริง เพราะงานออกแบบที่สิงคโปร์ถนัดไม่ใช่เพียงแค่เพื่อความสวยงามหรือแปลกใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นงานดีไซน์ที่คำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

เครดิตภาพ: https://www.archdaily.com

ผ่านการออกแบบให้ธรรมชาติได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองได้อย่างไม่ขัดเขิน เพื่อซ่อมแซม และรักษาธรรมชาติรอบตัวของชีวิตคนเมือง เพื่อให้ธรรมชาติและเมืองอยู่ควบคู่ไปด้วยกันได้จริง ซึ่งต้องใช้ทั้งศาสตร์ในด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี พรรณไม้ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติอีกมากมาย

งานดีไซน์ของประเทศเล็ก ๆ จากฝั่งเอเชียอย่างสิงคโปร์ ได้สร้าง impact ที่ยิ่งใหญ่มากในระดับโลก ซึ่งน่าจะทำให้อีกหลาย ๆ เมืองทั่วโลกสนใจนำนวัตกรรมงานออกแบบที่คำนึงถึงธรรมชาติไปปรับใช้ในเมืองอื่น ๆ มากขึ้น ผ่านการวางแผน ตั้งเป้าหมาย และลงมือทำอย่างจริงจังเฉกเช่นสิงคโปร์ เพราะต่อให้นวัตกรรมด้านการออกแบบจะก้าวไปไกลแบบไร้ขีดจำกัดแค่ไหน ก็จะต้องคำนึงถึงธรรมชาติที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ทุกคนอย่างขาดไม่ได้

Reference:

– https://www.singapore2020expo.gov.sg/

– https://www.weforum.org/agenda/2020/10/singapore-plant-million-trees-biodiversity-restoration/

– https://www.expo2020dubai.com/