ตัวแทนของกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันในเกาหลีใต้ (Institutional Investor) ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาจับตามองการลงทุนใน Asset Classes หรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องกว่าสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ ที่มีตลาดรองรับและทำให้สามารถโยกย้ายหรือเปลี่ยนการถือครองได้อย่างรวดเร็ว ไปที่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น จากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบต่อการลงทุนในอสังหาฯ ได้อย่างสุดโต่ง 2 ทาง คือ ไม่เป็นการลงทุนที่ปลอดภัยสุดๆ ก็เป็นการลงทุนที่เสี่ยงสุดๆ ไปเลย Barbell Strategy หรือแนวทางการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความต่างกันสุดขั้ว คือเสี่ยงสุดๆ และปลอดภัยสุดๆ จึงถูกนำมาใช้ในการเตรียมรับมือการลงทุนในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอสังหาฯ ที่มีความเสี่ยงในขณะนี้ก็คือกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลพวงจากข้อบังคับด้านการท่องเที่ยวที่มีความเข้มงวดและนโยบายการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from home นั่นเอง

เมื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 จะพบว่าการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์และการขนส่งเริ่มได้รับความนิยมจากผู้คนมากขึ้น ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมกลับไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่เคย ด้านพื้นที่ให้เช่าสำนักงานยังคงมีความต้องการในตลาดอยู่แต่ก็ยากที่จะหานักลงทุนรายใหม่เข้ามาในภาคส่วนนี้

นี่จึงทำให้กลุ่มผู้ลงทุนสถาบันเพิ่มความสนใจไปที่ Distressed Assets หรือการลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีมูลค่าต่ำกว่าปกติ ซึ่งสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ จากกองบริหารจัดการสินทรัพย์ทั้งหมด 12.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม Laurent Jacquemin, Heaf of Ais-Pacific, Real Asset, AXA Invesment Management กล่าวว่าเราไม่ค่อยได้เห็นการขายสินทรัพย์ในมูลค่าต่ำกว่าตลาดมากนัก แต่เจ้าของสินทรัพย์ประเภทโรงแรมและโรงภาพยนต์คือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 หนึ่งในผู้ประกอบการเหล่านั้นอาจจะออกมาขายในราคาที่ต่ำกว่าตลาดก็เป็นได้ และหากเราเห็นการขายประเภทนี้ ให้พึงระลึกไว้ว่ามันเป็นการขายที่เกิดจากเหตุผลทางธุรกิจที่ผู้ประกอบการต้องการพยุงกิจการให้ดำเนินต่อไปได้เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินสด ก่อนหน้านี้นักลงทุนในเกาหลีก็นิยมกันไปลงทุนสำนักงานให้เช่าที่มีผู้เช่าที่น่าเชื่อถือในเมืองหลักๆ ของยุโรป เช่น ลอนดอน ปารีส และแฟรงเฟิร์ต เมื่อเวลาผ่านไปนักลงทุนบางส่วนก็ย้ายความสนใจไปที่เมือง อื่นๆ ในยุโรป เช่น สาธารณรัฐเช็กและโปแลนด์

ข้อบังคับเกี่ยวกับการเดินทางที่เข้มงวดขึ้นเข้ามาเป็นอุปสรรคในการตรวจสอบ Due Diligence หรือความเสี่ยงของการลงทุนในพื้นที่หน้างานจริง และไม่เฉพาะสำหรับการลงทุนใหม่ๆ แต่การลงทุนในสินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศก็มีความยากในการเข้าไปตรวจสอบดูงานจริงอยู่แล้ว ความพยายามในการทำ Due Diligence แบบ Remote work จากอีกพื้นที่หนึ่งโดยไม่ได้ลงไปดูพื้นที่จริงจึงมักทำให้กระบวนการไม่ไปถึงไหน

ขณะนี้กลุ่มผู้ลงทุนสถาบันกำลังวิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 และเตรียมพร้อมในการตัดสินใจลงทุนในกองที่เหมาะสมเมื่อเห็นความเป็นไปของตลาดที่ชัดเจนขึ้น ในขณะเดียวกันผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) ก็กำลังเร่งเตรียมดีลหุ้นที่วางแผนจะปิดให้ได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า

นอกจากนี้ผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อการลงทุนในอสังหาฯ ยังทำให้ Public Officials Benefit Association (POBA) ของเกาหลีหรือคล้ายๆ กองทุนบำนาญของรัฐ ต้องเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่คุ้นเคยอย่าง กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และ Commercial Mortgage-Backed Securities (CMBS) หรือการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ได้รับกระแสเงินสดจากสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน หรือโรงแรม

สถานการณ์แพร่ระบาดที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ทำให้หลายๆ ฝ่ายยังต้องจับตามองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกันต่อไป และยังไม่มีใครทำนายได้แน่ชัดว่าจะมีปรากฎการณ์อะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้

แหล่งข้อมูล

http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20200917000293&ACE_SEARCH=1