Airbnb ก่อตั้งเมื่อปี 2008 ได้รับการตอบรับอย่างดีในตลาดและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นบริษัทให้เช่าที่พักที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก อาจเป็นเพราะ Airbnb ก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่รุนแรงไปทั่วโลก การเกิดขึ้นของ Airbnb ช่วยให้ชาวอเมริกันจำนวนมากที่ต้องดิ้นรนเพื่อผ่อนชำระหนี้ที่อยู่อาศัยท่ามกลางวิกฤติ ได้มีทางออกในการหารายได้มาสมทบเงินงวดถัดไป ช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มีงบประมาณไม่ถึงโรงแรมหรูๆ ได้มีที่พักขณะเดินทาง

จนล่วงเลยมาเป็นเวลา 12 ปี Airbnb กลายเป็นสตาร์ทอัพใน Silicon Valley ที่ยังคงถูกมองว่ามีความหวังมากที่สุดบริษัทหนึ่ง แต่ ณ วันนี้ Airbnb กำลังตกอยู่ในภาวะกดดัน จากรายจ่ายของบริษัทที่สูงขึ้นตั้งแต่ก่อนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส ในปี 2019 บริษัทจมเงินไปมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการพยายามเร่งเพิ่มยอดขายก่อนที่จะนำบริษัทเข้าสู่ IPO มีรายงานจาก Wall Street Journal ว่านักลงทุนปฏิเสธที่จะลงเงินกับ Airbnb เพิ่มอีกจนกว่า Brian Chesky, CEO ของ Airbnb จะถอนตัวจากการควบคุมบริษัท

ด้าน Alfred Lin สมาชิกคณะกรรมการบอร์ด Airbnb และหุ้นส่วนการลงทุนจากบริษัท Sequoia Capital โต้กลับว่านี่ไม่เป็นความจริง และอยากให้มองว่าทำไม Chesky ถึงยังคงดำรงตำแหน่งผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัทมาจนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นทั้งคนดีและ CEO ที่ดี

ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการเกิดวิกฤติ Chesky ก็ได้เรียกประชุมบอร์ดบริหารผ่านวิดีโอคอลทุกวันอาทิตย์เพื่อที่จะทำการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ล่วงหน้าไปอีกสามเดือน เมื่อแขกผู้เข้าพักเรียกร้องให้มีการยกเลิกห้องที่จองไปแล้วได้ Chesky ลังเลที่จะทำเช่นนั้นแต่สุดท้ายก็ยอมทำตามคำเรียกร้อง จึงมีการออกคำสั่งให้แก่โฮสต์หรือผู้ให้เช่าห้องคืนเงินแก่แขกที่จองกันเข้ามา การตัดสินใจนี้ทำให้ความเดือดจากทางฝั่งผู้เข้าพักสงบลง แต่ไม่ใช่กับฝั่งผู้ให้เช่าที่พักที่ได้รับความเดือดร้อน Chesky จึงสร้างกองทุนจำนวน 250 ล้านดอลลาร์ขึ้นมาเพื่อช่วยเยียวยากลุ่มโฮสต์

ต่อมาในเดือนเมษายน Chesky ได้เจรจาดีลหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์จาก Silver Lake และ Sixth Street Partners ข้อตกลงเป็นไปด้วยดีแต่แลกกับการที่ Chesky ต้องจ่ายดอกเบี้ยคืนที่อัตรา 11% ในข้อตกลงกับ Silver Lake นั้นรวมไปถึงการรับประกันมูลค่าบริษัทที่ 18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลงมา 40% จากมูลค่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้เมื่อปี 2017

Chesky ได้ตัดค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาออกไปและวางแผนที่จะโฟกัส 2-3 โปรเจ็กต์ใหม่และยืนยันว่าทางแก้ปัญหาของบริษัทจะไม่ใช่การเปลี่ยนแนวธุรกิจอย่างแน่นอน เขายังเชื่อมั่นว่าเมื่อมาตราการการเว้นระยะห่างทางสังคมหมดไป ผู้คนจะต้องการกลับมาพบปะเชื่อมโยงกันเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครบอกได้ว่าวิกฤติจะยังอยู่อีกนานแค่ไหนและจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคไปอย่างไรบ้าง เมื่อคนทั้งโลกต่างก็สวมหน้ากากป้องกันตัวเอง โรงแรมใหญ่ๆ อย่างแมริออทหรือฮิลตันที่มีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างเป็นจริงเป็นจังก็ดูเหมือนจะน่าดึงดูดกว่าการไปนอนพักบนเตียงของบ้านใครก็ไม่รู้แบบโฮสต์ของ Airbnb

ก่อนหน้านี้ Chesky เองก็ได้ใช้เวลาลงทุนไปกับอีกธุรกิจของ Airbnb ที่เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถจองทริปการท่องเที่ยว คลาสเรียนทำอาหารและกิจกรรมอื่นๆ  เขาเคยแม้กระทั่งแง้มๆ ให้ฟังว่า Airbnb เคยพิจารณาไปถึงการสร้างธุรกิจสายการบินด้วย

แต่แล้วทุกอย่างก็พังลงมาเมื่อจีนเริ่มประกาศล็อคดาวน์เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีนที่เป็นจุดกำเนิดของไวรัส ก่อนที่จะลามไปยังยุโรปที่ที่สร้างรายได้ราวๆ 1 ใน 4 ให้แก่ Airbnb จากนั้นจำนวนยอดผู้ติดเชื้อที่สหรัฐอเมริกาก็ตามหลังอิตาลีไปติดๆ Airbnb ไม่รอช้าประกาศให้พนักงานทุกคนทำงานจากที่บ้านตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม

เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าเดือนเมษายนก็แล้ว ยอดการติดเชื้อโคโรน่าไวรัสก็ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเริ่มเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการล็อคดาวน์จะยาวนานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ยอดจองโรงแรมในสหรัฐอเมริกาที่ปกติอยู่ที่ 70% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีหล่นเหลือเพียง 21% หุ้นของ Expedia Group Inc. เอเจนซี่ด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ที่เป็นเจ้าของ Vrbo คู่แข่งของ Airbnb ก็หล่นลงไป 39% ตั้งแต่เดือนมีนาคม ส่วน Airbnb เองก็บอกว่ารายได้ของบริษัจะลดลง 50% ในปีนี้ และ Chesky เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ภายในปีหน้าหรือไม่ บริษัทได้ทำการปิดสัญญาจ้างพนักงานเร็วกว่ากำหนด และยกเลิกงบการตลาดไป 800 ล้านดอลลาร์

Airbnb มียอดจองในระบบมูลค่ากว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างช่วงที่มีการให้เว้นระยะห่างทางสังคม แต่เมื่อ Airbnb ปรับเปลี่ยนนโยบายการยกเลิกจองห้องพัก ทำให้โฮสต์บางคนที่เพิ่งสร้างห้องพักขึ้นมาใหม่สูญเงินไปกับการลงทุน แม้ว่าบริษัทจะมีงบสำหรับจ่ายค่าเสียหายคืนแก่โฮสต์ 250 ล้านดอลลาร์แล้วก็ตาม

Michael Bellisario นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุน Rebert W. Baird & Co. มองว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้รถเดินทางไปได้จะเป็นที่แรกๆ ที่การท่องเที่ยวจะฟื้นคืนกลับมา รีสอร์ทชายทะเลจะเป็นทำเลแข็งแกร่งของ Airbnb มากกว่าที่พักในย่านท่องเที่ยวในตัวเมือง มันคงใช้เวลาเป็นปีกว่าชาวอเมริกันจะกล้าออกมาจองโรงแรมในย่านไทม์สแควร์แล้วซื้อตั๋วเข้าไปดูละครบอร์ดเวย์ รูปแบบการพักผ่อนหย่อนใจบางอย่างอาจหายไปตลอดกาล

แต่ Chesky ก็ยังมองในแง่ดีว่าหลังจากที่ทุกคนแยกตัวออกจากกันมาเนิ่นนาน ผู้คนจะอยากกลับมาสื่อสารกันมากขึ้น และไม่นานมานี้ Airbnb ก็ได้เริ่มปล่อยบริการทำกิจกรรมภายในบ้านแบบออนไลน์ เช่น การทำสมาธิกับแกะ ในราคา 9 ดอลลาร์ (287 บาท) ต่อหนึ่งชั่วโมง ลองนึกภาพการเดินทัวร์เข้าไปในจิตใจของตัวเองประมาณนั้น เขายังวางแผนที่จะตีตลาดการทำกิจกรรมที่ผู้คนสามารถทำได้ในเมืองของตัวเอง บนพื้นฐานทฤษฎีที่ว่าโลกกำลังจะเข้าสู่การเสพความบันเทิงรูปแบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องหิ้วกระเป๋าออกไปข้างนอกเพื่อไปดูหนังหรือนั่งที่บาร์อีกต่อไป.

Source : https://www.bloomberg.com/news/features/2020-04-22/airbnb-s-future-depends-on-a-post-pandemic-travel-boom