การอุบัติขึ้นของเชื้อ COVID-19 ได้สั่นสะเทือนทุกวงการไปทั่วโลกไม่ต่างจากเหตุการณ์ 9/11 ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรด หรือวิกฤติทางการเงินปี 2008 หลังจากจบเหตุการณ์นี้ ที่เชื่อว่าทุกคนก็เฝ้าหวังให้มันจบลงโดยเร็ว สภาพเศรษฐกิจหลังจากนี้จะเปลี่ยนโฉมไปเช่นไร ใครจะยังคงอยู่ ใครจะไป Allen Buchanan ประธานโบรกเกอร์อสังหาฯ เชิงพาณิชย์ที่ Lee & Associate Orange จากสหรัฐอเมริกาได้วิเคราะห์ไว้ดังนี้

ภาพจาก https://www.lee-associates.com/orange/team/allen-buchanan/

เศรษฐกิจโลกทุกวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการแลกเปลี่ยนของสินค้าและบริการ เมื่อเพลงที่กำลังบรรเลงหยุดลง เมื่องานแข่งกีฬา คอนเสิร์ต สวนสนุก ศูนย์ประชุมและการท่องเที่ยวถูกยกเลิก เมื่อนั้นเม็ดเงินทั้งหมดก็สูญหายไปในพริบตา

รายได้ของรัฐที่ขึ้นอยู่กับภาษีจากยอดจองโรงแรม ร้านอาหารและร้านขายของฝาก เมื่อกิจการงานใหญ่ๆ ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดหรือบางงานก็ยกเลิกไปอย่างถาวร การสูญเสียรายได้ของห้างร้านนำไปสู่งบประมาณที่เข้าสู่ทางการน้อยลง ไม่เพียงแต่ธุรกิจเหล่านี้ที่ประสบปัญหา แต่ลูกโซ่ที่ได้รับผลกระทบตามมาคือบริษัทรับจัดงานอีเว้นท์ ร้านปริ้นท์แบนเนอร์และสื่อโฆษณา ไปจนถึงบริษัทให้บริการรักษาความปลอดภัยในงาน อีกตัวอย่างคือเมื่อเด็กนักเรียนเริ่มเรียนคลาสออนไลน์อยู่ที่บ้าน ร้านอาหาร ร้านกาแฟที่เคยเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของเด็กเหล่านี้ก็ร้างผู้คน คุณคงจะนึกภาพออก

ใครเล่าที่จะเป็นผู้อยู่รอดในสถานการณ์ COVID-19 เช่นนี้

จากประสบการณ์ของ Allen Buchanan เขากล่าวว่า ทุกช่วงขาลงของเศรษฐกิจมักมีผู้ชนะอยู่เสมอ ผู้ประกอบการที่ได้ผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเพราะความฉลาดหลักแหลมของเขาเองหรือแค่โชคเข้าข้าง

จากความต้องการจากทั่วโลกที่ลดลงบวกกับการที่ซาอุฯ และรัสเซียที่เล่นแง่ทางการค้ากัน ราคาน้ำมันในขณะนี้ลดลงมาถูกกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากก่อนนี้ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลให้วัตถุดิบที่มีส่วนประกอบหลักจากปิโตรเลียมถูกลง ดังนั้นใครที่ใช้สิ่งเหล่านี้ในการผลิตสินค้า เช่น การหล่อพลาสติกสำหรับทำอุปกรณ์การแพทย์  อุปกรณ์เครื่องครัว ชิ้นส่วนยานยนต์ ไปจนถึงไม้แขวนเสื้อ จะสามารถส่งสินค้าสู่ตลาดในต้นทุนที่ต่ำลง

เมื่อพูดถึงปิโตรเลียม ราคาแก๊ซโซลีนจะต้องปรับตาม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางจะราคาเป็นมิตรมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีไม่กี่ที่ที่ยังเปิดให้บริการได้อยู่

อีกฟากคือธุรกิจเดลิเวอร์รี่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในจังหวะที่คนหลีกเลี่ยงการออกไปซื้อของด้วยตนเองมาเป็นการสั่งซื้อออนไลน์แทน ส่วนธุรกิจให้บริการประชุมออนไลน์อย่าง Zoom ก็กำลังไปได้สวย เมื่อราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 60% จากบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในเวลานี้

สุดท้ายผู้ที่น่าจะได้เปรียบมากที่สุดเห็นจะเป็นอุตสาหกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัย น่าตลกที่อุตสาหกรรมนี้เป็นผู้เสียหายหนักสุดเมื่อครั้งวิกฤตกาลแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 แท้ๆ จากราคาในตลาดหุ้นที่ลดลง ผู้คนจึงมองหาที่เก็บเงินที่ปลอดภัยกว่าอย่างตั๋วเงินคลังและโลหะมีค่า มีความต้องการตั๋วเงินคลังเพิ่มขึ้น ราคาก็เพิ่มตาม ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนลดลง และลงไปอยู่ที่ 1% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้การกู้ยืมเงินมีราคาถูกที่สุดในรอบ 30 ปี

ถึงอย่างไรไม่ว่าร้ายหรือดี มนุษย์เราต่างก็ผ่านอุปสรรคกันมามากมาย ทั้งภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ สงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง เหตุการณ์ 9/11 และวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ เช่นกันกับ COVID-19 ที่เราทุกคนจะผ่านมันไปได้ และจะฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งไปพร้อมๆ กัน

แหล่งข้อมูล

https://www.ocregister.com/2020/03/21/who-are-the-winners-losers-in-the-coronavirus-meltdown/