สวัสดีครับคุณ ผู้อ่านทุกท่าน ช่วงนี้ผมอาจจะไม่ค่อยมีเวลามี update บทความ เท่าไหร่นะครับ เนื่องจากภารกิจรัดตัวมากมาย ต้องเร่งยอดคอนโดหลายตึก ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่บางเดือนอาจจะมีบทความให้อ่านเพียงแค่บทความ เดียว…แต่ยังไงเอาไว้ถ้าเคลียร์งานได้ และมีเวลาก็จะพยายาม update ให้อย่างสม่ำเสมอนะครับ ว่าแต่ช่วงนี้คุณผู้อ่านคิดเหมือนผมไหมครับว่า มันไม่ค่อยมีข่าวคราว ความเคลื่อนไหวในวงการอสังหาริมทรัพย์ ชนิดที่ชวนให้ ว้าวววว เลยอ่ะครับ…
ที่ผมเห็นมีก็แค่งานเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ผสมเก่าของ L&H งานเปิดตัว Sale Gallery โครงการ Ideo Mobi พระราม 9 งานแถลงข่าวโครงการบุรีธารา ซิตี้ รีสอร์ท คอนโด แคมเปญของเจ้าใหญ่ๆก็น่าจะเป็น แคมเปญเอพี พร้อม ที่มอบโปรโมชั่นทางการเงินสุดพิเศษ จากธนาคารกสิกรไทยให้กับผู้ซื้อทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว (ผมแอบเห็นรายละเอียดแล้วครับ นอกจากดอกเบี้ยจะดีแล้ว ยังมีลุ้นชิงโชครถยนต์ BMW ด้วย น่าเสียดายว่าน่าจะออกแคมเปญนี้ให้กับโครงการคอนโดด้วย) แล้วก็แคมเปญผ่อนครึ่งเดียวเดือนละ 7,500 บาทสำหรับโครงการไอดีโอ มิกซ์ สุขุมวิท…หมดแล้ว แค่นี้เองจริงๆครับ

ความเคลื่อนไหวที่ผมเห็นว่าน่าสนใจก็คงเป็นการประกาศผังเมืองใหม่ ของ กทม. นี่แหละครับ สาระสำคัญก็คงอยู่ที่พื้นที่บริเวณเลียบทางด่วนเกษตรนวมินทร์ และช่วงรัชดาภิเษกตั้งแต่พระราม 9 – ลาวพร้าว ที่ได้ขยับเป็นพื้นที่สีแดง หรือบริเวณที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่นมากเรียบร้อยไปแล้วครับ ผมว่าเร็วๆนี้คงได้เห็นการขยับตัวจากเหล่า developer ชั้นนำแน่ๆครับ เห็นว่าแถวๆตรงข้าม Esplanard ก็จะมี community mall ของ Property Perfect ข้างๆกันก็จะเป็น Noble Condo เลยไปอีก 2 ป้ายก็จะเจอกับโครงการคอนโดใหม่จาก MBK Group อีก ส่วนทำเลเลียบทางด่วนไม่ต้องพูดถึงครับเพราะใครๆเขาก็รู้กันว่าย่านนั้น เสี่ยเจริญ จาก TCC เป็น landlord รายใหญ่ที่มีที่ดินในมืออยู่มหาศาลเหลือเกิน ไม่แน่อาจจะมีสวนสนุกแห่งใหม่สร้างขึ้นมาก้ได้นะครับ (เอ่อ…ผมล้อเล่นนะครับ)

แล้วจะทำยังไงดีอ่ะครับ? เดือนนี้ ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรแล้ว มาวกเข้าเรื่องที่ผมถนัดดีกว่าครับ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับ Branding นั่นเองครับ ช่วงนี้ผมมีโอกาสได้เห็นโฆษณาชิ้นนึง แวบแรกที่เห็นมันพลันให้ผมคิดถึงโฆษณาของไทยประกันชีวิตขึ้นมาทันที เพราะว่ารหัสการแสดงออกของ แบรนด์ที่เห็นได้จากโฆษณานี้มันผสมไปด้วยธาตุลมอย่าง Thought และธาตุน้ำอย่าง Emotion ที่โดดเด่นเหลือเกินครับ

โฆษณาที่ผมกำลังพูดถึงก็คือโฆษณามิสทีนครับ แต่ก่อนจะพูดถึงโฆษณานี้ผมขอเล่าประวัติคร่าวๆของมิสทีนก่อนนะครับ…แบรนด์ มิสทีนนั้นหากจะว่าตาม Brand Hierarchy แล้วมีศักดิ์เป็นแบรนด์ลูกของ Corporate Brand ซึ่งก็คือบริษัท บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ครับ แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วเราๆท่านๆทั้งหลายคงจะจำได้แค่มิสทีน แต่ชื่อแบรนด์แม่นั้นจำไม่ได้ เบทเตอร์เวย์นั้นถ้าจะว่าไปแล้วก็จัดว่าเป็นมือวางอันดับต้นๆในธุรกิจขายตรง เชียวนะครับ ซึ่งหากนับแค่ขายตรงประเภท SLM (Single Level Marketing) แล้ว มิสทีนคือมือวางอันดับหนึ่งนะครับ ขนาดแบรนด์ระดับโลกที่เป็นตัวเอ้ด้าน SLM อย่างเอวอนยังไม่อาจเทียบรัศมีมิสทีนที่เป็นแบรนด์สายพันธ์ไทยแท้ๆ ก่อตั้งโดยราชาขายตรงของเมืองไทย “ดร.อมรเทพ ดีโรจนวงศ์” อดีตประธานกรรมการที่ล่วงลับไปแล้วได้เลยครับ ส่วนขายตรงประเภท MLM (Multi level Marketing) อันดับหนึ่งตลอดกาลก็คือ Amway จากอเมริกา นั่นแหละครับ….

มา ถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่า..อ้าว เพิ่งจะรู้ว่าขายตรงก็มีทั้ง SLM และ MLM ด้วย แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ..เอาจริงๆผมก็รู้ไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่นักหรอกครับ รู้แต่ว่าตั้งแต่เด็กมีคนชวนไปขายแล้วก็มาหลอกให้ซื้ออยู่เป็นประจำน่ะครับ หากจะอธิบายแบบคร่าวๆสุดๆก็คือ ระบบ SLM ก็เป็นระบบขายตรงแบบชั้นเดียว ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไปอบรมสัมนา หาทีมอะไร สมัครสมาชิกขายของอะไร แบ่งค่าคอมอะไรให้มันวุ่นวาย ง่ายๆแค่ไปสมัครเป็นตัวแทนกับทางบริษัท (ซึ่งอาจจะสมัครได้หลายช่องทางนะครับเดี๋ยวนี้สมัครทางเนตก็ได้) แล้วก็ไปรับสินค้าของบริษัทมาขายก็ รับค่าคอมมิชชั่นเมื่อขายได้ก็เท่านั้นเองครับ อาจจะมีโบนัสเพิ่มเติมไปตามยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นขั้นๆ เช่น เที่ยวรอบโลก โบนัส x 12 ได้ของมาใช้ฟรี อะไรแบบนี้น่ะครับ เอ..จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนกับสาวยาคูลท์ หรือพนักงานขาย Direct Sale ทั้งหลายนี่เองแหละครับ เอาเข้าจริงๆขายตรงแบบ SLM นั้นคนที่ประสบความสำเร็จมักจะทำเป็นอาชีพประจำครับ เพราะว่าต้องขายเอง ลุยเองทุกอย่าง ไม่สามารถกินหัวคิวจากคนอื่นได้ สำหรับในกลุ่มเครื่องสำอางขายตรงแบบ SLM ก็คงจะมี มิสทีน เอวอน ยูสตาร์ แล้วก็ฮานาโกะ ที่ดังๆนะครับ

ในขณะที่ขายตรงแบบ MLM โอ้โห มันซับซ้อน ซ่อนเงื่อนมาก แต่ละเจ้าก็จะมีแผนชวนงงมาให้สมาชิกยอดนักขายทั้งหลายได้มึนกับค่าตอบแทนอัน มหาศาลได้ตลอดครับ แต่ก็น่าแปลกมากที่ประเทศไทย คนไทยนี่แหละครับเลือกที่จะสมัครเป็นพนักงานขายแบบ MLM กันเยอะ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ามันมีโอกาสที่รายได้จะเกิดขึ้นหลายทางน่ะครับ เอาง่ายๆสเตปแรกแค่สมัครสมาชิกและไปขายของต่อคนอื่นในราคาที่ mark up ขึ้นรายได้ก็จะเข้ามาแล้ว ถ้ามีการแบ่งทีมหาลูกทีมแบบเยอะๆ รายได้ก็จะตามมาจากค่าหัวคิวคอมมิชชั่นที่ได้จากลูกทีม แถมถ้าเผอิญมีลูกทีมเยอะตำแหน่งก็จะยิ่งสูง ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งรายได้เพิ่มตามด้วย แถมถ้าเป็นระดับพวก Superstar, Crown, Diamond, President, Executive Platinum ฯลฯ ก็ไม่ต้องออกไปขายแล้วล่ะครับ นั่งกินหัวคิวอย่างเดียว ชวนญาติโกโหติกา เพื่อนฝูง คนรู้จักมานั่งขายๆๆๆๆๆกันงกๆไป จนคนเค้าจะเลิกคบกันหมดแล้ว ส่วนตัวเองก็นั่งทำงานประจำกันไป…ผมว่า สาเหตุนี้แหละครับ ที่ทำให้คนไทยส่วน ใหญ่นิยมเลือกแบบ MLM >> เพราะว่าหลายคนมักจะคิดว่าสบายกว่านี่เองแหละครับ แบรนด์ที่นิยมใช้กลยุทธ์นี้ก็คือ Amway น่ะครับที่เป็นเจ้าตลาด รองลงมาผมว่าก็เห็นมีแต่ของคนไทยนะครับพวก กิฟฟารีน เอมสตาร์ ฯลฯ

คุณผู้อ่านรู้ไหมครับว่ามีการประมาณการณ์กันว่าธุรกิจขายตรงทั้ง ระบบเนี่ย มูลค่าตลาดมีมากกว่า 60,000 ล้านบาทนะครับ นี่นับเฉพาะที่ track ได้นะครับ ไม่รวมพวกที่ไม่ได้รับอนุญาติให้ขายจาก อย. ที่หลายๆคนคงเคยเห็นจากเคเบิลทีวีหลายๆช่องด้วยซ้ำ แต่ถ้านับเฉพาะยอดขายจากบริษัท เบตเตอร์เวย์ก็มากกว่า 10,000 ล้านบาทแล้วครับ ผมอ่านในเวปไซต์ของ เบตเตอร์เวย์ แล้วก็พบว่าเค้ามีการจัดเรียง Brand Portfolio แบบที่น่าสนใจมากเลยทีเดียวครับ ซึ่งก็แน่นอนว่ากลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหารก็คือ Multi brand Strategy นั่นเองครับ แต่ละแบรนด์ก็จะมีการวางกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างกันออกไป อันประกอบด้วย (ผมขออนุญาต quote มาจากในเวปไซต์นะครับ)

มิสทิน “เครื่องสำอางที่ให้คุณสวยถึงบ้าน”

แคตตาล็อกที่รวบรวมเครื่องสำอาง ทุกประเภทสินค้า ความสวยงามอันทันสมัย เนรมิตให้ผู้หญิงทุกคนสวยสมบูรณ์แบบด้วยคุณ ภาพสินค้ามาตรฐานสากล มิใช่เพียงคนไทยเท่านั้นที่พิสูจนแล้วว่า มิสทินเป็นสินค้าที่มีีีคุณภาพ มิสทินยังก้าวไกลสู่ตลาดต่างประเทศ มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี กว้างขวาง กระจายอยู่ในแต่ ละทวีปทั่วโลก อาทิเช่น กลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, แถบตะวันออกกลาง, แอฟริกา เป็นต้น และคาดว่าจะเพิ่มทวีคูณขึ้นในทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่อง

ฟรายเดย์ “ห้างสรรพสินค้าในมือคุณ”

แคตตาล็อกฟรายเดย์ รวบรวมสินค้านับพันรายการตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัว สะดวก สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน

เอ็มพาวเวอร์

แคตตาล็อกรวบรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ ราคาผ่อนสบายๆ ทุกชิ้น ไม่มีเงินดาวน์ บริการส่งตรงถึงบ้าน รับประกันสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิต

เมลาเคลียร์

ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวหน้าอย่างอ่อนโยน โดยผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับ และได้รับความไว้วางใจทางด้านเวชสำอางทั้งในและต่างประเทศมานานกว่า 15 ปี ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้ผ่านการค้นคว้าวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหน้า ผนวกกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันทันสมัย จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย และมั่นใจด้วยการรับประกันจาก 2 สถาบันนานาชาติระดับโลก ยืนยันด้วยการทดสอบและรับรองผลผลิตภัณฑ์ดูแลฝ้า เมลาเคลียร์ ได้แก่ สถาบัน สปิน คอนโทรล ประเทศฝรั่งเศส และสถาบัน เดอร์มา คอนซัลท์ ประเทศเยอรมนี

ฟาริส บาย นาริส

เครื่องสำอางคุณภาพ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ “ฟาริส บาย นาริส” เป็นสินค้านำเข้าคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น 100% วันนี้ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาถึงประเทศไทยแล้วในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้สาวไทยทุกคนสามารถซื้อและเป็นเจ้าของผิวสวยกันได้ง่ายๆ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดคิดค้นสูตรขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและภูมิ อากาศของเมืองไทยโดยเฉพาะ

เอา ล่ะครับ เกริ่นกันมายาวนานมากแล้ว…เรามาดูชิ้นงานโฆษณาตัวล่าสุดกันดีกว่าครับ ดูแล้วเราค่อยมาวิเคราะห์ตามหลักการของ Branding กันบ้าง ว่ามุมมองของคุณผู้อ่านกับมุมมองของผมนั้น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรครับ

คุณผู้อ่านครับ แวปแรกที่ผมดูโฆษณาชิ้นนี้จบ เชื่อไหมครับผมคิดไปถึงเอเยนซีที่ทำโฆษณาให้กับไทยประกันชีวิต (Ogilvy & Mather) ทันทีเลยครับ…โดยที่ยังนึกด้วยซ้ำในระหว่างการดูโฆษณาว่า เอ..ออกแอดตัวใหม่อีกแล้วหรอ หรือจะเป็นโฆษณาประกันประเภทอื่นๆอีก…พลันเมื่อเห็นโลโก้ มิสทีนในตอนจบ ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดรหัสแห่งการแสดงออกของแบรนด์มิสทีนใน โฆษณาครั้งนี้ จึงไม่เหมือนกันทุกๆครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเน้น Presenter ที่เป็นดารา นายแบบ ดังๆมาโชว์สวย หล่อกันอย่างเดียว…ผมไม่แน่ใจว่าแอดตัวใหม่นี้เป็นทางเฟมไลน์เจ้าเดิมหรือ เปล่า ที่เป็นคนทำชิ้นงานโฆษณานี้ ถ้าใช่ ก็ยอมรับว่าเป็นการ disruption ที่แหวกไปจากเดิมมากจริงๆครับ

เราเห็นและวิเคราะห์อะไรได้จากโฆษณาชิ้นนี้บ้าง??

ในแง่ของ Brand Archetype – อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนต้นนะครับ ว่าประกอบด้วยธาตุลมอย่าง Thought และธาตุน้ำอย่าง Emotion โดยที่ความเป็น Emotion นั้นเราได้เห็น role ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของ Companion และ Lover ซึ่งความเป็น companion นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนจากการที่ตัวเอกของเรื่อง (คุณยายปลิว) นั้นมีคุณตาอยู่เคียงข้าง ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ผูกพันกันตลอดเวลา ส่วน Lover นั้นเห็นได้จากความโรแมนติกในรักแท้ (ในแบบที่ timeless มากๆครับ) ความห่วงหาอาทร เกื้อกูลที่คุณยายมีให้แก่คุณตา (ทั้งๆที่แกตาบอด) ตลอดการดำเนินเรื่องใน 1 วันผ่านการเดินจูงมือ ซื้อไอศครีม จนถึงซื้อรองเท้าเพื่อเป็นของขวัญให้กับทั้งคู่… ขณะเดียวกัน ในส่วนของธาตุลมอย่าง Thought นั้น ผมได้เห็น role ที่ชัดเจนของมิสทีนในแง่ของความเป็น supporter ครับ>>> ทำไมผมจึงคิดเช่นนี้…คำถามที่อยู่ในใจของผมหลังจากดูแอดชิ้นนี้ และเห็นถึงความเป็นตำนานของสาวมิสทีน ผ่านการยอกเล่าโดยรูปข้างฝาของคุณยายปลิว ทำให้ผมต้องย้อนไปดูถึงประวัติศาตร์ความยิ่งใหญ่ของมิสทีนครับ และผมก็ได้รู้ว่ามิสทีนนั้นก่อตั้งมา 24 ปีแล้วนะครับ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาทางบริษัทได้สร้างจิตวิญญาณนักขายมืออาชีพอย่างคุณยาย ปลิวมากกว่า 700,000 ชีวิตแล้วนะครับ!!!!

ในยุคที่มีแค่มิสทีนรายเดียวที่ยืนหยัดเป็นหน้าเป็นตาให้กับการแข่ง ขันที่รุนแรงในตลาดขายตรง โดยที่ไม่เคยสนใจที่จะเปลี่ยนกลยุทธ์จาก SLM เป็น MLM แม้แต่ครั้งเดียว ผมมองว่าเป็นการ อ่านเกมที่ขาดและเป็นการสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคมไทยนะครับ จริงอยู่การทำ MLM อาจจะทำให้รายได้ของบริษัทเพิ่มมากกว่าเดิมเป็นหลักหลายร้อยเท่า เนื่องจากฐานสมาชิกของ มิสทีนนั้น “เขี้ยว” กว่าทุกเจ้าครับ นั่นคือทุกคนขายเป็น รายได้มาจากการขายของตัวเอง ขายมากยิ่งได้มาก ไม่ได้มีการนอนรอกินหัวคิว หรือไปเชื้อเชิญให้ใครต่อให้มาเป็นสมาชิกเพื่อซื้อของในราคาแพงๆเหมือนเจ้า อื่น…นี่คือจิตวิญญาณของความเป็นนักขายมืออาชีพครับ ทำไมครับ ทั้งๆที่คุณยายลำบากในการเดินทางขนาดนี้ แก่ขนาดนี้ ต้องนั่งสองแถวปรับของที่ออฟฟิศของมิสทีน แล้วยังต้องนั่งรถเมล์ไปส่งของให้กับลูกค้าตามที่ต่างๆ ในขณะที่คุณตาก็ไม่สบาย ทำไมครับ ทำไม…คุณยายถึงมีความสุขในการขายมิสทีนครับ?

คุณผู้อ่านคิดว่าจะมีสักกี่คนที่หาความสุขแบบนี้ในการขายตรงแบบ MLM ครับ? จะมีสักกี่คนที่สามารถหามิตรภาพอันเป็นอมตะ? หรือจะมีสักกี่คนที่ใช้แค่เวลาว่างหลังการทำงานในการขายตรงแบบ MLM ครับ? ขอโทษนะครับหากข้อเขียนของผมได้ไปกระทบกับความเป็นจริงของธุรกิจนี้ แต่มีคนที่ผมรู้จักหลายคนนะครับที่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อซื้อสินค้า ด้วยตัวเอง เพื่อประทังยอดขายไปในแต่ละเดือน….ในยุคที่ทุกคนมุ่งแต่แสวงหาความร่ำรวยจาก การขาย MLM มิสทีนมองถึงจุดแข็งของตัวเองออกครับว่าการขายมิสทีน นั้นไม่ใช่การขายแบบ Part Time แต่เป็นอาชีพ Full Time ที่สามารถเลี้ยงทั้งตัวเองและครอบครัวได้ เราขายได้เท่าไหร่ ผลกำไรจะตกที่เราเองทั้งหมดครับ นอกจากนี้กุศโลบายของคุณอมรเทพเองนั้น treat สาวมิสทีนทุกคน ใน benefit ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับพนักงานประจำเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการ support เรื่อง catalog หรือสื่อส่งเสริมการขายอื่นๆ ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาพิมพ์เอง โปรโมตเอง และยังได้ประกันชีวิตฟรีอีกด้วยนะครับ!!++

ผมมองว่านี่คือการนำเอาสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ และจับต้องไม่ได้มาทำให้จับใจคนดูจริงๆครับ (ตรงตามหลัก Branding มากกก) ไหนๆก็ไหนๆแล้วที่ผมบอกว่าเหมือนกับโฆษณาของไทยประกันชีวิต… ผมจะให้คุณผู้อ่านลองทวนความจำ โดยย้อนดูแอดของไทยประกันชีวิตอันนี้ครับ ว่ามีความคล้ายคลึงกันในด้านไหนบ้างครับ

เอาล่ะครับ วันนี้เขียนแต่อะไรที่ไม่เกี่ยวกับคอนโดแม้แต่นิดเดียวเลยครับ 😀 วันนี้เหนื่อยแล้ว เอาไว้งวดหน้าค่อยว่ากันแล้วกันนะครับ…หากเพื่อนๆหรือคุณผู้อ่านคนไหนอยาก ให้ผมเขียนเรื่องอะไร และจะแนะนำติชมอะไรขอให้ส่งเมลมาได้ที่ kirk.bu@gmail.com นะครับ อะไรที่หามาได้ ก็จะเอามาเขียนตอบแน่นอนครับ ส่วนอะไรที่ตอบไม่ได้ก็รอไปก่อนนะครับ แต่สัญญาว่าจะหามาให้ได้ครับ

ปล. ขอบคุณ Branding Master คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Brandscape จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ ที่เป็นทั้ง Idol และเจ้านายเก่าของผมสำหรับความรู้เรื่อง Branding ทั้งหมดนะครับ ได้ข่าวล่าสุดว่าท่านได้เดินหน้าช่วยเหลือธุรกิจ SME เต็มรูปแบบโดย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดหลักสูตร Mini MBA การบริหารจัดการแบรนด์ หลักสูตรเพื่อส่งเสริมการเป็นนักบริหารคิดนอกกรอบ อีกโอกาสของเอสเอ็มอีและนักบริหารที่จะได้ใช้พลังของแบรนด์ เป็นเครื่องมือในการแข่งขันทางธุรกิจ ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.gmi.kmutt.ac.th ใครอยากมีความรู้ หรือทำธุรกิจอยู่ห้ามพลาดนะครับ ความรู้ดีๆแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ขอบคุณครับ

บทความโดย เกริก บุณยโยธิน