หากย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่นี่คือที่ตั้งของร้านจิวเวลรี่ที่คนในย่านพญาไทในยุคนั้นรู้จักกันดี แต่ปัจจุบันอาคารหลังดังกล่าวถูกรีโนเวทพร้อมกับเปลี่ยนหน้าที่และชื่อใหม่ว่า ‘The Posh a Luxury Hostel’ จุดเด่นอย่างแรกของที่นี่คือสถานที่ตั้งซึ่งห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสถานีพญาไทเพียงอึดใจ อีกทั้งเชื่อมต่อไปยังแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ทำให้ The Posh เป็นหมุดหมายลำดับต้นๆ ของนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติ

เมื่อก้าวเข้าสู่ตัวอาคาร โดยผู้มาเยือนจะพบกับโถงบันไดที่นำไปสู่ส่วนต้อนรับบริเวณชั้น 2 ก่อนที่จะแยกย่อยไปสู่ห้องพักแบบต่างๆ ในชั้น 3 และ 4 ได้แก่ Dormitory (ทั้งแบบรวมและสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ) ซึ่งที่นี่ออกแบบให้ที่นอนแบบ bunker bed แตกต่างไปจากสิ่งที่เรามักคุ้นเคยกับเตียงสองชั้นที่มีบันไดพาดผ่านด้วยการออกแบบทางขึ้นให้เป็นบันไดจริงๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย สะดวกสบาย และสวยงาม โดยแต่ละเตียงจะมีโคมไฟที่ถูกดีไซน์มาอย่างดี มีช่องสำหรับชาร์ตอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ ตู้เก็บของมีค่า รวมถึงการจัดสรรสเปซไว้สำหรับวางสัมภาระที่เรียกว่าเหลือเฟือหากเทียบกับจำนวนผู้เข้าพักในห้องประเภทดังกล่าว สำหรับห้องพักแบบ Cabin ที่แม้จะเป็นห้องแบบนอนรวม แต่ยังคงความเป็นส่วนตัวแก่ผู้พักด้วยการออกแบบสเปซให้เป็นล็อคๆ และจัดสรรพื้นที่ไว้พอดีสำหรับ 1 ท่าน โดยจะมีมูลี่บริเวณทางเข้าที่สามารถเปิดปิดเมื่อมีการใช้งาน โดยมีตู้สำหรับเก็บของมีค่าและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ จัดวางไว้บริเวณหัวเตียง พร้อมกับชั้นวางของและทีวี

นอกจากนี้ ‘The Posh a Luxury Hostel’ ยังนำเสนอห้องแบบส่วนตัว ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ประเภท นั่นคือ Single Room ห้องส่วนตัวแบบห้องน้ำรวมที่มีการตกแต่งแบบเรียบๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากขึ้น ทั้งโต๊ะทำงาน ทีวี รวมถึงการเพิ่มหน้าต่างที่ทำให้ห้องขนาดกะทัดรัดนี้ดูไม่อึดอัด ห้อง Superior Room และ Deluxe Room กับขนาดพื้นที่ 15.75 และ 17.8 ตารางเมตร เป็นห้องแบบส่วนตัวสำหรับ 2 คน มีห้องน้ำส่วนตัว มินิบาร์ ตู้เย็น และทีวี ส่วนแบบสุดท้ายคือ Family Room ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเข้าพักแบบเป็นครอบครัวหรือเพื่อนกลุ่มใหญ่ ด้วยขนาดพื้นที่ 26.8 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยทั้งคู่ 2 เตียงและเตียงโซฟา 1 เตียง สามารถพักได้สูงสุด 6 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานเดียวกับห้องพักของโรงแรม

ในชั้น 5 ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่แบ่งออกเป็นห้องอาหาร พร้อมบาร์น้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยวที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง มีโต๊ะขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับพบปะสังสรรค์ระหว่างกลุ่มเพื่อนและนักเดินทางต่างถิ่น รวมไปถึงโต๊ะพูล ภายในพื้นที่ common room แห่งนี้ยังมีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นระเบียงดาดฟ้าสำหรับชมทิวทัศน์ในมหานครอย่างกรุงเทพฯ ทั้งในเวลากลางวันและยามค่ำคืน โดยมีไฮไลท์สำคัญ นั่นคืออ่างจากุซซีที่ผู้เข้าพักสามารถใช้จองเพื่อใช้บริการได้ด้วย

นอกจากการออกแบบให้ผู้ใช้รู้สึกเป็นส่วนตัวและสามารถปรับโหมดจากความจอแจของวีถีชีวิตใจกลางเมืองในย่านพญาไทสู่จังหวะเนิบช้าและสงบลงด้วยวิธีการจัดสเปซอย่างเป็นสัดเป็นส่วน มีการเลือกใช้องค์ประกอบหลัก เช่น ไม้ ในส่วนต่างๆ เพื่อสามารถสร้างบรรยากาศอบอุ่น เป็นมิตร และเป็นกันเองให้กับผู้มาเยือนแล้ว ที่นี่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย โดยมีการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากการนำความร้อนของเครื่องปรับอากาศที่ใช้ภายในมาผลิตน้ำร้อน ตลอดจนการออกแบบระบบถ่ายเทอากาศเย็นส่วนเกินที่ผลิตจากห้องพักเพื่อส่งตรงไปห้องน้ำเพื่อกำจัดความชื้น เป็นต้น

สถาปัตยกรรม ขนาด 3 คูหา จำนวน 5 ชั้น ในสไตล์วินเทจที่มาพร้อมคำพ่วงท้ายอย่าง a Luxury Hostel ไม่ได้ดูเกินจริงเสียเท่าไหร่ ขณะเดียวกันแม้มันจะไม่ได้บ่งบอกว่าที่นี่คือ poshtel แต่เมื่อลงลึกลงไปในรายละเอียด ทั้งรูปแบบการตกแต่งภายนอกและภายใน ทำเลที่ตั้ง การให้บริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และราคาแล้ว ที่นี่ก็นับว่าเป็นที่พักชั้นดีที่เข้าข่าย Posh และ Luxury ที่หรูหราดูดีสมชื่อทีเดียว

The Posh, A Luxury Hostel

Photo courtesy of The Posh a Luxury Hostel

Address: 55/21-23 Phayathai Road, Ratchathewi, Bangkok 10400

Website: www.poshtelhostel.com