THE BASE Phetkasem คอนโดมิเนียมหนึ่งเดียวจากแสนสิริ ที่พร้อมสร้างมาตรฐานราคาคอนโดย่านเพชรเกษมให้สูงขึ้นเทียบเท่าสุขุมวิท?

อดีต-ปัจจุบันของเพชรเกษม

ถนนเพชรเกษมในอดีตคือถนนเส้นทางหลักจากกรุงเทพเพื่อออกไปสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเส้นทางที่นิยมลงภาคใต้อีกแล้วเพราะคนแห่ไปวิ่งออกเส้นพระราม 2 แทนเพราะไม่อ้อม ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ถนนเพชรเกษมจะดูมีความคึกคักของธุรกิจต่างๆ ไม่มาก ค่อนข้างเงียบเหงา ศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าก็มีบ้างเช่นเดอะมอลล์บางแค ซีคอนบางแค และเพชรเกษมยังคงมีความเป็นชุมชนเก่าแก่อยู่ มีคนเฒ่าคนแก่อยู่มากมาย โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบต่างๆ ก็มีให้เห็น ภาพรวมของกรุงเทพตะวันตกหรือฝั่งธนบุรีจะไม่ค่อยมีโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกใหญ่ๆ มาลงหลักปักฐานพัฒนาให้เห็น จนมีคำพูดแกมน้อยใจของคนฝั่งธนบุรีว่า “ธนบุรีลูกเมียรอง” แต่หลังจากนี้ต่อไปธนบุรีอาจจะไม่ใช่ทำเลที่ถูกทำให้เป็นทำเลรองอีกต่อไปเพราะด้วยโครงการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินซึ่งจะผ่าน Landmark และย่านสำคัญต่างๆ ทั้งย่านสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ทำงานราชการในเกาะรัตนโกสินทร์ สีลม สาธร พระราม 4 อโศก รัชดา เป็นต้น ในอนาคต ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จวิ่งรถได้จริงเมื่อไหร่ “อาจจะ” ทำให้ผู้คนจะค่อยๆ ไหลออกมาอยู่อาศัยย่านเพชรเกษมมากขึ้นกว่าเดิม

ราคาของ THE BASE Phetkasem (เดอะ เบส เพชรเกษม) ที่แสนสิรินำเสนอกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ข้อมูล ณ เดือน พฤษภาคม 2560 ราคาที่แสนสิริภูมิใจนำเสนอคือตารางเมตรละประมาณ 96,000 บาทสำหรับ 1 Bedroom ชั้นเตี้ยๆ และชั้นกลางๆ ครับ ส่วนราคาห้อง 2 Bedroom ชั้นสูงจะอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 105,000 บาทครับ! ซึ่งราคานี้แฟนคลับของแสนสิริที่ตั้งตารอให้มาเปิดโครงการฝั่งธนบุรีก็น่าจะยอมรับได้ แต่ทว่าราคานี้ก็ถือว่าสูงกว่าตลาดทุกโครงการทั้งหลายทั้งปวงในย่านเพชรเกษมละแวกเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะขายกันในราคาที่ต่ำกว่าตาราเมตรละ 1 แสนบาททั้งหมด โดยโครงการคอนโด High Rise ตัวล่าสุดของย่านนี้ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมาก็ได้แก่ ชีวาทัย เพชรเกษม 27 ที่ขายในราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 80,xxx บาท ซึ่ง เดอะ เบส เพชรเกษม ตั้งขายที่ราคาตารางเมตรละแสนบาทแทบจะเรียกว่าราคาเทียบเท่ากับสุขุมวิทเลยครับ

แต่อย่างไรก็ตามถ้ามองแง่ดีก็ถือว่าเป็นผลดีต่อโครงการรอบข้างที่การตั้งราคาสูงแบบนี้ของ THE BASE Phetkasem (เดอะ เบส เพชรเกษม) จะช่วยดึงโครงการรอบข้างให้ราคาขยับขึ้นตามไปด้วย หรืออีกแง่หนึ่งคือ THE BASE Phetkasem ก้าวมายืนตระหง่านด้วยราคาสูงกว่าโครงการรอบข้าง เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ของคอนโดพรีเมียมแบรนด์ย่านนี้ ทำให้โครงการรอบข้างราคาถูกกว่าทันที ช่วยปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เช่าหรือผู้ซื้อที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมย่านนี้เกิดการเปรียบเทียบได้ชัดเจนมากขึ้นว่าใครคือระดับไหน ควรอยู่ที่ระดับราคาใด ใครมีรายได้ที่สูงกว่า ติดแบรนด์ ก็ต้องมาอยู่ที่ THE BASE Phetkasem ใครอยู่ระดับอื่นๆ ก็เลือกอยู่ที่อื่นที่เหมาะสมกับรายได้ของตนเองไป

เป็นหัวหนูดีกว่าเป็นหางราชสีห์ Better be the head of a mouse than the tail of a lion

THE BASE Phetkasem จะกลายเป็น Icon หนึ่งให้กับคนในย่านเพชรเกษม เพื่อแสดงฐานะทางการเงินและความดูดีในสไตล์แสนสิริที่สั่งสมแบรนด์มานาน เพราะถ้าพูดถึง “แสนสิริ” ใครๆ ก็รู้ว่ามันจะ “แสนแพงกว่า” ที่ว่าแพงนี้ไม่ใช่แย่ แต่ความเป็นแสนสิรินั้นจะลงทุนหนักกับ Design และพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้แต่ละโครงการจะดูมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร มีสไตล์ที่แตกต่าง และดู High กว่าแบรนด์อื่นอยู่ในที  และแบรนด์คำว่า The Base ถ้าอยู่ในย่านสุขุมวิทจะมีภาพลักษณ์ระดับกลางๆ แต่เมื่อย้ายข้ามฝั่งมาอยู่ฝั่งธนบุรีแบรนด์คำว่า The Base กลับกลายเป็นระดับบนที่เหนือกว่าใครในท้องถิ่น ถ้าให้นึกเป็นภาพคงจะแทนความหมายด้วยภาพคติสอนใจด้านล่างนี้

Better be the head of a mouse than the tail of a lion.

ที่มาของภาพ : https://pedromgonzalo.wordpress.com/author/pedrogonzalom/

จากที่แบรนด์ The Base เคยเป็นแบรนด์คอนโดระดับ Mass ของแสนสิริ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในย่านอ่อนนุช จนย้ายข้ามฟากไปยังย่านพระราม 9 – รามคำแหง และก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร มาวันนี้ The Base ได้กลายเป็นคอนโดโครงการแรก ที่พร้อมจะเป็น Fighting Brand ให้กับแสนสิริ ในการที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้า ดีไซน์ตึกสวยๆ เพื่อท้าชนกับโครงการคอนโดแบรนด์อื่นๆที่พัฒนาอยู่โดยรอบถนนเพชรเกษมตอนกลาง และเปลี่ยน Perception ของผู้บริโภคในย่านฝั่งธนฯที่มีต่อคอนโดว่า ต้องมีระดับราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้าน และไม่เน้นสุนทรียภาพของการใช้ชีวิตบนส่วนกลางขนาดใหญ่ลอยฟ้า ออกไปจาก Mindset

Value ที่เพิ่มขึ้น สะท้อนออกมาจากทำเลและการออกแบบของ THE BASE Phetkasem

แล้วทำเลและการออกแบบของโครงการ THE BASE Phetkasem มันมีความเชื่อมโยงกับสุนทรียภาพของการใช้ชีวิตในย่านนี้อย่างไรบ้าง

สิ่งแรกที่ THE BASE Phetkasem ทำให้เรามีความสุขง่ายขึ้นคือ ทำเลอยู่ติดน้ำ  ติดลำคลอง การมีที่อยู่อาศัยติดแหล่งน้ำทำให้ชีวิตเราผ่อนคลายมากขึ้น น้ำคือจุดเริ่มต้นของชีวิต มนุษย์จึงผูกพันกับน้ำ  ถ้าไม่มีน้ำก็ไม่มีชีวิต THE BASE Phetkasem เห็นความสำคัญของเรื่องนี้จึงออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนกลางริมน้ำ  Waterside Terrace และ Breezy Lounge ทอดตัวยาวตลอดแนวลำคลอง เสมือนได้เดินเล่นพักผ่อนอยู่ระเบียงริมน้ำ ฟื้นความหลังของกรุงเทพมหานครในอดีตที่เคยเป็นเมืองแห่งคลอง

แต่น้ำในคลองจะส่งกลิ่นเหม็นหรือไม่นั้นตอบไม่ได้ ผู้สนใจสามารถเดินไปเช็คความสะอาดของแม่น้ำ หรือกลิ่นได้ที่ท่าเพชรเกชรเกษม 31 ซึ่งหากเดินจากสำนักงานขาย THE BASE Phetkasem ระยะทางประมาณ 350 เมตร

ถ้าเราขึ้นเรือที่ท่าเพชรเกษม 31 สามารถไปลงท่าเรือสะพานตากสิน-เพชรเกษม เพื่อเดินเชื่อมต่อ 200 เมตรถึง BTS สถานีบางหว้าได้ ตารางการเดินเรือโดยสารคลองภาษีเจริญนั้นมีรอบเช้าตั้งแต่ 6.00 น. ถึง 9.00 น. และรอบเย็นตั้งแต่ 16.00 น. ถึง 19.30 น. โดยวันจันทร์ถึงวันศุกร์ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีเรือเดินทุก 15 นาที ส่วนวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีเรือเดินทุก 30 นาที (แหล่งข้อมูล wikipedia เรือโดยสารคลองภาษีเจริญ) ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “โครงการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ” กรุณาโทรศัพท์สอบถามบริษัทกรุงเทพธนาคม 02- 168- 3368

ที่มาของภาพ http://www.thanakom.co.th/thanakom/boat.html

นอกจากชีวิตติดน้ำ ใกล้ท่าเรือ รับบรรยากาศน้ำในลำคลองแล้วยังมีน้ำอยู่บนยอดตึก เป็น Swimming Pool ชั้น Rooftop ที่สามารถชมวิวที่ไม่เหมือนใคร ถ้าอยู่ใจกลางเมืองอย่างสาทร พระราม 4 หรือแม้สุขุมวิทก็จะไม่มีวันได้เห็นวิวอันแสนเปิดโล่งผ่อนคลายแบบที่ THE BASE Phetkasem จะให้ได้อย่างแน่นอน เพราะอย่างที่บอกไปถ้าอยู่สุขุมวิทก็คงได้เห็นวิวแบบหางราชสีห์คือโดนตึกใหญ่ๆ บังตาไปหมด

วิวจาก THE BASE Phetkasem ภาพกลางวันคือวิวจากห้องฝั่งทิศตะวันตก (ฝั่งห้องเล็ก) เป็นวิวสถานีรถไฟฟ้า

ส่วนภาพกลางคืนนี้เป็นวิวฝั่งทิศตะวันออก (ฝั่งห้องใหญ่) เป็นวิวโล่งโปร่งสบายเป็นส่วนตัวไม่ต้องแคร์สายตาใคร จะทำอะไรในห้องก็ได้เพราะไม่มีตึกสูงขึ้นเทียมกันเลยแม้แต่น้อย วิวแบบนี้คงหาได้ยากในสุขุมวิทครับ แต่หาได้ที่ THE BASE Phetkasem ที่นี้นี่เอง

ความรื่นรมย์ต่อไปจะเป็นสิ่งที่เราต้องได้เจอกันทุกวันนั่นคือทางเดินประตูทางเข้าโครงการ ที่ THE BASE Phetkasem ดีไซน์ทางเดินเข้าโครงการให้ลูกบ้านมีโอกาสสัมผัสธรรมชาติ ด้วย Welcome Pavilion ให้เป็นทางเดินลอดซุ้มพืชพรรณพฤกษชาติ เราจะได้สูดกลิ่นหอมดอกไม้และออกซิเจนให้เข้าเต็มปอดก่อนออกเดินทางหรือกลับมาจากความเหนื่อยล้าเพื่อเติมพลังให้กับชีวิต

ด้วยความเป็น “หัวหนูนิยม” ที่นิยมความสุขกับองค์กรเล็กๆ หรือองค์กรที่ไม่มี Pattern อะไรมากมาย ทำให้บางทีเราไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศเป็นทางการ เราอาจจะอยากชวนทีมงานมาเปลี่ยนบรรยากาศทำงานนอกสถานที่กันบ้าง จุดนี้เอง THE BASE Phetkasem ก็เตรียมพื้นที่ทำงานแบบ Co-working Space และ มี Brainstorm Room พร้อมอุปกรณ์สำนักงานและม่านโปรเจคเตอร์สำหรับเปิดดูหนังเพื่อรองรับการทำงานที่ผสานความรื่นรมย์

เอาละครับ ใครชื่นชอบความเป็นผู้นำในย่านนี้ อยากมีชีวิตติดธรรมชาติ แต่ก็ไม่ลำบากเวลาเข้าตัวเมืองก็ตามมาดูต่อไปเลยว่า THE BASE Phetkasem นั้นเป็นอย่างไร

ทำเลที่ตั้งของ THE BASE Phetkasem

THE BASE Phetkasem ตั้งอยู่ทำเลใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเพชรเกษม 48 เพียง 120 เมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแคที่กำลังก่อสร้างอยู่ (ดูความคืบหน้าการก่อสร้างได้ที่นี่ http://www.mrta-blueline.com/progresses/report_monthly )

คลิปวิดีโอจาก รฟม. เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน https://www.mrta.co.th/media/274178/mrt_blue_line_project.mp4

สถานที่ตั้งของสำนักงานขาย THE BASE Phetkasem และไซต์ของโครงการอยู่ที่เดียวกัน คลิกนำทางโดยแผนที่ Google Maps ได้ที่นี่ https://goo.gl/maps/deMjhjdTjGF2 พิกัด GPS 13.715966, 100.447342

ทำเลของ THE BASE Phetkasem จริงๆ เป็นทำเลที่ไม่มีอะไรโดดเด่นมากนักสำหรับการใช้ชีวิตของคนคอนโดมิเนียม เป็นทำเลย่านเมืองเก่าและไม่ได้ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นห้างสรรพสินค้าในระยะเดินได้ แต่สาเหตุที่แสนสิริมาลงทุนเปิดโครงการตรงจุดนี้เป็นเพราะใกล้รถไฟฟ้าแค่ร้อยกว่าเมตรก็ถึงแล้ว และเป็นการขายคอนโดในวันนี้เพื่อรอวันหน้าวันที่รถไฟฟ้าสร้างเสร็จ โดยถ้าเราตามข่าวล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2560 ทางด้านนายพีระยุทธ์ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม.  ให้ข่าวว่ารฟม. มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหัวลำโพง-บางแคในปี 2562 ซึ่งถ้าเป็นไปตามข่าวจริงก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้พักอาศัยย่านเพชรเกษม  ตามแผนของแสนสิริ THE BASE Phetkasem จะแล้วเสร็จในวันที่ 2 ก.พ. 2563 ถ้ารถไฟฟ้าไม่เลื่อนเปิดให้บริการก็ถือว่าการซื้อ THE BASE Phetkasem ในวันนี้จะเสร็จหลังรถไฟฟ้าครับ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเราดูประวัติเก่าๆ ของความแม่นยำในการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายก่อนๆ ที่สร้างมาแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนทุกสายครับเพราะว่าการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่แบบนี้มีผลกระทบกับหลายภาคส่วนดังนั้นไม่แปลกที่จะเกิดปัญหาในด้านเวนคืน การจัดการพื้นที่ ปัญหาการก่อสร้าง ปัญหาเรื่องเงินและปัญหารุมเร้าต่างๆ ที่เป็นปัจจัยให้เปิดบริการช้าอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ในฐานะประชาชนก็ต้องจับตาการทำงานของหน่วนงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดให้เป็นไปตามแผนด้วยเช่นกัน สำหรับนักลงทุนก็ควรจะคิดให้รอบคอบว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จไม่ทันตามกำหนดเราจะมีทางออกอย่างไรบ้าง อย่าลืมป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ ส่วนคนที่ซื้อเพื่ออยู่เองก็อาจจะได้รับผลกระทบคือไม่สะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตามถ้ารถไฟฟ้ายังไม่เสร็จก็ยังมีทางเลือกเป็นเรือคลองภาษีเจริญให้ไปเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าที่เปิดให้บริการแล้ว

ตะลุยสำนักงานขาย THE BASE Phetkasem

ด้านหน้าของโครงการ ติดรถไฟฟ้าเลยครับ จะเห็นว่าเหมือนมีรถไฟฟ้า 2 สาย จริงๆ สายที่โค้งออกมาจากถนนเพชรเกษมนั้นจะเป็นรางที่วิ่งเข้าศูนย์ซ่อมบำรุงครับ

มีป้ายชื่อโครงการ THE BASE Phetkasem สีเขียวสื่อถึงธรรมชาติ

อยู่ติดกับซอยเพชรเกษม 29/1

มองจากหน้าโครงการก็เห็นสถานีเพชรเกษม 48 ครับ

ทางเดินเข้าสำนักงานขายจำลอง Welcome Pavilion ของโครงการจริง เป็นเสาซุ้มระแนงเหล็กและปลูกไม้เลื้อยเอาไว้ให้ค่อยๆ โตไต่ไปข้างบนจนเต็มซุ้ม ตอนนี้อาจจะเพิ่งปลุกเลยยังขึ้นแค่หรอมแหรมอยู่ แต่ถ้าโตเต็มซุ้มก็น่าจะสวยร่มรื่นมากทีเดียว

ภายในสำนักงานขาย THE BASE Phetkasem

ภาพ Master Plan ของ THE BASE Phetkasem ทางขวาคือถนนเพชรเกษม มีทางเข้าโครงการที่ต้องขับรถลอดรางรถไฟฟ้าที่มุ่งหน้าสู่ศูนย์ซ่อมบำรุง Orientation การวางของอาคาร จะคล้ายตัว V มุมป้าน จะขอเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่าจะมีห้องฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกนะครับ ด้านล่างมี Playscape สนามเด็กเล่นใกล้ชิดธรรมชาติด้านข้างโครงการติดรางรถไฟฟ้า มี Waterside Terrace ระเบียงริมคลองและ Breezy Lounge ที่นั่งเล่นพักผ่อนริมคลองด้านหลังของโครงการ

ขออธิบายรูปแบบของห้องอย่างคร่าวๆ ดังนี้ครับ ห้องฝั่งตะวันตกส่วนใหญ่ตั้งแต่ชั้นเตี้ยไปถึงชั้นสูงจะเป็นห้องเล็ก 1 Bedroom แบบ 1A, 1B ขนาด 23-24 ตร.ม. ทั้งนั้นครับ และจะมีห้องแบบ 1C ที่เป็น 1 Bedroom 31.25 ตร.ม.แทรกอยู่บางตำแหน่งของชั้นเตี้ยครับ มีไม่กี่ยูนิตครับ ต่อไปมาดูฝั่งตะวันออกจะเป็นห้องใหญ่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ 1 Bedroom 31-32 ตร.ม.ไปจนถึง 2 Bedroom 44-52 ตร.ม. ครับ ห้อง 2 Bedroom ส่วนใหญ่จะอยู่ตามมุมครับ ห้องที่คาดว่าจะเป็น Rare Item คือ 2 Bedroom ห้องมุมกระจก 2 ทิศตรงบริเวณก้นของตัว V ครับ ซึ่งก็คือแบบ 2B, 2D นั่นเอง

Floor Plan ชั้น 5 เริ่มมีที่พักอาศัยชั้นนี้ครับ ที่ชั้น 5-6 จะมีห้องแบบ 1C แทรกอยู่ในฝั่งตะวันตก

Floor Plan ชั้น 6 ถ้าดูแปลนจะเห็นว่ามีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และลิฟท์ service 1 ตัวครับ

Floor Plan ชั้น 7

Floor Plan ชั้น 8 ขึ้นไปถึงชั้น 26

ชั้น 27-30 จะมีจำนวนยูนิตน้อยหน่อย เพราะว่าต้องแบ่งพื้นที่มาทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางครับ

ที่จอดรถมี 4 ชั้น

ที่ชั้น 5 มีสวนลอยฟ้า

มีพื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำ อารมณ์ Rooftop มี Duplex Fitness ชั้นล่างเป็น Cardio ชั้นบนเป็น Yoga มีจุดชมวิว 360 องศาอยู่ข้างบน Fitness ด้วยครับ

ตึกทาสีเทอร์คอยซ์ (Turquoise) ไล่เฉดเข้มชั้นล่างไปอ่อนชั้นบน และแทรกสีน้ำตาลให้เกิดความแข็งแกร่ง

ชั้นล่างมีลานจอดรถ พื้นที่สีเขียว

ด้านหน้าทางเข้าโครงการ ที่เห็นเป็นสีเทาโค้งๆ ทางขวานั้นคือรางรถไฟฟ้าเข้าศูนย์ซ่อมบำรุง

ไม่ต้องห่วงว่าจะมีห้องไหนได้วิวรางรถไฟฟ้าเพราะทุกห้องขยับขึ้นอยู่เหนือรางรถไฟฟ้าทุกยูนิตครับ

จำลองให้เห็นว่าใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุดๆ

การวางของตัวอาคารคล้ายรูปตัว V

ห้องตัวอย่างขนาด 31 ตร.ม. 1 Bedroom

ห้องนี้เป็นห้องที่แสนสิริออกแบบฟังก์ชั่นของห้องใหม่และภูมิใจนำเสนอมากครับ แต่ผู้เขียนมองว่าก็ยังมีประเด็นด้านสุขลักษณะที่ต้องคำนึงอยู่เหมือนกันเพราะแม้จุดเด่นจะมี Walk-in Closet ให้โดยเฉพาะก็ตาม แต่ว่าครัวกับห้องน้ำนั้นหันหน้าเข้าหากันและมีระบบระบายอากาศด้วยพัดลมดูดบนเพดานในห้องน้ำและพัดลมดูดอากาศตรงเหนือเตาเท่านั้นแต่ไม่มีหน้าต่างขนาดใหญ่สำหรับระบายอากาศจากครัวออกไปข้างนอกได้ และห้องน้ำจะไม่มีวันได้รับแสงแดดเลยตลอดไป ผู้เขียนมองว่าห้องรูปแบบนี้จะเหมาะกับประเทศเขตอบอุ่นหรือประเทศที่มีอากาศค่อนข้างแห้ง แต่เมื่อมาอยู่ในประเทศไทยการออกแบบห้องน้ำเช่นนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะกับสภาพอากาศเขตร้อนชื้นของไทย ดังนั้นห้องนี้อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบเก็บของ มีสัมภาระเยอะ แต่ไม่ค่อยทำครัว และควรเป็นคนที่รักษาความสะอาดของห้องน้ำ หมั่นทำความสะอาดและควรเปิดพัดลมระบายอากาศหลังอาบน้ำเพื่อลดความชื้นในห้องน้ำที่จะก่อให้เกิดเชื้อราได้ พูดถึงแง่ร้ายไปขอพูดแง่ดีบ้าง ห้องนี้มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างมากและยาวต่อเนื่องไปถึงห้องนอนดังนั้นจะให้ความรู้สึกโปร่งโล่งเหมือนอยู่ในบ้าน แม้การออกแบบห้องจะมีความคล้ายห้อง Studio ที่เป็นห้องยาวต่อเนื่อง แต่ก็มีการแบ่งฟังก์ชั่นครัวออกไปเป็นอีกห้องเลยทำให้เมื่ออยู่อาศัยจะรู้สึกไม่น่าเบื่อ ต้องมีการเปิดประตูเข้าออกเดินไปเดินมาในห้อง จำลองเหมือนตนเองอยู่ในบ้านหลังน้อย นอกจากนี้ก็มีห้องตู้เสื้อผ้าหรือห้องเก็บของและพื้นที่แต่งหน้ามีแสงธรรมชาติทาแป้งแล้วหน้าไม่วอก ซึ่งห้องนี้จะดัดแปลงเป็นห้องนั่งเล่นชมวิวมุมเล็กๆ ส่วนตัวติดระเบียงของเราก็ได้ครับ

ป้ายหน้าห้องตัวอย่าง ทำจากไม้นะครับ ดูเป็นธรรมชาติดี

เปิดประตูสีขาวเข้าไป

มีพื้นที่ห้องนั่งเล่น จริงๆ วางโซฟาสามที่นั่งได้เลยครับ ถ้าเอาโต๊ะทำงานออก

มุมดูทีวีจะชิดมาทางประตูทางเข้า จะไม่อยู่ตรงกลางห้องเพราะถัดไปเป็นประตูกระจกบานเลื่อนไปห้องครัว

กั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขอบสีดำ

ในห้องนั่งเล่นมีแอร์ให้ 1 ตัว

ไอเดียวางโต๊ะทำงานให้ดู

แอร์ยี่ห้อ TRANE

เปิดประตูบานเลื่อนไปก็เป็นห้องนอนแล้วครับ

พื้นที่ยาวต่อเนื่องถึงกันระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น

ห้องนั่งเล่นติดกับห้องครัว

พื้นลามิเนตสีน้ำตาลออกสว่างๆ ทำให้ห้องดูกว้าง

ตู้ทีวีแบบนี้ไม่ได้นะครับ ต้องติดตั้งเอง

ทางไปห้องครัวอยู่ข้างๆ

ชุดครัว ที่วางตู้เย็น และชั้นเก็บของต่างๆ

ไมโครเวฟวางด้านล่าง

ตู้เปิดออกได้แบบนี้

เตาไฟฟ้าเป็นแบบ Hot Plate ข้อเสียคือใช้ไปแล้วจะขึ้นสนิม จริงๆ ควรจะเป็นเตาแบบ Induction มากกว่าเพราะทำความสะอาดง่ายกว่ามาก และเมื่อดูพิจารณาเปรียบเทียบภาพรวมของความเป็นคอนโดมิเนียมตารางเมตรละแสนบาทแล้ว โครงการควรจะเลือกให้เตาไฟฟ้าที่ดูดีกว่าแบบที่ให้มาในห้องตัวอย่างครับ

เครื่องดูดอากาศเหนือเตา ดูดอากาศออกไปข้างนอก ไม่ใช่ระบบหมุนเวียนภายใน

อ่างล้างจานยี่ห้อ HAFELE

สวิตช์ไฟยี่ห้อ BTICINO เรียบง่าย ใช้งานง่าย

ตรงข้ามกับครัวคือห้องน้ำครับ

ระหว่างพื้นลามิเนตกับพื้นห้องน้ำมีธรณีกันน้ำกั้นอยู่

ธรณียกระดับสูงขึ้นมา ป้องกันความชื้นจากห้องน้ำออกมาทำลายพื้นลามิเนต

Shower Box ครับ ผนังเป็นกระเบื้องลายโมเสคเทาขาวดำ  ประตูบานเลื่อนกั้นส่วนเปียกเป็นกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีดำ

สายชำระ จะได้รับมาพร้อมกับกล่องโอนในวันส่งมอบ ผู้ซื้อสามารถนำมาติดเพิ่มภายหลังได้

สุขภัณฑ์ American Standard

อ่างล้างมือและกระจกเงาครับ

ยี่ห้อ American Standard เช่นกัน

Shower Box มีช่องวางขวดแชมพู

ห้องน้ำดู Retro นิดๆ

กลับมาดูห้องนอนอีกรอบครับ กระจกหน้าต่างใกล้เตียง

แต่งห้องแบบนี้สวยดีนะครับ

เอาละครับมาถึงห้องไฮไลท์ของแบบ 1 Bedroom Type 1C แล้ว นั่นก็คือมีฟังก์ชั่น Walk-in Closet แบบนี้นี่เอง

ดัดแปลงเป็นพื้นที่นั่งเล่นจิ๋วๆ ได้นะครับ

หรือทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้

ห้องนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียง

ประตูระเบียงเป็นกระจก 3 ตอน

ราวกันตกแบบตะแกรงเหล็กซี่ตั้งตรงยาวไม่มีเหล็กแนวขวาง ป้องกันเด็กปีน

คอมเพรซเซอร์แอร์แขวนอยู่เหนือบริเวณวางเครื่องซักผ้า

มุมมองจากห้อง Walk-in Closet

ห้อง 1 Bedroom ขนาดเล็ก 24 ตร.ม.

ห้องแบบนี้ออกแบบได้ลงตัว ครบทุกฟังก์ชั่น มีครัวแยก ห้องนอน ห้องน้ำถูกสุขลักษณะ แต่ข้อเสียคือห้องนั่งเล่นจะเล็ก เหมาะกับการพักอาศัยอยู่คนเดียวหรือ 2 คนแบบของไม่เยอะ ห้องนี้เป็นห้องเล็กจึงทำให้ราคารวมต่ำกว่าห้องขนาด 31 ตร.ม. อยู่เกือบๆ ล้านบาททีเดียว จึงทำให้ห้อง 24 ตร.ม.เป็นที่นิยมสำหรับ Demand ของคนในย่านเพชรเกษมมากกว่า

ประตูทางเข้ามี Digital Doorlock ยี่ห้อ YALE

เปิดเข้ามาเจอห้องนั่งเล่นดูทีวีพักผ่อนกินข้าวอเนกประสงค์

ออกแบบเป็นที่นั่งยาวแบบนี้ก็ดูดีนะครับ เอนตัวแบบตะแคงๆ พอได้อยู่

ห้องนี้ตกแต่งแบบ Industrial Loft มีความเหล็ก ความไม้ ดูเข้ากับความเล็กๆ ของห้อง แต่อย่างไรก็ตามห้องที่ได้จริงก็เป็นห้องเปล่าอยู่ดีครับ

ประตูกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมดำกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น

มีทางเดินไปครัว

ห้องนอนกระจกหน้าต่างดูกว้างดี

ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นจริงๆ คือห้องเดียวกัน แต่ก็กั้นเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว

กรอบรางม่านไม่ได้ให้นะครับ

สำหรับ Rare Item ห้องมุม 24 ตร.ม. จะได้รับกระจกเข้ามุมแบบนี้ด้วย

ติดแอร์ให้ 1ตัวที่ห้องนอนครับ ห้องนั่งเล่นไม่ได้ให้แอร์

มุมมองจากหน้าต่างห้องนอน

จัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง

ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบ Home Automation ก็มีให้นะครับ

ทางเดินไปโซนครัว แหล่งความอวบอ้วนของเรา

มีกระจกบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับครัวด้วยครับ ฟังก์ชั่นดีได้มาตรฐาน

ครัวขนาดมินิ แต่ก็ครบถ้วนทุกการใช้งาน มีพื้นที่วางตู้เย็น ที่วางไมโครเวฟ

ตู้เก็บของต่างๆ

เตาไฟฟ้าแบบ Hot Plate ก็มีให้นะครับสำหรับห้องขนาดเล็ก

เนื่องจากเป็นครัวขนาดมินิ ถ้าใช้งานจริงแนะนำให้ซื้อโต๊ะพับกางออกมาวางที่ระเบียงเพื่อเพิ่มพื้นที่การเตรียมอาหาร หรือซื้อแผ่นไม้มาวางพาดบนอ่างล้างจานก็ได้

ตู้ชั้นบนเก็บของได้ยอดเยี่ยม

ครัวระบายอากาศดีเยี่ยม แค่เปิดประตูระเบียงก็จบ

ระเบียงใช้ตากผ้าได้สบาย แต่ควรติดเป็นราวเหนือหัวที่ผนัง

คอมเพรซเซอร์แอร์ TRANE 1 ตัว

กลับหลังหันจากระเบียง เจอกับห้องน้ำกำลังรอคอยเรา

ห้องน้ำแบบออกเป็นโซนแห้ง โซนเปียก ตามปกติ มีราวแขวนผ้า

อ่างล้างมือหลบมุมเข้าไปลงตัว มีพื้นที่วางของเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่มีตู้ใต้อ่างล้างมือให้

สายชำระ จะได้รับมาพร้อมกับกล่องโอนในวันส่งมอบ ผู้ซื้อสามารถนำมาติดเพิ่มภายหลังได้

ออกจากห้องน้ำมองไปที่ห้องนอนแสนหวาน

24 ตร.ม. 1 Bedroom ตอบโจทย์คนทำงานได้ดีมากทีเดียว

สรุปภาพรวมของโครงการ THE BASE Phetkasem

THE BASE Phetkasem คือคอนโดมิเนียมแบรนด์ THE BASE ตัวใหม่ล่าสุดของแสนสิริ ที่เคยประสบความสำเร็จจากทำเลสุขุมวิท มายืนตะหง่านเป็น Iconic Condo ให้กับย่านเพชรเกษมอีกครั้ง มาด้วยทำเลใกล้ชิดธรรมชาติ ติดลำคลอง ถนนใหญ่และรถไฟฟ้าในอนาคต โฟกัสการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกที่กลมกลืนธรรมชาติ ระเบียงเดินเล่นริมคลอง สระว่ายน้ำ rooftop มองเห็นวิวเมืองไกลสุดลูกหูลูกตา ฟิตเนสสองชั้นเหมือนได้สัมผัสผืนฟ้า บรรยากาศที่เปิดโล่งมากกว่าคอนโดโครงการอื่นๆบนทำเลติดรถไฟฟ้าในย่านสุขุมวิท ย่านบางหว้าเป็นทำเลฝั่งธนฯ เพชรเกษมตอนกลาง ที่คนส่วนใหญ่ยังมีวิถีในการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย เดินทางสะดวกทั้งระบบรถ-ราง-เรือ และก็ยังเป็นย่านที่มีห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งธนฯตั้งอยู่ใกล้ๆถึง 2 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น ซีคอน บางแค หรือเดอะ มอลล์ บางแค ซึ่งทั้งสองห้างได้มีส่วนเป็นอย่างมากในการสร้างสีสัน และเปลี่ยนวิถีชีวิตของคนย่านเพชรเกษม ให้มีชีวิตชีวามากขึ้น

การออกแบบห้องให้มีขนาดเริ่มต้น 23 ตารางเมตร นับว่าเป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่แบรนด์ The Base เคยสร้างมา แต่ก็เป็นการออกแบบที่ค่อนข้างจะตอบดีมานท์ของคนในย่านนี้ ที่มักจะเลือกซื้อคอนโดห้องเล็กๆเพื่อใช้เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อขยายครอบครัว โดยที่ยังมีความต้องการที่จะอยู่ใกล้บ้านเดิม

ราคา ค่าเช่าของคอนโด High Rise ย่านเพชรเกษม

สถานการณ์ของเดือนพฤษภาคม 2560 ราคาคอนโดมิเนียมแบบ High Rise ในย่านเพชรเกษมปัจจุบันนั้นจะวนเวียนอยู่ที่ตารางเมตรละหลักหมื่นกลางๆ ปลายๆ แต่ไม่เกินตารางเมตรละแสนบาท เช่น โครงการศุภาลัย ปาร์ค ราชพฤกษ์-เพชรเกษม ซื้อขายที่เกือบ 80,000 บาท/ตร.ม. เดอะ โครงการเพรสซิเดนท์ สาทร-ราชพฤกษ์  84,000 บาท/ตร.ม. โครงการ Bangkok Horizon Phetkasem ราคาซื้อขายรีเซลอยู่ที่ 85,000 บาท/ตร.ม. ส่วนโครงการ Bangkok Horizon P48 ราคาตกอยู่ประมาณ 89,000 บาท/ตร.ม.  ขณะนี้ก็ยังไม่ Soldout โดยโครงการล่าสุดก่อนหน้าที่ The BASE Phetkasem จะเปิดตัวคือโครงการ Chewathai Phetkasem 27 ซึ่งก็มีราคาเฉลี่ยประมาณตรม.ละแปดหมื่นปลายๆ

ถ้าพูดถึงค่าเช่าที่ปล่อยได้จริง ถ้าห้องแบบ 1 Bedroom จะอยู่ที่ 8,000-12,000 บาท/เดือน ส่วนถ้าห้อง Studio จะราคาต่ำกว่านี้ครับ ทำให้เห็นว่าผู้คนที่อาศัยในย่านนี้อาจจะยังมีกำลังซื้อไม่สูงมากนัก กลุ่มผู้เช่าเป็นคนทำงานในเขตเมืองที่เดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีบางหว้า ยิ่งใกล้สถานีบางหว้าจะยิ่งราคาสูงเพราะเดินทางสะดวกสบาย

The BASE Phetkasem ยังเป็นคอนโดมิเนียมของคนที่ต้องการมีภาพลักษณ์ดี เชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์แสนสิริ ที่พร้อมเป็นผู้นำในการพัฒนาคอนโดในย่านเก่าแก่ ในขณะเดียวกันก็ยังเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ห่างจากความวุ่นวายออกมาจากเขตเมืองใหญ่มาสู่ชุมชนที่เป็นกันเอง ออกมาใช้ชีวิตในสไตล์ของตัวเองแบบไม่ตามใคร แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลจากความทันสมัยและแหล่งงานเพราะอีก 3-5 ปีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็อาจจะเสร็จพร้อมให้บริการ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเสน่ห์ของการเป็นหัวหนูดีกว่าหางราชสีห์ ขอแนะนำที่นี่  THE BASE Phetkasem คือที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ใจคุณ