7 Hotel Mega Trends คนอสังหาโรงแรมต้องจับตา จากธุรกิจโรงแรมกลายเป็น data platform

ต่อทอง ทองหล่อ 21 November, 2025 at 13.25 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


วงการโรงแรมกำลังเดินหน้าเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี จากข้อมูลหลากหลายองค์กรในปัจจุบันชี้ให้เห็นเทรนด์ใหม่ชัดเจนว่าผู้บริหารคนโรงแรม ผู้พัฒนาอสังหา และนักลงทุนไม่อาจเดินตามสูตรเดิมได้อีกต่อไปเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงการปรับตัว แต่เป็นการ สร้างโมเดลใหม่ของธุรกิจโรงแรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความยั่งยืน และความเข้าใจมนุษย์ระดับลึกกว่าที่เคยทำกันมา

https://unsplash.com/photos/hands-typing-on-a-laptop-computer-screen-Es33oEXaRrE

 

เทรนด์ที่ 1 Hospitality AI Transformation เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเกม

กระแสใหญ่ที่เห็นเด่นชัดจากทุกห้องสัมมนา คือการใช้ AI เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันอย่างถาวร โรงแรมกำลังเปลี่ยนจากระบบบริการแบบดั้งเดิมสู่โครงสร้างที่คล้ายแพลตฟอร์มข้อมูล (data platform) โดย AI กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้โรงแรมเข้าใจลูกค้าเป็นรายบุคคลแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ตั้งแต่การค้นหา โรงแรมที่ลูกค้าพบเห็นผ่าน AI search อย่าง ChatGPT การปรับแพ็กเกจตามความต้องการแบบเฉพาะตัว การเพิ่มโอกาสปิดการขาย ไปจนถึงการดูแลหลังการเข้าพัก ทุกกระบวนการล้วนถูกเร่งให้ฉลาดขึ้น รวดเร็วขึ้น และสร้างผลลัพธ์ที่สูงขึ้น การแข่งขันในอนาคตจึงไม่ใช่แค่เรื่องทำเลหรือห้องพัก แต่เป็นการแข่งขันว่า ข้อมูลของใครฉลาดกว่าและระบบของใครเชื่อมโยงกันได้มากกว่า

เทรนด์ที่ 2 Digital Operations for Low-Staffing  ปฏิบัติการดิจิทัลกับยุคทีมเล็ก

อีกประเด็นที่โดดเด่นคือการทำงานด้วยทีมที่เล็กลงในยุคต้นทุนแรงงานสูงขึ้น โรงแรมจำนวนมากพูดตรงกันว่า โมเดล High Staff Density แบบเดิมกำลังเสื่อมความสามารถ เพราะความคาดหวังของลูกค้าเพิ่มขึ้นแต่การเพิ่มจำนวนพนักงานกลับไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป มาตรฐานใหม่จึงอยู่ที่การทำงานแบบ Digital Operations ซึ่งเชื่อมทุกกระบวนการเข้ากับ Cloud และ AI จนสามารถบริหารโรงแรมทั้งหลังด้วยทีมงานเพียงไม่กี่คน โรงแรมที่ออกแบบการทำงานให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีจะชนะในเกมนี้ เพราะสามารถให้บริการได้เทียบเท่าแบรนด์ใหญ่ แต่มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและความคล่องตัวที่สูงกว่าอย่างมาก

เทรนด์ที่ 3 Distribution Reinvention  การกระจายช่องทางยุคใหม่

เมื่อพูดถึง Revenue เทรนด์การกระจายช่องทางเริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า “การจองตรง (Direct Booking)” จะกลับมาเป็นหัวใจหลักของการสร้างกำไร จากที่ผ่านมาคือยุคที่ OTA (Online Travel Agency) ครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จเริ่มเปลี่ยนทิศ เพราะโรงแรมเริ่มมีเทคโนโลยีของตัวเองที่ทำให้การจองตรงง่ายขึ้น เร็วขึ้น และแม่นยำขึ้น ทีม Revenue Management จึงหันไปโฟกัสที่การออกแบบเส้นทางการจองให้ลื่นไหลจนลดการสูญเสียลูกค้าในทุกจุด เห็นตัวอย่างชัดเจนจากหลาย Session ที่ชี้ว่า การปรับประสบการณ์ตั้งแต่ค้นหา คิดราคา การชำระเงินก็สามารถเพิ่ม Conversion ได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้เทรนด์การทำระบบเคลม Best Rate Guaranteed เพื่อให้ลูกค้าหันมาจองตรงเพื่อลดบทบาทของ OTA ก็เริ่มทำได้จริงด้วยเทคโนโลยี AI Automation นอกจากนี้โรงแรมที่ต้องการรักษากำไรให้มั่นคงจึงต้องลงทุนทั้งเว็บไซต์ ระบบสมาชิก ระบบชำระเงิน และ AI ที่ช่วยให้เกิดการซื้อเพิ่มแบบอัตโนมัติ ไม่ใช่เพียงการขายห้อง แต่คือการขายทุกองค์ประกอบของการเดินทางเพื่อเพิ่มรายได้รวมต่อผู้เข้าพัก

เทรนด์ที่ 4 Design + Tech + Sustainability  ดีไซน์ที่ฉลาดและยั่งยืน

ด้านงานออกแบบและรีโนเวต ภาพใหญ่กำลังเคลื่อนสู่แนวคิดที่เชื่อมโยงสามประเด็นเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น ได้แก่ เทคโนโลยี ดีไซน์ และความยั่งยืน โรงแรมสมัยใหม่ไม่สามารถแต่งให้สวยอย่างเดียวได้อีกต่อไป แต่ต้องออกแบบให้ “สุขภาพดี ยั่งยืน และมีเอกลักษณ์” ไปพร้อมกัน การใช้วัสดุธรรมชาติอย่างหวาย (rattan) การพัฒนาแสงและอากาศในห้องพัก การสอดแทรกอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างมีชั้นเชิง และการเชื่อมระบบควบคุมพลังงานที่ประหยัดไฟฟ้า การทำให้เป็น Greener Building คือทิศทางใหม่ที่ทุกแบรนด์ใหญ่กำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน ความสามารถในการเล่าเรื่อง storytelling ผ่านดีไซน์และใส่ใจกับ behavioral design ใส่ใจกับความรู้สึกของลูกค้ามากกว่ามองเห็นแค่ความสวยงามภายนอกจึงเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะในตลาดที่ห้องพักจำนวนมากมีระดับคุณภาพใกล้เคียงกัน สวยใกล้เคียงกัน ราคาใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่ทำให้โรงแรมหนึ่งโดดเด่นกว่าอีกแห่งคือ “เรื่องเล่า” และ “ชีวิตจริง”ที่ฝังอยู่ในสถาปัตยกรรมและประสบการณ์ของผู้เข้าพัก ตั้งแต่พื้นที่ล็อบบี้ไปจนถึงห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการทางจิตใจของลูกค้า

เทรนด์ที่ 5 AI Personalization การตลาดแบบ One-to-One ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ในด้านการตลาด ภาพรวมสะท้อนอย่างชัดเจนว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคของการตลาดแบบรายบุคคล (personalization-first) และการผลิตเนื้อหาอัตโนมัติด้วย AI นักการตลาดโรงแรมต้องพัฒนาคอนเทนต์ที่หลากหลาย สนุกขึ้น และส่งให้ถูกคนในเวลาที่ใช่ โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าจริงเป็นตัวกำหนด การทำ Destination Marketing ที่เชื่อมสถานที่เข้ากับอารมณ์และเรื่องราวจะยิ่งสำคัญ เพราะนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ตัดสินใจจากความเชื่อมโยงทางความหมายมากกว่าข้อเสนอด้านราคา การตลาดของโรงแรมในอนาคตจึงเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลเชิงลึก เทคโนโลยี และศิลปะของการเล่าเรื่อง

เทรนด์ที่ 6 Boutique & Independent Renaissance  โรงแรมเล็กแต่มีพลัง

หนึ่งในเทรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดคือการกลับมาของโรงแรมขนาดเล็กคุณภาพสูง หรือที่เรียกว่า Boutique และ Independent Hotel ข้อได้เปรียบของโรงแรมกลุ่มนี้คือความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับตัวเร็ว การสร้างประสบการณ์แบบใกล้ชิด และการใช้เทคโนโลยีราคาประหยัดที่ให้ผลลัพธ์เทียบเคียงระดับโรงแรมเครือใหญ่ที่มีแบรนด์ด้วย ความสำเร็จของโรงแรมเล็กยุคใหม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับงบประมาณ แต่ขึ้นอยู่กับการมีแบรนด์ที่เล่าเรื่องได้ดี การบริหารจัดการที่ Lean และการใช้เทคโนโลยีเพื่อเติมเต็มทีมงานขนาดเล็กให้ทำงานได้เทียบเท่าทีมใหญ่

เทรนด์ที่ 7 Sustainability as a Core  ความยั่งยืนที่ไม่ใช่ตัวเลือก

ท้ายที่สุด เทรนด์ที่ไม่มีโรงแรมใดหลีกเลี่ยงได้คือ Sustainability ปี 2026 จะเป็นปีที่มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เพียงความสมัครใจ แต่เป็น “ข้อกำหนดใหม่” ที่จะส่งผลโดยตรงต่อการได้รับเลือกจากลูกค้าและตลาดองค์กร โรงแรมต้องมีระบบจัดการพลังงาน การบริหารน้ำเสีย การจัดการขยะ การใช้วัสดุลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือการทำรายงาน ESG (Environmental, Social, and Governance) อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ นักท่องเที่ยวและบริษัททั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับโรงแรมที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ข้อความประชาสัมพันธ์ สิ่งนี้ทำให้ความยั่งยืนกลายเป็นทั้งหน้าที่และโอกาสทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน เพราะการประหยัดพลังงานและการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดต้นทุนได้ในระดับสูง ขณะที่ยังเพิ่มความน่าสนใจของแบรนด์อีกด้วย

หากมองภาพรวมจาก Hotel Megatrend จะเห็นว่าธุรกิจโรงแรมกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ต้อง “Smarter, Sustainable, Storytelling” ผู้ประกอบการที่เข้าใจทิศทางนี้จะสามารถยกระดับโรงแรมให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลา ในขณะที่ผู้ที่ปรับตัวช้าอาจถูกทิ้งห่างอย่างรวดเร็วเพราะตลาดไม่ได้แข่งขันกันที่สเกลอีกต่อไป แต่แข่งขันกันที่ความสามารถในการปรับตัวต่อยุคดิจิทัลและความคาดหวังใหม่ของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ Gen Y Gen Z ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นลูกค้ากลุ่มหลักต่อไป

ชอบบทความแบบนี้ กรุณาติดตาม Propholic.com และแนะนำให้คนอื่นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคนอสังหากับเรา

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

เนอวานา แอทเวิร์ค กรุงเทพกรีฑา

นิว เมกา พลัส บางนา

นิว เรน แจ้งวัฒนะ

Nue REN Chaengwattana (นิว เรน แจ้งวัฒนะ) คือโครงการ...

10 October, 2025

ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน - วงเวียนใหญ่

ย่านฝั่งธนฯ นับว่าเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้ว...

29 September, 2025

โค้บบ์ ลาดพร้าว-สุทธิสาร

เอสซี แอสเสท ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงและนวั...

22 September, 2025

ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39

"คอนโด High Rise ใหม่แบบ 2 ห้องนอนในย่านพร้อมพงษ์ ยั...

7 August, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง