อย่าเพิ่งปฏิเสธ! Airbnb-friendly Law ร่างกฎหมายสถานที่พักแรม จากศัตรูของคนอยู่คอนโด สู่โอกาสทองที่คุณอาจไม่เคยรู้

Propholic EditorialTeam 12 September, 2025 at 12.58 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทยมาช้านาน และในยุคที่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่พักก็จำเป็นต้องก้าวตามทัน ร่างพระราชบัญญัติสถานที่พักแรม พ.ศ. …. (ปรับปรุงพระราชบัญญัติโรงแรม) หรือในชื่อเล่นที่เรียกกันว่า Airbnb-friendly Law ที่กำลังร้อนแรง ทางรัฐกำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายนี้ จึงถือเป็นหมุดหมายสำคัญ เพราะเป็นการยกเครื่องกฎหมายโรงแรม พ.ศ. 2547 ที่ใช้มานานจนไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน

 

ในสาระสำคัญ กฎหมายฉบับนี้มีการนิยาม “สถานที่พักแรม” ให้ครอบคลุมทุกประเภทของที่พัก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ โฮสเทล บูทีคโฮเทล บ้านพัก ห้องพักในคอนโดมิเนียมอาคารชุดที่ปล่อยเช่าระยะสั้น หรือแม้แต่รูปแบบใหม่ ๆ อย่างเต็นท์ Camper Van รถบ้าน แพ หรือโฮมสเตย์ชุมชน ขอบเขตจึงกว้างกว่ากฎหมายเดิมที่จำกัดอยู่เพียงโรงแรมแบบดั้งเดิม การปรับนิยามนี้สะท้อนถึงความเข้าใจในเศรษฐกิจแบ่งปัน (sharing economy) และพฤติกรรมท่องเที่ยวแบบใหม่ที่นักท่องเที่ยวมองหาประสบการณ์เฉพาะตัวมากขึ้น

 

สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้ มีการแบ่งสถานที่พักแรมออกเป็น 3 จำพวกเพื่อให้การกำกับดูแลเหมาะสมกับขนาดและผลกระทบ
จำพวกที่ 1 คือที่พักขนาดเล็ก เช่น บ้านพักไม่เกิน 8 ห้อง หรือห้องพักคอนโดที่ให้เช่ารายเดือน ผู้ประกอบการเพียงแค่ “แจ้งนายทะเบียน” ก็สามารถดำเนินกิจการได้
จำพวกที่ 2 คือที่พักขนาดกลาง เช่น โรงแรม 9–40 ห้อง หรือห้องพักคอนโดที่ปล่อยเช่าระยะสั้น ต้องขึ้นทะเบียนกับนายทะเบียนก่อนจึงจะดำเนินการได้
ส่วนจำพวกที่ 3 คือโรงแรมและที่พักขนาดใหญ่เกิน 40 ห้อง หรือที่มีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเต็มรูปแบบ การจัดชั้นเช่นนี้ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กไม่ต้องเผชิญกับภาระทางกฎหมายเทียบเท่าโรงแรมใหญ่ และในขณะเดียวกันก็สร้างกลไกควบคุมที่เข้มงวดกับผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อคุ้มครองสาธารณะ

 

ในแง่การบริหารจัดการ กฎหมายกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแต่งตั้งผู้จัดการสถานที่พักแรมที่มีคุณสมบัติชัดเจน มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย สุขอนามัย ระบบป้องกันอัคคีภัย และการเก็บข้อมูลผู้เข้าพักอย่างเป็นระบบ รวมถึงต้องส่งข้อมูลผู้พักชาวต่างชาติไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายใน 24 ชั่วโมง นี่เป็นมาตรการที่สอดคล้องกับการรักษาความมั่นคงของประเทศและช่วยป้องกันเหตุอาชญากรรม อีกทั้งยังยกระดับมาตรฐานบริการและความปลอดภัยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล

 

ร่างกฎหมายยังให้อำนาจกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำนโยบายและแผนเพื่อส่งเสริมธุรกิจที่พักครอบคลุมตั้งแต่การรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น การพัฒนามาตรฐานการบริการ ไปจนถึงการพัฒนาทักษะของบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหมด เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แผนเหล่านี้จะมีผลผูกพันหน่วยงานรัฐทุกแห่ง ซึ่งหมายถึงการบูรณาการทั้งระบบเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไปข้างหน้า

 

หากมองจากมิติทางเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม กฎหมายฉบับนี้แก้ปัญหาที่ค้างคามานานคือ “พื้นที่สีเทา (Grey Area)” ของ Airbnb และการเช่าที่พักระยะสั้น เจ้าของห้องคอนโดจำนวนมากไม่มั่นใจว่าการปล่อยเช่าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเรื่องถูกหรือผิดกฎหมาย และหลายครั้งทำให้เกิดความขัดแย้งกับผู้อยู่อาศัยร่วม กฎหมายฉบับนี้จะสร้างความชัดเจนว่าการปล่อยเช่าระยะสั้นสามารถทำได้ หากเข้าสู่ระบบการแจ้งและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง พร้อมกับมาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้รบกวนชุมชนรอบข้าง เมื่อความไม่แน่นอนหายไป เจ้าของห้องจะกล้าทำธุรกิจมากขึ้น และผู้อยู่อาศัยก็มั่นใจในความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย

 

สำหรับผู้ประกอบการ Airbnb หรือที่พักขนาดเล็ก การมีระบบการแจ้งที่ทำได้ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะลดต้นทุนและขั้นตอนที่ยุ่งยาก การไม่ต้องเสียเวลาไปยื่นเอกสารจำนวนมากที่หน่วยงานรัฐถือเป็นการออกแบบเชิงพฤติกรรมที่ทำให้การปฏิบัติตามกฎหมายง่ายขึ้น เมื่อกฎเกณฑ์เป็นมิตร ผู้ประกอบการก็มีแรงจูงใจที่จะเข้าสู่ระบบและเสียภาษีอย่างสมัครใจ

 

ในมุมโรงแรมขนาดใหญ่ การปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้เป็นการสร้างสนามแข่งขันที่ยุติธรรม จากเดิมที่โรงแรมต้องแบกรับภาระทั้งค่าธรรมเนียมและกฎเกณฑ์ความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่ Airbnb จำนวนมากทำงานนอกระบบไม่เสียภาษี เมื่อทุกฝ่ายต้องเข้าสู่ระบบเดียวกัน โรงแรมจึงไม่ถูกเอาเปรียบ และยังได้ประโยชน์จากการที่ตลาดนักท่องเที่ยวขยายตัว

 

สำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของที่ดิน กฎหมายนี้เปิดโอกาสใหม่ในการออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจแบ่งปัน เช่น คอนโดที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการปล่อยเช่าระยะสั้นอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งจะเพิ่มความต้องการซื้อและดันมูลค่าโครงการสูงขึ้น โดยเฉพาะหากมีข้อกำหนดเพิ่มเติมให้สิทธิทำ Airbnb สงวนไว้เฉพาะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่เป็นคนไทย จะยิ่งสร้างแรงจูงใจให้คนไทยลงทุนอสังหาฯ และทำให้รายได้หมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ สอดคล้องกับเป้าหมายการสร้างงานและลดการกว้านซื้อคอนโดโดยต่างชาติ

 

รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ได้รับประโยชน์โดยตรง เพราะทุกการแจ้งและการขึ้นทะเบียนแปลว่ามีรายได้ภาษีเข้าระบบมากขึ้น เงินเหล่านี้สามารถนำไปใช้พัฒนาสาธารณูปโภคและคุณภาพชีวิตประชาชนในท้องถิ่นท่องเที่ยวที่รองรับนักเดินทางจำนวนมาก นอกจากนี้ การมีข้อมูลทะเบียนผู้เข้าพักอย่างเป็นระบบยังทำให้รัฐสามารถวิเคราะห์สถิติและวางนโยบายท่องเที่ยวได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาการท่องเที่ยวล้นเกินและบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างยั่งยืน

 

แล้วมันคุ้มค่าทางการเงินแค่ไหนที่จะกดปุ่มไฟเขียวให้มีกฎหมาย Airbnb-friendly Law

ปัจจุบันกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มที่พักระยะสั้นอย่าง Airbnb มีขนาดทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้: งานวิจัยที่ Airbnb มอบหมายให้ Oxford Economics ประเมินชี้ว่าในปี 2024 กิจกรรมของ Airbnb ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยประมาณ 72,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นผลกระทบทางตรงราว 30,000 ล้านบาท และผลกระทบทางอ้อม/ผลกระทบแบบลูกโซ่อีกราว 42,000 ล้านบาท พร้อมทั้งสนับสนุนการจ้างงานโดยรวมประมาณ 109,900 ตำแหน่ง ซึ่งแปลว่าเศรษฐกิจชุมชนได้รับการขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของผู้มาเยือนและผู้ให้บริการที่พักในวงกว้าง (เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า บริการทำความสะอาด และบริการขนส่งท้องถิ่น)

เมื่อเทียบเชิงนโยบาย ตัวเลขนี้ไม่ใช่เพียงค่าสถิติทางการเงิน แต่เป็นหลักฐานชัดเจนว่าที่พักระยะสั้นช่วยกระจายรายได้ออกสู่ภูมิภาคนอกเขตเมืองหลัก มากกว่าครึ่งหนึ่งของการใช้จ่ายเกี่ยวกับการเข้าพักเกิดขึ้นในพื้นที่ท้องถิ่นที่ไม่ได้เป็นศูนย์กลางเมือง ทำให้การกำกับดูแลและการเก็บภาษีจากที่พักเหล่านี้สามารถเพิ่มรายได้ท้องถิ่นและสนับสนุนการจ้างงานฐานรากได้จริง หากเราออกแบบกรอบกฎหมายที่ชัดเจนและเป็นธรรม การจัดเก็บรายได้เหล่านี้จะเปลี่ยนจากเงินที่หลุดออกนอกระบบเป็นทรัพยากรสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะของชุมชนโดยตรง.

 

ด้วยบริบทเช่นนี้ ผลกระทบเชิงนโยบายที่ร่าง พ.ร.บ. สถานที่พักแรมเสนอ คือการให้ความชัดเจนด้านการลงทะเบียน การแบ่งประเภทตามขนาดและความเสี่ยง และการส่งเสริมระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการขึ้นทะเบียน จะช่วยให้รัฐสามารถขยายฐานภาษีและจัดสรรทรัพยากรได้ตรงจุดกว่าเดิม ในขณะเดียวกันการกำกับที่เหมาะสมจะช่วยรักษาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนและทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีช่องทางทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมายและมีความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงว่าการปรับกรอบกฎหมายไม่ได้จำกัดโอกาส แต่เป็นการรับรองว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจะ “กระจาย” และ “กลับคืน” สู่ชุมชนไทยอย่างเป็นรูปธรรม

 

ภาพด้านล่างแสดงกลไกของเม็ดเงินใช้จ่ายจากลูกค้า Airbnb ที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจไทย จะเห็นได้ว่าเมื่อมีผู้เข้าพักในประเทศ เม็ดเงินกระจายโดยตรงไปยังร้านค้า การขนส่ง ร้านอาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินส่งทางอ้อมไปยังธุรกิจซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน เพิ่มยอดขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับบ้าน เม็ดเงินเหล่านี้ไหลตรงเข้ากระเป๋าเงินของเจ้าของที่พักและพนักงานดูแลที่พัก ซึ่งสร้างงาน สร้างเงิน และเพิ่ม GDP ของประเทศไทย

ภาพด้านล่างแสดงลูกค้าที่พักของไทยว่ามาจากประเทศอะไรมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส เกาหลี อินเดีย ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จะเห็นได้ว่า Airbnb สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนานาชาติเข้าไทยได้ค่อนข้างหลากหลายทีเดียว

ภาพด้านล่างแสดงการกระจายเม็ดเงินใช้จ่ายไปยังวงการอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้เข้าพัก Airbnb ในประเทศไทยในปี 2024 พักเป็นเวลา 5 วัน และใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 4,400 บาทไปกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าที่พัก เช่น ร้านอาหาร, ร้านค้า, และค่าเดินทาง จากการวิเคราะห์ พบว่าค่าใช้จ่ายในหมวดร้านอาหารเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็น 2,800 บาทจากทุก ๆ 10,000 บาทของค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าที่พัก ตามมาด้วยการช้อปปิ้ง และศิลปะและบันเทิง ซึ่งคิดเป็น 2,400 บาท และ 2,200 บาทตามลำดับ ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับของชำและค่าเดินทางในท้องถิ่นคิดเป็น 1,300 บาทเท่ากัน

 

อย่าเพิ่งปฏิเสธร่างกฎหมาย Airbnb-friendly Law มาเสนอแนะเพิ่มเติมกันดีกว่า

เราทุกคนล้วนต้องการเห็นบ้านเมืองที่เป็นระเบียบ ปลอดภัย และมีเศรษฐกิจเติบโต กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เกี่ยวข้องกับความสงบสุขของผู้อยู่อาศัยในคอนโด ความมั่นใจของนักท่องเที่ยว ความมั่งคั่งของธุรกิจ และรายได้ภาษีที่กลับมาเป็นถนนหนทางหรือโรงเรียนในท้องถิ่น

 

การปล่อยเช่าระยะสั้นไม่ใช่ปัญหา หากอยู่ในกรอบที่ถูกต้อง มันคือ “ทรัพย์สินที่ทำงานแทนเรา” ห้องคอนโดที่ว่างเปล่าสามารถสร้างรายได้เสริม ถูกกฎหมาย และยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปพร้อมกัน และยิ่งถ้าร่างกฎหมายมีการเพิ่มเติมเป็นแนวทางว่านิติบุคคลอาคารชุดสามารถเรียกเก็บค่าส่วนกลางพิเศษสำหรับห้องที่ลงทะเบียนปล่อยเช่าระยะสั้นได้ด้วยก็จะทำให้รายได้ของนิติฯ มีเพิ่มขึ้นและช่วยให้ลูกบ้านมองเห็นประโยชน์ร่วมกันได้ ทำให้เกิดโอกาสใหม่เช่น ลูกบ้านไม่ต้องเสียค่าส่วนกลางเพิ่มเพราะนิติฯ มีรายได้แหล่งใหม่จากห้องที่ทำ Airbnb ระยะสั้น

 

อีกทั้งถ้าแสดงความเห็นต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ให้สามารถเชื่อมโยงกับการอัปเดต พรบ.อาคารชุดฉบับเดิมได้ด้วยเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของคนในคอนโด เช่น นิติบุคคลอาคารชุดสามารถออกข้อบังคับภายในเพื่อกำหนดว่าตึกใดจะเปิดรับหรือไม่เปิดรับการปล่อยเช่าระยะสั้นในสัดส่วนมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละคอนโดมีลักษณะการบริหารเฉพาะตัวและมีทำเลแตกต่างกัน การให้มีแนวทางสร้างกลไกถ่วงดุลระหว่างสิทธิของเจ้าของห้องกับสิทธิของผู้อยู่อาศัยร่วม สอดคล้องกับข้อเสนอว่าควรอัปเดตพระราชบัญญัติอาคารชุดควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้นิติบุคคลมีอำนาจดูแลและควบคุมได้มากขึ้น นี่คือการออกแบบระบบที่ให้ทุกฝ่ายได้เสียงและสิทธิ ไม่ใช่การบังคับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

 

ท้ายที่สุด กฎหมายสถานที่พักแรมฉบับนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดของประเทศไทยในศตวรรษที่ 21 เพราะมันไม่เพียงสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้คนไทยสร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มีอยู่ เพิ่มรายได้ภาษีให้รัฐ และยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไปอีกขั้น

 

ดังนั้น หากคุณเชื่อเช่นเดียวกันว่ากฎหมายนี้ไม่ใช่เพียงการจัดระเบียบ แต่คือการสร้างอนาคตที่ดีกว่า โปรดแสดงพลังของคุณด้วยการเข้าไปโหวต “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” และการเพิ่มแสดงความคิดเห็นเป็นตัวหนังสือเข้าไปด้วยจะถูกนับไปพิจารณาและมีผลมากกว่าการติ๊กเลือกแค่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยครับ เนื่องจากความเห็นเชิงคุณภาพเหล่านั้นทางกรรมาธิการจะนำความเห็นอันมีค่าไปร่วมพัฒนาเป็นกฎหมายที่มาพลังความคิดเห็นของทุกคน

 

ร่วมแสดงความเห็นที่เว็บไซต์ ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องลงทะเบียนข้อมูล

https://law.go.th/listeningDetail?survey_id=NTczNkRHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ

เสียงของคุณคือส่วนหนึ่งที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริงอย่างสันติและมีส่วนร่วม เพื่อประเทศไทยที่ทุกคนภูมิใจร่วมกัน

 

หากคุณเพิ่งอ่านบทความนี้แล้วพบว่าหมดเขตการแสดงความคิดเห็นแล้วเมื่อ 12 กันยายน 2568 ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเสนอร่างครั้งที่ 1 เท่านั้น ยังมีอีกหลายรอบให้เสนอความเห็น กรุณาติดตามครั้งต่อไปได้เองจากเว็บไซต์ www.law.go.th

 

ที่มาแหล่งข้อมูล:

https://law.go.th/listeningDetail?survey_id=NTczNkRHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ=

https://news.Airbnb.com/wp-content/uploads/sites/4/2025/08/Airbnb-and-Oxford-Economics-Economic-Impact-Report-Thailand-2025_EN.pdf

Propholic EditorialTeam

เราคือทีมสร้างสรรค์เนื้อหาคุณภาพจาก Propholic.com มุ่งมั่นตั้งใจนำเสนอความรู้และข่าวสารในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมแง่มุมต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งหวังขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์เติบโตและพัฒนาได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

เว็บไซต์

ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39

แอสปาย สุขุมวิท – พระราม 4

บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์

มาพร้อมงานดีไซน์แบบใหม่ “Modern Simplicity ความเรียบ...

11 July, 2025

แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น

ASPIRE อ่อนนุช สเตชั่น (ASPIRE Onnut Station) คือคอน...

2 June, 2025

เรฟเฟอเรนซ์ เกษตร ดิสทริค

Reference เป็นแบรนด์ดีไซน์คอนโดในกลุ่ม Mid-Tier ของ ...

9 March, 2025

นิว โคสต์ คูคต สเตชัน

หากถามว่าย่านชานเมือง ช่วงรอยต่อของกรุงเทพฯ และปริมณ...

6 March, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง