Wealth in Clouds, Ground Cries for Rain เงินของคนรวยกำลังติดอยู่บนฟ้า หากไม่ปล่อยฝน วันหน้าอาจไม่มีดินให้ยืน

ต่อทอง ทองหล่อ 08 September, 2025 at 20.52 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


“ในโลกนี้เงินเปรียบเสมือนน้ำ…

หากมันลามไหลเวียนลงสู่พื้นดิน…

ดินก็ชุ่มหินก็ฉ่ำต้นไม้ก็ผลิใบ…

ผู้คนก็มีพลังใจและชีวิตชีวา…

เศรษฐกิจนำพาให้เติบโตดั่งป่าใหญ่…

แต่หากเงินหยุดไหลดั่งน้ำระเหยลอยขึ้นไป…

กักเก็บไว้เป็นเมฆากลางนภากาศ…

หากฝนไม่เคยสาดตกร่วงหล่นลงดิน…

โลกเบื้องล่างอาจสิ้นน้ำแล้งและแห้งผาก…

คนตัวเล็กต้องตายจากเพราะขาดน้ำดื่มกิน”

นี่คือภาพสะท้อนเศรษฐกิจปัจจุบัน เงินจำนวนมหาศาลถูกดูดซับเข้าสู่ investment sector หุ้น ทอง กองทุน อสังหาริมทรัพย์ คริปโต หรือการเก็งกำไรต่าง ๆ เงินถูกขังไว้ในเมฆดำหนาทึบ ขณะที่บนพื้นดิน real sector กลับขาดเงินหล่อเลี้ยงอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นผลพวงจากระบวนการหนึ่งที่เรียกว่า Financialization หมายถึง การทำสิ่งใดๆ ให้กลายเป็นตัวเลขตีค่าทางการเงินได้ ตัวอย่างหนึ่งเช่น การที่อนุญาตให้บริษัทหนึ่งสามารถแปลงสินทรัพย์ที่มีคุณค่าแท้จริงจับต้องได้เปลี่ยนให้กลายเป็นหลักทรัพย์ที่เป็นตัวเลขทางการเงินแล้วนำไปเทรดในตลาดหุ้น เป็นต้น

 

โลกการเงินภายใต้วิถี Financialization ได้เติบโตจนมีขนาดใหญ่กว่าภาคเศรษฐกิจจริงอย่างมหาศาล ตัวอย่างชัดเจนคือสหรัฐอเมริกาที่มี “Buffett Indicator” หรืออัตราส่วนระหว่างมูลค่าตลาดหุ้นกับ GDP ล่าสุดแตะระดับกว่า 217% หมายความว่ามูลค่าตลาดหุ้นสูงกว่าขนาดเศรษฐกิจจริงเกินสองเท่าไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีระบบ “shadow banking” เช่น เหล่า Hedge fund และบริษัทประกันภัยต่างๆ ที่ปัจจุบันถือครองสินทรัพย์คิดเป็นราว 78% ของ GDP โลก และยังไม่นับรวมตลาดอนุพันธ์ที่มีอีกมากมาย ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การเก็งกำไรและการสร้างตราสารทางการเงินทับซ้อนกันไปมา ทำให้มูลค่าทางการเงินโตไกลเกินกว่าการผลิตและบริการจริง (Real sector) ซึ่งในหลายครั้งไม่ได้ก่อให้เกิดคุณค่าต่อเศรษฐกิจฐานราก แต่กลับสร้างความผันผวนและความเสี่ยงที่ภาคเศรษฐกิจจริงต้องรับผลกรรมตามมาด้วย

 

ในระดับโลก OECD เตือนว่าอัตราการลงทุนสุทธิภาคธุรกิจทั่วโลกตกลงเหลือเพียง 1.6% ของ GDP จากกว่า 2.5% ก่อนวิกฤตการเงินปี 2008 สะท้อนว่าแม้เงินทุนล้นโลก แต่กลับไม่ไหลลงไปสร้างงานและผลผลิตจริง

 

หากมองย้อนประวัติศาสตร์ ภาพนี้ไม่ต่างจากยุคกลางของยุโรป เมื่อทรัพย์สินและที่ดินส่วนใหญ่ถูกรวมศูนย์อยู่ในมือชนชั้นศักดินาและขุนนาง เกษตรกรผู้ทำงานบนดินกลับแทบไม่เหลือผลผลิตให้กินเอง เศรษฐกิจจึงซบเซาและเหลื่อมล้ำสุดขั้ว เงินในสมัยนั้นเปรียบเหมือน “เมฆของขุนนาง” ที่กักเก็บไว้ ไม่หลั่งไหลลงมาสู่ราษฎร

แต่แล้วยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) และต่อมาคือยุคพาณิชย์นิยม (Mercantilism) ได้นำความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ วิธีแก้ไขคือการ “ปลดล็อก” ให้ทุนของชนชั้นสูงกระจายลงสู่ภาคการผลิตและการค้าแทนที่จะหยุดนิ่งในที่ดินหรือสมบัติส่วนตัว เมืองใหญ่ในอิตาลีอย่างฟลอเรนซ์ เกิดตระกูลพ่อค้าและธนาคาร เช่น ตระกูลเมดิชี (Medici) ที่นำเงินไปลงทุนในหัตถกรรม ศิลปะ การเดินเรือ และกิจการพาณิชย์ ความมั่งคั่งที่เคยกองอยู่บนปราสาทของขุนนาง ถูกเปลี่ยนเป็น “ฝนแห่งเงิน” ที่หลั่งสู่พ่อค้า ช่างฝีมือ ศิลปิน เช่น บุคคลสำคัญทางวงการศิลปะอย่าง Michelangelo และ  Leonardo da Vinci ก็อยู่ในยุคนี้ การลงทุนต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างตลาดใหม่ และจุดประกายความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

 

วิธีการเหล่านี้คล้ายกับสิ่งที่เศรษฐกิจปัจจุบันต้องการ นั่นคือการหาทางให้เงินจากเมฆการเงินและการลงทุน กลั่นตัวลงมาเลี้ยงดินจริง ๆ ผ่านการลงทุนในภาคผลิต การสร้างงาน การสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก และการให้คุณค่ากับนวัตกรรมที่จับต้องได้

 

หากรัฐเป็น “สายลม” ที่ทำให้เมฆเปลี่ยนรูป รัฐอาจใช้ภาษีเพื่อเร่งการกลั่นตัวของเมฆ เช่น ภาษีการลงทุนเก็งกำไรหรือภาษีทรัพย์สิน เพื่อบังคับให้ทุนบางส่วนโปรยลงมาในเศรษฐกิจจริง ขณะเดียวกัน รัฐก็สามารถเป็น “ภูเขา” ที่บังคับให้เมฆต้องปล่อยฝน ด้วยการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่ลงทุนในธุรกิจ SMEs หรือโครงการพัฒนาท้องถิ่น

 

และหากจะแก้ไขปัญหาเงินทุนไม่หมุนเวียนด้วยวิธีทางสังคม ก็อาจจะสร้างค่านิยมแข่งกันเป็นสปอนเซอร์งานความคิดสร้างสรรค์อย่างที่เศรษฐียุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการนิยมทำก็ได้ เช่น มีองค์กรจัดเวทีกลางให้เกิดการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับเหล่านักวิทยาการและกลุ่มทุนที่สนับสนุน

 

การสร้างวัฒนธรรมการใช้เงินสำหรับคนรวยแบบใหม่ที่เป็นผู้สนับสนุนคนตัวเล็ก  เช่น การจัดตั้งอนุสมาคม หากกลุ่มทุนใดมีทรัพย์เหลือมากถึงเกณฑ์ สามารถจัดตั้งอนุสมาคมให้ธุรกิจตัวเล็กสามารถสมัครสมาชิกเพื่อรับผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินหรือการช่วยเหลือทางการค้าจากกลุ่มทุนใหญ่ได้ โดยรัฐอาจจะกำหนดว่ากลุ่มทุนแบ่งเพียง 1-5% เปลี่ยนจากการออมความมั่งคั่งบนฟ้า ให้หันมามาลงทุนในธุรกิจเล็ก ๆ บนดิน ร้านอาหาร โรงงานท้องถิ่น หรือสตาร์ตอัป เงินเหล่านี้ก็จะกลายเป็นหยดฝนที่หล่อเลี้ยงฐานราก และหากหยดเล็ก ๆ รวมตัวกันมากพอ วันหนึ่งเราจะได้เห็นสายฝนตกลงมาจริง ๆ

 

 

จากยุคกลางสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ยุโรปได้เรียนรู้ว่าการกักเก็บทรัพย์ไว้ในมือชนชั้นสูงเพียงอย่างเดียวไม่อาจทำให้เศรษฐกิจงอกงาม แต่ต้อง “ปล่อยให้เงินไหล” ลงสู่ประชาชนฐานราก ปัจจุบันเราก็อยู่ในห้วงเวลาที่คล้ายคลึงกัน เงินจำนวนมหาศาลถูกเก็บกักอยู่ในระบบการเงิน แต่ขาดการหมุนเวียนในภาคเศรษฐกิจจริง หากเราเรียนรู้จากอดีต การทำให้เมฆกลั่นเป็นฝนคือคำตอบเดียวที่ทำให้พื้นดินกลับมาชุ่มชื้น

 

เศรษฐกิจจะยืนยาวไม่ได้ด้วยเมฆที่สะสมสูงขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่ต้องการฝนที่โปรยปรายลงมาหล่อเลี้ยงทุกชีวิตอย่างเสมอภาค

 

และหากคุณรู้ตัวว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่ำรวยจนเงินของคุณกักเก็บอยู่บนเมฆ อย่าลืมนึกถึงวิธีสร้างฝนของตัวเองไว้ด้วย การแบ่งเงินส่วนหนึ่งออกมาลงทุนในธุรกิจหรือกิจกรรมที่สร้างคุณค่าใน real sector ไม่เพียงช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากมีชีวิตชีวา แต่ยังช่วยปกป้องระบบการเงินให้คงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมทั้งปกป้องผลประโยชน์ของคุณเองในระยะยาว

 

เศรษฐกิจที่มีฝนตกชุ่มชื้น ไม่ใช่เพียงความหวังของผู้อื่น แต่คือรากฐานที่ทำให้ความมั่งคั่งของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและปลอดภัย.

 

“Let’s make the rain”

 

Source:

https://www.currentmarketvaluation.com/models/buffett-indicator.php

https://en.m.wikipedia.org/wiki/Shadow_banking_system

https://www.investopedia.com/terms/f/financialization.asp

https://unsplash.com/photos/a-dollar-bill-floating-in-a-pool-of-water-izgPlIB88Ww

ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์

นิว เรน แจ้งวัฒนะ

ศุภาลัย พรีเมียร์ ตากสิน - วงเวี...

โค้บบ์ ลาดพร้าว-สุทธิสาร

เอสซี แอสเสท ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงและนวั...

22 September, 2025

ศุภาลัย เอลีท สุขุมวิท 39

"คอนโด High Rise ใหม่แบบ 2 ห้องนอนในย่านพร้อมพงษ์ ยั...

7 August, 2025

แอสปาย สุขุมวิท – พระราม 4

ASPIRE สุขุมวิท-พระราม 4 คือ คอนโดไฮบริดพร้อมอยู่ที่...

21 July, 2025

บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์

มาพร้อมงานดีไซน์แบบใหม่ “Modern Simplicity ความเรียบ...

11 July, 2025

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง